อ้วนฟังจุฬาราชมนตรีคุยสันติสุข

"ภูมิธรรม" พบ "จุฬาราชมนตรี" ประณามการกระทำโหดร้ายที่กระทำต่อมนุษย์ร่วมกัน ย้ำผิดหลักศาสนา รมว.กลาโหม ยันพร้อมเจรจา จะเดินทางไปมาเลเซีย "รอมฎอน"  ยกรัฐบาลประยุทธ์แก้ปัญหาชัดเจนกว่า ยอมรับ  BRN ใช้กำลังเพราะเป็นอำนาจการต่อรองที่เขาพอจะมี การข่าวในพื้นที่เตือนระวัง "โชเล่ย์บอมบ์" ในพื้นที่อำเภอเมืองยะลา

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักจุฬาราชมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กห.) เผยกับสื่อมวลชนหลังเข้าพบนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ที่สำนักจุฬาราชมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางสำนักจุฬาราชมนตรีมีความห่วงใย และท่านได้ประสานติดต่อมา แต่ส่วนตัวก็ตั้งใจมากราบเรียนและขอเข้าพบท่านอยู่แล้ว ส่วนที่ตนมานั้นคือต้องการมาถามถึงมุมมองของจุฬาราชมนตรี ที่เจอสภาพเช่นนี้ และเข้าใจในคนมุสลิมมากกว่าคนไทยพุทธ

โดยหลังการพูดคุยมีความชัดเจนว่าไม่มีใครอยากเห็นการเข่นฆ่า เนื่องจากไม่ตรงกับหลักศาสนา ดังนั้น สิ่งที่ตนอยากจะแก้ไข จึงต้องมีการพบกับทุกส่วน โดยไม่ต้องนั่งฟังในที่ประชุม เนื่องจากในที่ประชุมไม่สามารถพูดได้หมดทั้งหมด จึงนำส่วนเหล่านี้มาประกอบกันในการแก้ไขปัญหาและหาทางออก

นายภูมิธรรมเผยว่า จุดยืนของจุฬาราชมนตรีคืออยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น และอยากเห็นการร่วมมือกันเพื่อให้เกิดสันติสุข ดังนั้นจุฬาราชมนตรีจึงได้ประณามการกระทำโหดร้ายที่กระทำต่อมนุษย์ร่วมกัน ย้ำว่ามันผิดหลักศาสนา นอกจากนี้ตนเชื่อว่าทุกหลักศาสนาไม่นิยมหรือผลักดันใครให้ไปฆ่ากัน  แต่เรื่องดังกล่าวมีความชัดเจนที่ทุกคนอยากหาสันติสุขและความสงบ และทุกคนอยากเห็นการเคารพนับถือซึ่งกันและกัน ดังนั้นต้องหาจุดที่เป็นเหตุเพื่อหาทางแก้ไข และตนก็พร้อมที่จะคุยและเจรจา ย้ำว่ายังต้องมีอีกหลายส่วน โดยเฉพาะตนเองที่จะต้องเดินทางไปประเทศมาเลเซียด้วย

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า บางช่วงที่เป็นสถานการณ์ความรุนแรงในเรื่องการส่งสัญลักษณ์ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ  ขณะที่ฝ่ายรัฐจะเพิ่มกำลัง เร่งตั้งด่าน จัดกำลังคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนให้มากที่สุด กระทรวงมหาดไทยได้เสริมกองกำลังอาสาตลอดช่วงปีกว่าที่ผ่านมา ทั้งอาสาที่ได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องดูแลประชาชนและปราบปรามผู้ที่ก่อการร้าย โดยที่มีการฝึกด้านมวลชน การใช้อาวุธต้องเสริมกำลังเข้าไป

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ได้อ่านแถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการฯ ต่อความรุนแรงระลอกล่าสุดในพื้นที่ชายแดนใต้ ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ  ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ ดังนี้

1.คณะกรรมาธิการฯ ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกความสูญเสีย เราขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที เพราะการใช้ความรุนแรงไม่เพียงขัดต่อหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน  หลักการทางมนุษยธรรม แต่ยังบ่อนทำลายกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างรุนแรง

