นายกฯ อิ๊งค์ปัดข่าวลือสหรัฐปิดทางไทยเจรจาภาษี วอนอย่าเล่นการเมืองยิงกันเอง แต่ต้องผนึกกำลังให้เข้มแข็ง โยน “กต.-พณ.-กค.” ดูปมคุยพ่วงคดีพอล แชมเบอร์ส “กอ.รมน.” แจงยิบ ย้ำเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ชี้ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องลงดาบ “ปชน.” แห่ยกคำพูดพ่อนายกฯ ถล่มรัฐบาล “วิโรจน์” ได้ทีขย่มบอกทหารทำเกินหน้าที่ ซ้ำร้ายกระทบต่อพระเกียรติยศในเวทีโลก
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ปัญหาภาษีสหรัฐอเมริกาที่จะร่วมมือกับอาเซียนว่า ล่าสุดที่ได้ไปคุยกับนายกฯ กัมพูชา และได้คุยนอกรอบกับนายกฯ มาเลเซียด้วย ซึ่งพูดคุยกันว่าจะเน้นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้วเป็นจุดขายของแต่ละประเทศมารวมพลังกัน เพื่อเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ ส่วนเรื่องของแต่ละประเทศทุกคนก็ทำของตัวเองไป แต่ในกลุ่มของอาเซียนจะมีการรวบรวมว่าเรามีอะไรที่เป็นจุดพิเศษที่จะร่วมมือกันเจรจาต่อรองกับสหรัฐได้ ซึ่งเมื่อเรารวมกลุ่มอาเซียนก็จะมีประชากรเยอะขึ้น และเป็นน้ำหนักมากขึ้นในการต่อรองกับสหรัฐ ทั้งนี้ จะประชุมกันนอกรอบอีก ซึ่งไทยและกัมพูชาจะมีการจัดการประชุมร่วมกันกับนายกฯ และรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ระหว่าง 2 ประเทศที่จังหวัดสระแก้วด้วย
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเปิดเงื่อนใหม่เป็นคดีที่ไทยฟ้องนายพอล แชมเบอร์ส จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการเจรจาครั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการไป รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ทั้งหมดเป็นการเจรจาเป็นภาพรวม อะไรที่เกี่ยวข้องก็คุยหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ
ถามถึงความชัดเจนเรื่องวันในการไปเจรจากับสหรัฐ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องวันยังไม่ได้ระบุออกมา แต่เราคุยกันเรื่องกรอบของอาเซียนที่จะร่วมมือกัน ซึ่งเรื่องความเร็วมันไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องของความแม่นยำ ซึ่งเรื่องที่เราคุยกันก็ได้กลับมาพิจารณาในข้อมูลให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ตรงนี้เป็นความแม่นยำที่เราจะไปเจรจากับสหรัฐว่ามีอะไรที่ทำเพิ่มได้ก็คุยกัน ซึ่งกระทรวงการคลังก็คุยอยู่ต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า ล่าสุดมีการบิดเบือนว่าการที่สหรัฐเลื่อนเจรจากับไทย เพราะไม่ต้องการเจรจากับทางการไทย นายกฯ ย้อนถามว่าอันนี้เอามาจากไหน เป็นข่าวลือใช่ไหม จริงๆ ถ้าเป็นข่าวลือในประเทศ ไม่อยากให้ลืออะไรแบบนี้ เพราะเรากับสหรัฐมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน การจะลือเพื่อเล่นประเด็นทางการเมืองมันไม่ควร เพราะจริงๆ เราต้องผนึกกำลังกันไว้ ประเทศไทยทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทำให้การเจรจาต่อรองของเราเข้มแข็ง ไม่ใช่มามัวแต่คิดถึงประเด็นการเมืองแล้วยิงกันเองก่อน แต่ในประเทศต้องแข็งแรงก่อน ก็ไม่อยากให้ปล่อยข่าวเรื่องแบบนี้
เมื่อถามว่า อยากให้เจรจากับสหรัฐในยกแรกก่อน เพื่อเห็นความต้องการของสหรัฐจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราคุยกันหลังไมค์อยู่แล้ว เรื่องความต้องการของสหรัฐ โดยก่อนแถลงออกไมค์แบบนี้เราต้องคุยกันข้างหลังก่อน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบระหว่างประเทศ การแบ่งกลุ่มเพื่อทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าที่นายพิชัย รองนายกฯ เป็นคนรับผิดชอบอยู่ ตอนนี้ก็ต้องคุยกันทุกแง่มุมข้างหลังให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นไม่สามารถมีหัวข้อออกมาพูดได้ แต่เราก็ทำงานกันอยู่ตลอด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกันตลอด ไม่ได้หายไปไหน และติดต่อกับสหรัฐตลอด
