"ภูมิธรรม" ปัดคดีฮั้ว สว. ไม่ใช่สงครามตัวแทนแดง-น้ำเงิน ชี้เป็นเรื่องคนทำผิดกฎหมายกับคนดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ควรมีอะไรมาขวางการทำงานดีเอสไอ ปธ.กมธ.ป.ป.ช.เชิญผู้ร้องเรียนให้ข้อมูล 15 พ.ค.นี้ "ดีเอสไอ" เล็งติดกล้องบันทึกสอบพยานยืนยันการทำงานเจ้าหน้าที่ปมอ้างพยานฮั้ว สว.ถูกข่มขู่ วงเสวนา "11 ปีรัฐประหาร" ชำแหละทำให้รัฐล้มเหลว-ไร้น้ำยาสร้างระบบอภิสิทธิ์ชน สังคมไทยแย่ลง คอร์รัปชันซับซ้อนมากขึ้น มีองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือประหารคนเห็นต่างทางการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 8 พฤษภาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์ว่าคดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นสงครามตัวแทนของฝ่ายสีแดงและสีน้ำเงิน ว่าไม่ได้คำนึงถึงแดงหรือน้ำเงิน เวลาเราพิจารณาปัญหาคือพิจารณาว่าถูกหรือผิด และเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรมและศาลอีก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ควรมีอะไรไปขัดขวางหรือทำให้กระทบกระเทือน แต่ต้องใช้อำนาจโดยชอบ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตอนนี้มีอำนาจ เขาทำงานของเขาอยู่
“ไม่ใช่แดง น้ำเงินหรอกครับ มันเป็นเรื่องคนทำผิดกฎหมายกับคนดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้สุดท้ายต้องดูว่าจบแบบไหน แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยดูว่าหากมีความผิดชัดเจน ก็ว่าไปตามกฎหมาย แต่หากเรายังหาหลักฐานไม่ได้เพียงพอ ก็เป็นอำนาจศาลพิจารณา” นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องจาก สว. พิจารณาความเป็นรัฐมนตรี และศาลได้สั่งให้ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนก็พูดในสิ่งที่เป็นจริง ยืนยันตามสิ่งที่ตนได้กระทำไป ตนเข้าไปในเรื่องนี้ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งได้มีการเรียกประชุมและมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในที่ประชุม จึงได้ทบทวน และให้รับข้อโต้แย้งมาพิจารณาว่า หากคดีเรื่องฮั้ว สว.มีการซ้อนกัน ก็ควรจะแยกคดี ต่างคนต่างทำ และหลังจากนั้นตนก็ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็เท่านั้นเอง ตนทำในส่วนอำนาจหน้าที่ของตน
เมื่อถามว่า ขณะนี้กระบวนการของศาลถึงไหนแล้ว ได้มีการเรียกมาไต่สวนหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี เมื่อศาลได้พิจารณาแล้วก็ตัดสินใจ แต่หากศาลจะไต่สวนตนก็พร้อมไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งวันนัด
"ยืนยันว่าผมมีความบริสุทธิ์ใจ และปฏิบัติหน้าที่ตามที่มีอำนาจหน้าที่ มอบหมายก็ดำเนินการไป และผมไม่เชื่อว่ากระบวนการที่ผมดำเนินการไปจะเป็นปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าคิดว่าเนื้อหาที่ผมทำไปมีปัญหา ศาลก็คงวินิจฉัยและพิจารณา" นายภูมิธรรมกล่าว
ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสข่าวการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว. ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังตรวจสอบอยู่ว่า การทุจริตเลือก สว.เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงเชิญผู้ร้องในพื้นที่จังหวัดต่างๆ อาทิ จ.อำนาจเจริญ รวมไปถึง กกต. มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการฯ ในวันที่ 15 พ.ค.2568 เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกระบวนการและขั้นตอนที่นำไปสู่การทุจริต รวมไปถึงช่องว่างช่องโหว่ทางกฎหมายที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งจะเป็นบทสรุปสำคัญในการที่เราจะนำไปสู่การปรับแก้ไขปิดช่องว่างเหล่านั้น เพื่อทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นได้
จากกรณี นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับด่วนถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องรายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือก สว.จำนวน 2 ราย
แหล่งข่าวจากดีเอสไอเปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ลงพื้นที่หลายจังหวัด นอกจาก จ.อำนาจเจริญ ที่พบความผิดปกติ เพราะว่าจำนวนประชากรมีไม่มาก ถ้าเทียบกับจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นหัวเมืองในแต่ละภูมิภาค แต่กลับเป็นจังหวัดเล็กที่มีจำนวน สว.เยอะผิดปกติ ส่วนการแต่งกายชุดเต็มเครื่องแบบจะเน้นกรณีการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามระเบียบ เพราะหากแต่งเต็มเครื่องแบบเข้าไปสอบถามหรือพูดคุยกับพยานอาจมีความรู้สึกกลัวต่อเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ การอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบมา แต่ก็แสดงตนยืนยัน ไม่มีข่มขู่ และการมาพูดคุยประเด็นสืบสวนสอบสวนหรือถามข้อมูล อยู่ที่ว่าพยานพร้อมเต็มใจให้ปากคำหรือไม่ และไม่สามารถบังคับอะไรได้
'ดีเอสไอ' ติดกล้องบันทึกให้ จนท.
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การลงพื้นที่ของพนักงานสอบสวน ตามกฎหมายการบังคับติดกล้องของเจ้าหน้าที่จะใช้กรณีการจับกุมผู้ต้องหาตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 (พ.ร.บ.อุ้มหาย) หรือใช้อำนาจกรณีเชิญบุคคลต้องสงสัยมาสอบถาม แต่กรณีการเข้าไปพูดคุยข้อมูลหรือสอบสวน หากพยานมองว่าเป็นการข่มขู่ หลังจากนี้อาจต้องพิจารณาติดกล้องบันทึกภาพเพื่อจะได้มีหลักฐานยืนยันการทำงานของเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่แล้วแต่กรณี
วันเดียวกัน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ’35 จัดงานแถลงข่าวการจัดงานรำลึก 33 ปีเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535 และอภิปรายวิชาการ หัวข้อ “11 ปี รัฐประหาร พฤษภา 2557 สรุปบทเรียนการเมืองไทย ประชาธิปไตยจะไปอย่างไรต่อ” นำโดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม, รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, รศ.บุญเลิศ วิเศษปรีชา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง มหาวิทยาลัยรังสิต, นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ’35 และนายเมธา มาสขาว ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยฯ ร่วมแถลง