2.คณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า ต้องมีการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธธรรมโดยเร็วที่สุด  และดำเนินการตามหลักนิติธรรมและความโปร่งใส  การให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ลดความหวาดวิตก ไม่ไว้วางใจกันในพื้นที่

3.คณะกรรมาธิการฯ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

4.คณะกรรมาธิการฯ ขอสนับสนุนให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยสันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรง และสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกันอย่างสันติภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ

5.คณะกรรมาธิการฯ ตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความซับซ้อน และต้องการแนวทางการสร้างสันติภาพในหลากหลายมิติ รวมทั้งต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วน คณะกรรมาธิการฯ กำลังเร่งจัดทำรายงานที่ครอบคลุมข้อเสนอทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้อย่างยั่งยืน

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพใหญ่ในเวลานี้รัฐบาลดูเหมือนยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าโดยสถานการณ์ที่บีบคั้นในเวลานี้ และเสียงเรียกร้องของสังคมไทย รวมถึงคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธหรือชาวมุสลิม หลังเหตุการณ์ที่บานปลายขยายตัวในขณะนี้ รัฐบาลจึงเริ่มมีความจำเป็นต้องทำให้ชัดเจนมากขึ้น มองว่าสาเหตุบริบทแวดล้อมที่สำคัญที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

นายรอมฎอนกล่าวด้วยว่า คิดว่าชนวนที่สำคัญที่สุดที่สำคัญที่เกิดขึ้นในเดือน เม.ย. คือการลอบสังหารอุสตาซอับดุลรองนิงที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส หลังจากนั้นตามมาด้วยเหตุการณ์กราดยิงทำให้สามเณรเสียชีวิต หลายเหตุการณ์โจมตีพลเรือน ซึ่งคนในพื้นที่ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยไต่ระดับเพิ่มขึ้น  และการเผชิญหน้าเพิ่มสูงขึ้น ถ้าสังเกตคือ ความรุนแรงกำลังทำงานของมันเอง กำลังเรียกร้องให้มีการใช้ความรุนแรงให้สยบ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นจะทำให้สังคมไทยและคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้แบกความเสี่ยงต่อไป เพราะความรุนแรงที่ถาโถมเข้าไป จะยิ่งมีผลกระทบ จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดจึงมีเสียงเรียกร้องให้มีการสานต่อกระบวนการสันติภาพในการพูดคุยสันติภาพหลายภาคส่วน เพื่อถ่วงดุลกับความรุนแรงเพื่อมีพื้นที่ทางการเมืองให้สามารถพูดคุยกันได้ และทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนนำในการเจรจาเองหรือไม่  นายรอมฎอนกล่าวว่า ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา กระบวนการสันติภาพที่เราเห็นเริ่มในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ น.ส.แพทองธารต้องเป็นหัวหน้าคณะพูดคุย แต่นายกฯ ต้องมีส่วนในการกำกับทิศทาง เช่น ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มีความชัดเจนมาก มีการวางโครงสร้างว่าระดับบนมีคณะกรรมการกับทิศทางการพูดคุยที่มีนายกฯ เป็นประธาน ในชั้นที่สองจะเป็นคณะพูดคุยสันติสุข  และชั้นที่สามจะเป็นคณะประสานงานในพื้นที่ แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร โครงสร้างนี้ไม่มีอยู่ แต่มีการจัดตั้งภายในของ สมช. ซึ่งปัญหาคือต้องมีอำนาจหน้าที่ที่แน่นอนได้รับมอบหมายจากนายกฯ

"ต้องยอมรับว่า BRN ใช้กำลัง เพราะเป็นอำนาจการต่อรองที่เขาพอจะมี และรู้อยู่ว่ามีการละเมิดกฎหมายและเสี่ยงต่อการถูกทำลายความชอบธรรมในทางการเมือง ถ้าเขาเลือกใช้ทางนี้ เราจะต้องคิดคือต้องเผชิญหน้ากับคนที่ใช้กำลังแบบนี้  ผมจึงคิดว่าวิธีการนี้รัฐบาลยังสามารถกำหนดกลยุทธ์ได้หลากหลายกว่า เพราะมีความชอบธรรมทางการเมืองมากกว่า ดังนั้นการริเริ่มในฝ่ายรัฐบาลจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยภาพรวม"

เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่าให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจรจากับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะแก้ปัญหาได้หรือไม่  นายรอมฎอนกล่าวว่า ถ้าเข้าใจไม่ผิดยุทธศาสตร์ของรัฐบาลปัจจุบันคือใช้พันธมิตรอย่างมาเลเซียในการเอ็นเกจว่ามีปฏิสัมพันธ์กับ BRN และปูทางไปสู่การพูดคุยในอนาคต ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่อย่าลืมว่ามาเลเซียก็เห็นว่าเรื่องของเราเป็นประโยชน์ของชาติเขาและอาเซียน  ดังนั้นต้องขีดเส้นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศของเรา ซึ่งต้องมีอำนาจในการเริ่ม ไม่ใช่ให้ BRN กำหนดโดยการใช้กำลัง หรือมาเลเซียกำหนดโดยใช้การทูต แต่รัฐบาลไทยต้องทำหน้าที่บางอย่างเพื่อกำหนดสถานการณ์

มีรายงานจากหน่วยข่าวชุดติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์ในพื้นที่เปิดเผยว่า มีรายงานจากแหล่งข่าวพบการเตรียมก่อเหตุในการวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ อ.เมืองยะลา ประกอบกับสถานการณ์ด้านการข่าว กลุ่ม ผกร.ชำนาญการประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาเคลื่อนไหวพบปะกับเครือข่ายในพื้นที่บ่อยครั้ง  พร้อมทั้งขนย้ายอาวุธและวัตถุระเบิดเข้ามาพักคอยเพื่อเตรียมใช้ก่อเหตุ

คาดว่าอาจมีการเตรียมไว้เพื่อประกอบกับรถ จยย.พ่วงข้าง (โชเล่ย์บอมบ์) เฝ้าระวังสถานที่ที่มีการรวมตัวของ จนท. เช่น อาคารพักอาศัยทางราชการ พื้นที่รวมพลก่อนออกปฏิบัติภารกิจ หรือชุมชน/สถานที่การจัดกิจกรรมของประชาชน เช่น ตลาดเดินเท้า ย่านเศรษกิจการค้า การจัดกิจกรรมทางศาสนา เพ่งเล็งในพื้นที่ ต.ลำใหม่, ต.ยุโป, ต.หน้าถ้ำ, ต.สะเตง, ต.สะเตงนอก และตลาดเดินเท้าในเขตเทศบาลนครยะลา เช่น ตลาดพิมลชัย ตลาดหลังโอเชี่ยน โดยมีปัจจัยเร่งเพื่อตอบโต้กรณีการลอบยิงอุสตาซ และจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดช่วงที่ผ่านมา ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ 5-14 พ.ค.68.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘โจรใต้’ก้าวอีกขั้น ใช้โดรนขนระเบิด บึ้มเขตเศรษฐกิจ

โจรใต้ขยับไปอีกขั้น! แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบโดรนต้องสงสัยถูกฝังดินในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เผยบินได้ไกล 10 กม. บรรทุกน้ำหนัก 15 กิโลกรัม คาดเตรียมก่อเหตุเมืองเศรษฐกิจ-ขนสิ่งผิดกฎหมาย

‘เพื่อไทย’ดาหน้าไล่‘หนู’

เพื่อไทยดาหน้าประกาศแยกทางภูมิใจไทย “สุทิน” ชี้ “อนุทิน” แค่อยากรักษาสถานะตัวเอง ใช้วิธีต่อรอง ขู่ จี้ปรับ ครม.เร็วๆ อ้างทำให้นโยบายรัฐบาลเป็นรูปธรรม “วรชัย”

พท.เพ้อเจ้อหนัก ชั้น14ไม่โยงศาล

เพื่อไทยเพ้อหนัก! "อนุสรณ์" อ้างมติแพทยสภากับคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เชื่อมโยงกัน “เด็จพี่”

เขมรไปศาลโลกแล้ว ‘ฮุนเซน’ ชูนิติธรรมควํ่าโต๊ะJBCซัดไทยเหมือนรัสเซียรุกรานยูเครน

เขมรป่วนก่อนประชุม JBC “ฮุน มาเนต” ยันไปเจอกันที่ศาลโลก ยื่นข้อพิพาท 4 พื้นที่ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่คุยใน JBC