ชี้เป็นเรื่องตามกระบวนการ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณออกมาพูดถึงกรณีการขึ้นกำแพงภาษีสหรัฐและมีการพูดถึงเรื่องความมั่นคง รวมไปถึงการจับกุมดำเนินคดีนายพอล ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามกระบวนการ ซึ่งเราก็เร่งรัดอยู่แล้ว และทำอยู่ในกรอบที่กฎหมายให้อำนาจ และพยายามระมัดระวัง ไม่ให้กระทบกระเทือนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กรณีที่เป็นชาวต่างชาติเราทำทุกอย่างอย่างรอบคอบที่สุด โดยขอให้รอดูข้อเท็จจริง เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณา
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะแลกเรื่องนี้กับการให้สหรัฐยอมเจรจา นายภูมิธรรมถึงกับอุทานว่า โอ้ อย่าเพิ่งไปคาดเดาอย่างนั้นเลย เรื่องเจรจาสหรัฐก็เจรจาไป เพราะทุกส่วนก็ต้องมีเหตุมีผล แต่ก็ต้องดูเรื่องนี้ว่ามีความผิดอะไร แต่หากว่ามีความผิดอย่างชัดเจนก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ
ขณะที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงกรณี กอ.รมน.ภาค 3 ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อ ดร.พอล เวสลีย์ แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดมาตรา 112 เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐถือเป็นอาญาแผ่นดิน นอกจากนี้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) และมาตรา 8 ผู้พบเห็นการกระทำผิดอาญา โดยเฉพาะถ้าเป็นความผิดอาญาที่กระทบต่อสาธารณะ สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ซึ่งบุคคลทั่วไปหรือหน่วยงานที่พบเห็นข้อความการแสดงออก หรือการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้ กอ.รมน.ภาค 3 ได้รับการแจ้งเบาะแสจึงดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง และตรวจพบการกระทำที่มีลักษณะอาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 จึงได้เข้าร้องทุกข์และแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน แล้วตัดสินว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือไม่ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถที่จะตัดสินหรือสรุปเองได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เพราะจะถือเป็นการละเมิดและก้าวล่วงอำนาจศาล
กอ.รมน.ย้ำเป็นคดีอาญา
สำหรับประเด็นที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนถึงบทบาทอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาตรา 7 พล.ต.ธรรมนูญระบุว่า อำนาจในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกลไกในการจัดทำแผนงานเพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่มีความซับซ้อน ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน จึงต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหารเพื่อนำไปดำเนินการตามกฎหมาย อาทิ การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด การเสริมสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ เป็นต้น ซึ่งคดีของ ดร.พอล เป็นคดีอาญา ไม่ใช่การดำเนินการตามมาตรา 7