โดย รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า การรัฐประหารคือการยึดอำนาจและเวลาไปจากประชาชน กาลเวลาของรัฐเผด็จการเป็นวงกลม ไม่ใช่เวลาที่เดินไปสู่อนาคต การรัฐประหารจึงไม่ใช่การล้มรัฐบาลอย่างเดียว แต่เป็นการยึดเวลาและควันพิษต่อสังคมไทย เป็นการปิดกั้นโอกาสของประเทศไทย บทเรียนการรัฐประหารได้ล้มล้างจินตนาการของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมด้วย เนื่องจากการรัฐประหารคือการเลือกข้างอำนาจแบบอนุรักษนิยม คืนอำนาจให้อภิสิทธิ์ชน และทำลายการพัฒนาประชาธิปไตย การเรียกร้องรัฐประหารคือการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอำนาจเดิม เพราะต้องการชาติที่สงบเงียบ ไม่สร้างความรำคาญต่อท่านผู้มีอำนาจ
รศ.ดร.พิชายสรุปบทเรียนการรัฐประหาร ดังนี้ 1.ในฐานะการวนซ้ำแห่งอำนาจ โครงสร้างการผลิตซ้ำอำนาจเพื่อยุติความแตกแยกและนักการเมือง เป็นช่องทางลัดในการจัดอำนาจใหม่ ไม่ผ่านกลไกประชาธิปไตย ไม่เคยทำให้ยุติการแตกแยกได้เป็นการสร้างเสถียรภาพจอมปลอม 2.ประชาธิปไตยไม่สามารถหยั่งรากทางรัฐธรรมนูญได้ ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ ทหาร มักเป็นพันธมิตรกันรัฐประหาร 3.ได้สร้างวัฒนธรรมแบบลอยตัวขึ้นมา และมีการออกกฎหมายใหม่ เช่น มาตรา 44 เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำตามกฎหมาย 4.ทำลายเศรษฐกิจในระยะยาว เกิดแต่ความมั่งคั่งของกลุ่มทุนผูกขาด ทุนสีเทาได้เข้ามาใช้นายพลจำนวนมากเป็นเกราะกำบัง ดำเนินธุรกิจการก่อสร้างและทำลายโครงสร้างธุรกิจการก่อสร้างเดิมของไทย 5.ลดทอนพลังของประชาชน ปิดกั้นการเติบโตของประชาชน 6.คือเสื้อคลุมปิดบังการคอร์รัปชัน ปิดบังการเน่าเปื่อยของการทุจริต ไม่ได้ลดการทุจริต แต่เปิดพื้นที่ให้เกิดการคอร์รัปชันที่ซับซ้อนมากขึ้น
11 ปีรัฐประหารสังคมไทยแย่ลง
“การแต่งตั้งบุคคลสำคัญไม่ผ่านประชาชน จึงเกิดการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง และสร้างเครือข่ายอุปถัมภ์ การใช้งบประมาณซื้ออาวุธ และอนุมัติโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ ข้าราชการก็ภักดีต่อผู้รัฐประหาร ทำให้เกิดการคอร์รัปชันเชิงระบบขึ้นมา ดังนั้นรัฐประหารคือเครื่องมือที่เปลี่ยนคอร์รัปชันให้ซับซ้อนขึ้นภายใต้เปลือกด้านความมั่นคง 11 ปี เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 นั้น เป็นเส้นทางไปสู่รัฐล้มเหลวได้ เป็นเส้นทางของระบบอภิสิทธิ์ ซึ่งทำให้ความไว้วางใจของประชาชนลดลง” ดร.พิชายกล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า ตัวอย่างการสร้างตึก สตง. ในยุครัฐบาลทหาร เป็นตัวอย่างที่องค์กรตรวจสอบงบประมาณ กลับพบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันการก่อสร้างอาคารสำนักงานของตนเองภายหลังตึกถล่ม โดยการตั้งงบประมาณเองในโครงการของตนเอง แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ สถิติการรับรู้การทุจริตของประชาชนในช่วงรัฐบาล คสช. แทบไม่มีการรับรู้ แต่กลับมาเปิดเผยมากมายจากสภาที่มาจากการเลือกตั้งภายหลังจากการมีกลไกการตรวจสอบ
"ผลพวงของ คสช. ได้ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม กลายเป็นระบบพรรคพวกขึ้นมา รวมถึงที่มาขององค์กรอิสระทั้งหลาย ซึ่งต้องปฏิรูปองค์กรและที่มาจาก คสช. องค์กรอิสระจะเป็นคนของใครไม่ได้ จากการสรรหาแบบเดิมจากรัฐบาลทหาร รวมถึงการได้มาซึ่ง สว. ตั้งแต่ยุคก่อนมาถึงยุคนี้ จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบว่าด้วยวิธีการเลือกกันเองของการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งทำให้เกิดการฮั้ว สว."
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า การกลับมาของการรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 นั้น ทำให้สถานการณ์แย่ลง และแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ ฝ่ายการเมืองจะต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตยไม่ให้ล้มเหลวอีก และความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ และประชาชนช่วยกันฟื้นฟูการปกครองโดยกฎหมาย
รศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา กล่าวว่า จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ประชาชนไม่เรียกหาการรัฐประหารในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงสำคัญมาก ในสถานการณ์ที่คนอาจเรียกหาอัศวินม้าขาวมาแทนนักการเมืองเลว หลังเหตุการณ์พฤษภา 35 ประชาชนก็เชื่อว่าจะไม่เกิดรัฐประหารขึ้นอีก แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ ดังนั้นจึงต้องสรุปบทเรียน เช่น บทเรียนวันที่ 25 เมษายนที่อิตาลี เป็นวันต่อต้านและโค่นล้มเผด็จการฟาสซิสต์มุสโสลินี และคนจดจำบทเรียนนี้ได้ จึงไม่มีการรัฐประหารขึ้นอีก ผลพวงการรัฐประหารหลังสุดทำให้สังคมแย่ลง มีองค์กรอิสระที่กลายเป็นเครื่องมือประหัตประหารคนที่เห็นต่างทางการเมือง จึงไม่ควรมีองค์กรอิสระแบบเดิมอีกแล้ว ต้องมีการสรุปบทเรียน ปัจจุบันยังไม่เป็นรัฐล้มเหล วแต่เป็นรัฐไร้น้ำยา
หลังจากนั้นมีการแถลงข่าวการจัดงานรำลึก 33 ปี เหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม โดยช่วงเช้า วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568 ณ สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน และช่วงบ่าย Talk with May35 "93 ปีประชาธิปไตย 33 ปีพฤษภา 35 : ประชาธิปไตยต้องไปต่อ" ณ ห้องราชา โรงแรมรัตนโกสินทร์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แบ่งเค้กสมใจอยาก
นายกฯ เซ็นคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯ-รมต.ประจำสำนักนายกฯ ใหม่ กำกับดูแลแทนนายกฯ หลัง "อนุทิน" ลาออก เพื่อไทยกำกับดูแลมหาดไทยสมใจอยาก ส่ง "ภูมิธรรม" คุม ส่วน "พีระพันธุ์" ไม่ขยับ อยู่ที่เดิม
ยังกอดศพกันแน่น พท.ลั่นทำเพื่อชาติอยู่ครบเทอม/พรรคร่วมผีดิบแย่งชามข้าวฝุ่นตลบ
เช็กโผ ครม. "แพทองธาร 2" เปิด 2 ตัวเต็งนั่ง รมว.กลาโหม "บิ๊กเล็ก-พล.อ.สุนัย" อดีตนายทหารรบพิเศษ ด้าน ปชป. "เฉลิมชัย" รมว.ทส.เหมือนเดิม "เดชอิศม์" นั่ง มท.3 "ชัยชนะ" นั่ง รมช.สธ. ขณะที่ "รทสช." ยังอยู่ โควตาเท่าเดิม แต่แย่งชามข้าวกันฝุ่นตลบ เพื่อไทยโวมีในมือ 280 เสียง
ม็อบพรึ่บโคราช ตะเพิด‘นายกฯ’
ม็อบทุกสีไล่รัฐบาลพรึ่บ! โคราชเรียกร้อง "อุ๊งอิ๊ง" ลาออก เลือกนายกฯ ใหม่ เพราะไร้วุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถในการเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ สมคบคิด ตอบสนองอริราชศัตรู
ชำระแค้น‘ฮุนเซน’ ‘อิ๊งค์’สั่งเจาะยาง!
ก้นร้อนเร่งเอาคืน "ฮุน เซน" "แพทองธาร" นัดประชุมแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 23 มิ.ย.นี้ หลังพบฝั่งตะวันตกดีขึ้น
ชง‘รองนายกฯ-กห.’ดึง‘พปชร.’
“อนุทิน” เปิดใจเป็นฝ่ายค้านแล้ว ไม่จัดตั้งรัฐบาลสู้ “ภูมิธรรม” ตีปี๊บพรรคร่วมที่เหลือเสียงปึ้ก “ไผ่” โวมีเสียง 263 บวกๆ
DSIหอบคดีฮั้วตึกสตง.ให้‘ปปช.’ฟัน
"อธิบดีดีเอสไอ" เผยคดีฮั้ว สว.พบเส้นเงินโยงพรรคการเมือง-นักการเมือง 3 ภาค อีสาน เหนือ ใต้