“ที่สันนิษฐานว่าห้วงเวลาในการดำเนินคดีกับ ดร.พอล อยู่ระหว่างการเตรียมการเจรจาเรื่องการขึ้นภาษีกับสหรัฐ อาจสร้างผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยหรือไม่ ต้องขอเรียนว่า การดำเนินคดีเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐกับเรื่องภาษีเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน มีสถานะทางกฎหมายและผลกระทบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
พล.ต.ธรรมนูญย้ำว่า กอ.รมน.ภาค 3 เป็นหน่วยงานความมั่นคง มีหน้าที่ปกป้องความมั่นคงของสถาบันของชาติ การกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าจะโดยคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งการพิจารณาในชั้นศาลถือว่าเป็นกระบวนยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสามารถนำหลักฐาน ข้อเท็จจริง พยาน มาชี้แจงแสดงได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ขอให้สังคมรอการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม และเคารพอำนาจศาลในการพิจารณาคดี
ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้า พรรค ปชน. กล่าวถึงคำพูดของนายทักษิณในเรื่องกำแพงภาษีว่า แม้นายทักษิณไม่ได้เอ่ยตรงๆ ว่าความมั่นคงเรื่องใด หรือเราฟ้องชาวอเมริกันคนใดบ้าง แต่พอเดาได้ว่าสหรัฐได้หยิบยกเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์ และปัญหาการฟ้องร้องนักวิชาการอเมริกัน อาจารย์พอล เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการเจรจากับสหรัฐ หรือหนักกว่านั้นคือ อาจเป็นเงื่อนไขว่าจะได้เจรจาหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่นายทักษิณยังไม่ได้ตอบก็คือ นอกจากมีสติแล้วเราจะแก้ปัญหา 2 เรื่องนี้อย่างไรต่อ
“ที่จริงคนที่ต้องตอบเรื่องนี้คือรัฐบาล ตั้งแต่อะไรคือปัญหาที่แท้จริง ที่กลายเป็นชนวนทำให้เรายังไม่สามารถเดินหน้าเจรจาได้เหมือนประเทศอื่น ไปจนถึงทางออกของปัญหา 2 เรื่องนี้ ลำพังเรื่องอาจารย์พอล คงหาทางออกได้ด้วยการถอนฟ้อง และดำเนินการกับหน่วยงานที่ไปแจ้งความโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดแจ้ง เรื่องชาวอุยกูร์อาจแก้ได้ยากกว่า อย่างน้อยที่สุดต้องยืนยันว่าจะไม่กระทำแบบเดิมซ้ำอีกกับชาวอุยกูร์ที่เหลืออยู่” น.ส.ศิริกัญญากล่าว และเรียกร้องให้นายกฯ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างกับสังคมด้วยตัวเอง ไม่ยืมปากนายทักษิณ ที่ไม่ได้มีตำแหน่ง อำนาจหน้าที่หรือความรับผิดชอบใดๆ
ด้านนายวิโรจน์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในชั้น กมธ. เห็นว่าการแจ้งความ ม.112 กับอาจารย์พอลเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายการใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งหลักฐานที่ กอ.รมน.นำมาแจ้งความ ที่เป็นเพียงเว็บไซต์สูจิบัตรแนะนำหัวข้อสัมมนาออนไลน์ ที่อาจารย์พอลไม่ได้เป็นผู้เขียน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ISEAS-Yusof Ishak Institute ที่เป็นผู้จัดงานสัมมนา
โยงกระทบพระเกียรติยศ
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ยิ่งฟัง พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจง ก็ยิ่งรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะ พล.ต.วินธัยชี้แจงว่า การกระทำผิด ม.112 นั้นเป็นอาญาแผ่นดิน ใครที่พบเห็นการกระทำผิดสามารถแจ้งความได้ ซึ่งไม่ผิดเลยถ้า พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ไปแจ้งความในฐานะปัจเจกบุคคล แต่ข้อเท็จจริงคือ พล.ท.กิตติพงษ์ไปแจ้งความในนามของ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งการดำเนินการต้องอยู่ภายใต้หลักการของกฎหมายมหาชน คือจะทำได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายระบุให้ทำ
“สิ่งที่ กอ.รมน.กระทำ นอกจากจะเข้าข่ายการบ่อนทำลายหลักนิติรัฐแล้ว ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันกับประโยชน์ของประเทศอย่างใหญ่หลวง และที่น่ากังวลที่สุด ก็คือการกระทำในครั้งนี้อาจเข้าข่ายการอ้างความจงรักภักดี ใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือก่อข้อพิพาทระหว่างประเทศ โดยที่สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องตกอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทนั้น กระทบต่อพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวทีโลก” นายวิโรจน์ระบุ
นายวิโรจน์ชี้ว่า ขนาดนายทักษิณพ่อของนายกฯ ยังออกมายอมรับเองว่า เรื่องนี้อาจมีผลกระทบต่อการเจรจากรณีภาษีสหรัฐ แต่จนถึงปัจจุบันนายกฯ ในฐานะ ผอ.รมน. ก็ยังไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร และหากภายหลังว่าคดีนี้มีการสั่งไม่ฟ้อง ยกฟ้อง หรือมีคำพิพากษาเป็นที่สุดว่าอาจารย์พอลมิได้กระทำผิดตามที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ จะรับผิดชอบต่อความเสียหายของประเทศและประชาชนอย่างไร
"นี่จึงเป็นอีกข้อพิสูจน์ว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีเจตจำนงในการทำให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพเลย ปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงลุแก่อำนาจ ใช้ ม.112 ตามอำเภอใจ เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ถ้าบ้านเมืองของเรายังมีรัฐทหาร ที่อยู่เหนือกฎหมาย สามารถทำตามอำเภอใจตนเองอย่างไรก็ได้ การปฏิรูปกองทัพจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย” นายวิโรจน์กล่าว และว่า ในเมื่อ พล.ต.วินธัยกล้าชี้แจงแทน กอ.รมน. ทั้งที่ไม่ใช่โฆษก กอ.รมน. คณะ กมธ.จึงคิดว่าท่านคงมีความรู้ด้านกฎหมายมหาชน และ พ.ร.บ.กอ.รมน. โดยจะมีการเชิญเข้ามาชี้แจงใน กมธ.ในวันที่ 8 พ.ค.ที่จะถึงนี้ รวมถึง พล.ต.ธรรมนูญ และจะเชิญนักกฎหมายมหาชนมาด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอ หากนายกฯ มอบหมายแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน 'คดีฮั้ว สว.' เผยยังส่งดอกไม้ไปเยี่ยม 'อนุทิน' อยู่เลย
นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลา 'อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน'
นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ ก่อนหารือทวิภาคีกับนายกฯเวียดนาม
'นายกฯอิ๊งค์' เปิดทำเนียบต้อนรับ 'ปธน.อินโดนีเซีย' เยือนไทยรอบ 20 ปี
นายกฯ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ 'ปธน.อินโดนีเซีย' เยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 20 ปี 19 พ.ค. นี้ เตรียมหารือทวิภาคี พร้อมแถลงข่าวร่วมกัน
คดี‘ฮั้วสว.’ไม่สะดุด DSIลุยสอบฟอกเงิน-อั้งยี่ ดาบสองชงป.ป.ช.ฟัน‘ทวี’
"นายกฯ อิ๊งค์" ปัดคุมดีเอสไอเอง รอ ครม.เคาะตัวแทนทวี "โฆษกดีเอสไอ" ลั่นคดีฮั้ว สว.ไม่สะดุด เดินหน้าสอบฟอกเงิน-อังยี่ตาม กม.
เตือนคลังติดคุก หนุน‘G-Token’ แฉเอื้อบิตคอยน์
"ธีระชัย" จี้รัฐหยุดตีความกฎหมายสร้างความชอบธรรมออก "จีโทเคน" ชี้ไม่ตรงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หนี้
พิชัยถกแบงก์รัฐ ศก.ฟุบหนัก2ปี จ่ออัดซอฟต์โลน
"อิ๊งค์" บอกยังไม่ยกเลิก "เงินหมื่นเฟส 3" อ้างเวลานี้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด