แม้วแจงศาล13มิ.ย. ไม่หนี‘อิ๊งค์’การันตี‘แพทย์ใหญ่’ดิ้นสู้ชั้น14/ปชน.ดองงูเห่า

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย 13 มิ.ย.  "ทักษิณ" ไปแจงศาลเอง เสียงแข็งพ่อป่วยจริง มีประวัติการรักษา งงข่าวยุบสภา ลั่นสัมพันธ์พรรคร่วมฯ เหมือนเดิม บอก "แม้ว-เนวิน" คุยกันนอกรอบได้อยู่แล้ว ยันสถานการณ์การเมืองคุมได้ไม่เกินมือ "สมศักดิ์" รอผลสอบแพทยสภา มั่นใจพิจารณากรอบ 15 วันต้องจบ แย้มล่าสุดหมอโดนลงโทษปมชั้น 14 ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมา "ทวี" มั่นใจ ยธ.ทำตาม กม.ย้ายผู้ต้องขังป่วย "ปธ.วิปรัฐบาล" วางอภิปรายงบฯ ไม่เกิน 4  วัน เชื่อไม่มีใครคว่ำร่าง "สส.กฤษฎิ์" แถลงย้ายพรรคซบกล้าธรรม "ด้อมส้ม" รุมสาปแช่ง "ปชน."  เอาคืนจับดอง "งูเห่า" ไม่ขับพ้นพรรค "นฤมล" ยิ้มรับ "กธ." เนื้อหอม "อนุดิษฐ์-การุณ” จ่อร่วมงานอีก "สุชาติ" ยังกั๊กทิ้ง รทสช. "อุตตม-สนธิรัตน์” ลา "บิ๊กป้อม" ไขก๊อก "พปชร."

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 13 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์กรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นอนรักษาตัวที่ชั้น 14  โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเตรียมไต่สวนเรื่องดังกล่าว เป็นการสะท้อนว่าฝ่ายอนุรักษนิยมและชนชั้นนำไม่ไว้ใจพยายามล้อมกรอบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยย้อนถามว่า  แบ่งเป็นชนชั้นใช่หรือไม่ ก่อนกล่าวอีกว่า ความจริงแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ และยังไม่มีแพทยสภาคนใดออกมาพูดว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่จริง ยังไม่ได้มีข้อสรุปตรงนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกระบวนการ แต่จะแปลว่าอย่างไรไม่ทราบ จะเป็นชนชั้นอะไรอย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

ถามว่าหลังแพทยสภามีมติอะไรออกมามีผลกระทบอะไรมาถึงนายทักษิณหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มี คุณพ่อเตรียมที่จะชี้แจง ก็แค่นั้น ให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยจะชี้แจงตามข้อเท็จจริง

ซักว่านายกฯ และนายทักษิณยังไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ แต่มีแพทย์ถูกตักเตือนจากเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องมีการชี้แจงกันต่อไป  จะบอกว่าไม่มีผลกระทบก็ไม่ใช่ เพราะกระทบมาตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าเราจะทำอย่างไร มันมีคำถามว่ากระทบอย่างไร มันกระทบอยู่แล้วตั้งแต่มีการตัดสินว่าติดคุก มันกระทบตั้งแต่ตอนได้รับคดีนี้ ตนพูดถึงความรู้สึกว่ารู้สึกอย่างไร  รู้สึกมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถามว่าเราทำอะไรได้บ้างดีกว่า สิ่งที่ทำได้คือชี้แจงข้อเท็จจริงตามหลักฐานและสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อถามกรณีประเด็นดังกล่าวถูกหยิบมาเป็นประเด็นการเมืองโจมตีตัวนายกฯ และพรรคเพื่อไทยว่าเป็นการป่วยทิพย์ จะสามารถชี้แจงสังคมได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ชี้แจงได้ ตนพูดมาตลอดว่าท่านทักษิณอายุมากแล้ว ป่วยเป็นโควิด-19 ตั้งแต่ก่อนกลับมาประเทศไทย ช่วงที่อายุ 72 ปี ตอนนั้นไม่สบายหนัก มีประวัติการป่วยอยู่แล้วตั้งแต่รักษาที่ต่างประเทศ มันเกี่ยวเนื่องกันมา ทางการแพทย์จริงๆ มีประวัติการรักษาสามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว

"ที่โจมตีว่าป่วยทิพย์นั้น เราชี้แจงตามข้อเท็จจริง ถ้าใครจะคิดอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามได้ เรื่องผลกระทบที่จะมาถึงนั้นขอทำความเข้าใจว่า เรื่องชั้น 14 เริ่มและจบลงก่อนเป็นนายกฯ พูดไปหลายรอบแล้ว แต่ก็มีหลายฝ่ายพยายามทำให้เข้าใจผิดว่าเข้าไปยุ่งกับกระบวนการ ไปแทรกแซงต่างๆ ซึ่งไม่มีอำนาจอะไรเลยจะแทรกแซงอย่างไร มันจบเรื่องคุณพ่อชั้น 14 ก่อนที่เป็นนายกฯ ตั้งหลายเดือน มันชัดเจนด้วยกรอบเวลา อันนี้ก็ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร และจากที่ได้เจอกับท่านทักษิณเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้คุยกันว่าจะไปชี้แจงศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้" นายกฯ กล่าว

อิ๊งค์ยืนยันทักษิณป่วยจริง

ถามย้ำว่า ยังยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริงเหมือนที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ใช่หรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า “ใช่ค่ะ ยังยืนยันเหมือนเดิม” เมื่อถามอีกว่าคำแถลงของแพทยสภาเหมือนสวนทางกัน นายกฯ ย้อนถามว่า “ท่านป่วยจริงหรือไม่” สื่อจึงตอบว่า ไม่ได้ชัดขนาดนั้น ระบุเพียงว่าแพทย์มีความบกพร่องในการทำหน้าที่ นายกฯ จึงตอบว่า เขาก็ต้องชี้แจงกันต่อไป

พอถามถึงกระแสข่าวจะมีการยุบสภาช่วงสุดสัปดาห์ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ ได้สอบถามคนในพรรค เพราะงงกับข่าวที่ออกมาว่าทำไมถึงยุบสภา พร้อมย้อนถามสื่อว่าจะยุบเพราะอะไร สื่อจึงตอบไปว่า พรรคภูมิใจไทยจะคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณปี 69 เพราะไม่พอใจคดีฮั้ว สว. น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มีเลย จริงๆ การทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่มีเรื่องของการยุบสภาอะไรเลย นายอนุทินผ่าตาอยู่ ซึ่งตนไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายอนุทิน เพียงแต่อวยพรให้หายเร็วๆ   และความจริงสื่อช่วยกันคิดก็ได้ว่าทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลยังเหนียวแน่นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เหมือนเดิมไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้ที่ผู้นำทางจิตวิญญาณสองคน คือนายทักษิณและนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทยกำลังสู้รบกันอยู่ เกินมือนายกฯ ที่จะจัดการปัญหาแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธารหัวเราะก่อนตอบว่า สื่อชอบโยง โยงนั่นโยงนี่ โยงจนบางทีงงว่าบางเรื่องมันเกี่ยวข้องกันจริงๆ หรือไม่

"ไม่มีอะไร ทั้งสองท่านคิดว่าคุยกันนอกรอบได้อยู่แล้ว แต่เรื่องปัญหาของรัฐบาลเรามีหน้าที่รักษาเสถียรภาพอยู่แล้ว ถามว่าเกินมือหรือไม่ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเกินมือได้อย่างไรในเมื่อเป็นนายกฯ อยู่" นายกฯ กล่าว

ย้ำว่ามั่นใจจะคุมเสถียรภาพรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพรัฐบาลต้องมั่นใจอยู่แล้วต้องคุมให้ได้ อีกเรื่องถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผู้นำทางจิตวิญญาณหรืออะไรต้องเกิดขึ้นนอกระบบ แต่ถ้าอยู่ในระบบอยู่ในการจัดตั้งรัฐบาลมันคงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะทั้งสองท่านไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนดื้อจะจัดการอย่างไร น.ส.แพทองธารหัวเราะก่อนตอบว่า "พูดเหมือนเป็นลูก ไม่ใช่นะคะ บอกแล้วว่าการมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมีความคิดเห็นไม่ตรงกันอยู่แล้ว ในพรรคยังคิดไม่ตรงกันเลย แต่ต้องหาข้อสรุปจนได้ อะไรที่ติดขัดต้องช่วยกันพูดคุยกันเท่านั้น พอมันถึงเรื่องใหญ่พรรคร่วมรัฐบาลก็โทร.หากันอยู่แล้ว ต้องคุยกันนอกรอบก่อน

เมื่อถามว่า เวลามีกฎหมายสำคัญเข้าสภา เช่น เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกฎหมายงบ ต้องมีประเด็นเพื่อไทยและภูมิใจไทยตลอด น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นั่นสิ สื่อมวลชนช่วยตอบให้หน่อยทำไมเป็นข่าวทุกทีเลย เป็นเพราะสื่อหรือไม่

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีช่วงที่ใกล้จะถึงวันนัดไต่สวน นายทักษิณได้ขอที่จะออกนอกประเทศอยู่ ทำให้มีการจับตาว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยในอดีตหรือไม่ว่า ท่านไม่ได้มีความกังวล ทราบว่ามี สส.บางคนไปทานอาหารเช้ากับท่าน ก็เห็นท่านยังมีความสุข ไม่ได้มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น และผมเชื่อว่าท่านเตรียมทีมกฎหมายที่จะต่อสู้ไว้แล้ว เรามั่นใจในตัวท่าน และในพรรคก็ไม่ได้มีการพูดถึงหรือวิตกกังวลทั้งสิ้น เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมว่าท่านไม่ได้ทำอะไรผิด

ซักถึงการพูดคุยเพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ รมว.การคลังจะชี้แจง

ถามว่า ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าเมื่อเปิดสมัยมาจะพิจารณาร่างกฎหมายนี้เลยหรือไม่  นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เหลือเวลาอีกตั้ง 2 เดือน ซึ่งก็อยู่ในระเบียบวาระอยู่แล้ว ทั้งร่างดังกล่าวและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ในระยะเวลาที่เหลือ 2 เดือนนั้น รัฐบาลจะสามารถชี้แจงกับประชาชนได้มากแค่ไหน พวกตนมีหน้าที่บรรจุระเบียบวาระให้เท่านั้น จะเลื่อนก็ได้ หากถึงเวลามีเรื่องด่วนที่จำเป็นเข้ามาก่อน แต่ขณะนี้รอรัฐบาลชี้แจง และเชื่อว่าจะสามารถทำความเข้าใจได้

หมอร้อง สธ.โดนโทษชั้น 14

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงผลสอบแพทยสภาว่า ขณะนี้ยังมาไม่ถึงตน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ เมื่อผลส่งมาโดยปกติตนจะไม่ยับยั้ง แต่เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบกับผู้ที่ถูกลงโทษได้ประสานกับผู้ช่วยรัฐมนตรีขอยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ตนก็ต้องพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร ซึ่งอาจหาคนมาช่วยอ่านช่วยดูให้ครบถ้วนตามกำหนดระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่มติแพทยสภามาถึง ซึ่งรวมถึงหนังสือขอความเป็นธรรมด้วย โดยวันนี้ได้ข่าวว่าผู้ถูกลงโทษจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมเข้ามา

"ยืนยันไม่ได้กดดัน แต่มีความตั้งใจทำให้ชัดเจนเพื่อตอบประเด็นคำถามต่างๆ ให้ได้ ผมทำงานด้วยเหตุด้วยผลตลอด อยู่วงการการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 เป็นเวลา 40 กว่าปี อะไรที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลผมไม่กล้าทำ ขอให้สบายใจ และหากอะไรเปิดเผยได้ก็พร้อมเปิดเผย" นายสมศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์  ผู้ช่วย รมต.ประจำกระทรวงสาธารณสุข ได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวของ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ กรณีแพทยสภาลงมติคดีชั้น 14

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงมติแพทยสภาว่า ยังไม่เห็นรายงานมติแพทยสภา แต่คาดเดาว่าแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือนเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ขอดูรายละเอียดก่อน ซึ่งในฐานะที่เป็น รมว.ยุติธรรม ขอชี้แจงว่าเรื่องของระเบียบกรมราชทัณฑ์เป็นกฎหมายที่เพิ่งออกมาใหม่ การพิจารณากฎหมายใหม่ ต้องดูกฎหมายเก่าประกอบด้วย  และมั่นใจว่ากระทรวงยุติธรรมได้ทำตามกฎหมาย และก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอด

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า กรณีผู้ต้องขังป่วยโรคเฉพาะทาง ต้องใช้หลักที่ว่าหากเป็นโรคที่สถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการรักษา ก็จะส่งไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งในระหว่างที่ส่งไปรักษาตัวนั้น โรงพยาบาลดังกล่าวยังถือเป็นที่คุมขังสถานที่หนึ่ง คือควบคุมดูแลไม่ให้หลบหนีหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน

เมื่อถามว่า แม้จะไม่ได้ป่วยวิกฤต แต่หากเป็นโรคที่สถานพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้ ก็มีสิทธิ์ส่งไปรักษาตัวภายนอกใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ในมาตรา 53 บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามลายลักษณ์อักษรในรัฐธรรมนูญ

ซักว่าแพทยสภาระบุว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่านายทักษิณป่วยวิกฤต พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ยังไม่ได้ยิน และยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับตน และคิดว่าแพทยสภาไม่ได้พูดอย่างนั้น

ถามว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์มติแพทยสภาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ใครที่เห็นว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องและชอบธรรม ก็มีช่องทางร้องเรียนได้

ด้านความคืบหน้าการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 นั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การประชุมที่เราตั้งเป้าหมายไว้คือ 28-30 พ.ค. หรืออาจจะถึงวันที่ 31 พ.ค. ที่มองไว้จะไม่เกิน 4 วัน ซึ่งปกติเราจะพิจารณางบประมาณแค่ 3 วัน แต่ครั้งนี้อาจจะมีเรื่องพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อื่นๆ เข้ามา เช่น พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยในการประชุมวิปรัฐบาลเราจะพูดคุยกันว่าจะพิจารณาเรื่องไหนก่อน 

"ปีที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้ 20 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมนายกรัฐมนตรีและ ครม.ก็ได้ 20 ชั่วโมงเท่ากัน ประธาน 1 ชั่วโมง ถือเป็นหลักการที่ผ่านมา ครั้งนี้หวังว่าเราจะเจรจากันได้"  ประธานวิปรัฐบาลกล่าว

มั่นใจงบฯ วาระแรกผ่านฉลุย

ถามว่า การโหวตวาระ 1 ของร่าง พ.ร.บ.ประมาณฯ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวต่างๆ ออกมา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นกระแสที่มีการพูดกันไป แต่ในส่วนของรัฐบาลยังเข้มแข็ง และหัวหน้าพรรคยังมีการพูดคุยกัน วิปรัฐบาลก็มีการมาพูดคุยกัน และยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่จะไม่ผ่านงบ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องมีหน้าที่ผ่านงบประมาณเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหา หากงบประมาณช้าเศรษฐกิจก็จะถดถอยมากยิ่งขึ้น  ฉะนั้นโดยมารยาทพรรคร่วมฯ ก็ต้องรับหลักการในวาระแรกอยู่แล้ว

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า พรรค ภท.ออกมาชี้แจงชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เนื่องจากเป็นการพิจารณาร่วมกัน โดยในวาระที่ 1 ทุกพรรคการเมืองควรจะเห็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าไปสู่ขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ส่วนการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ได้มีการพูดคุยกันมาตลอด  และเท่าที่ตนติดตามข่าว พรรคภูมิใจไทยมีการชี้แจงแล้วว่าจะไม่มีการคว่ำงบอย่างแน่นอน

ที่รัฐสภา น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีประกาศแยกทางกับพรรค ปชน. เตรียมย้ายไปซบพรรคกล้าธรรมว่า สาเหตุยุติบทบาทเนื่องจากพรรคมีเป้าหมายเน้นสร้างพรรค ไม่ได้เน้นสร้างคน เรื่องที่พรรคสนใจแก้ปัญหาการทำงานจึงเป็นประเด็นการสร้างกระแส สร้างความนิยมให้กับพรรคเป็นหลัก โดยไม่ได้มุ่งเน้นผลประโยชน์ประชาชน ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ น.ส.กฤษฎิ์แถลงข่าว ได้มีประชาชนที่เป็นกองเชียร์พรรค ปชน.เข้าร่วมฟังแล้วตะโกนบอก "แน่จริงก็ลาออก  ลองลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่สังกัดพรรคที่คุณอยู่ พรรคประชาชนไม่ใช่ที่ที่จะให้คุณมาชุบตัว  คุณเป็นงูเห่า" น.ส.กฤษฎิ์จึงกล่าวว่า ขอให้อยู่ในความสงบ แล้วค่อยคุยกัน ถ้าไม่มีอะไรอย่าส่งเสียง

น.ส.กฤษฎิ์กล่าวว่า ที่ว่าทำไมถึงไม่ลาออก เพราะการลาออกจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ต้องเลือกตั้งใหม่ หรือต้องทำเพื่อความสะใจเพื่อ ทำให้ตนเองเท่ แต่มันไร้สาระ เพราะต้องการทำหน้าที่ สส.ตามที่ประชาชนคาดหวัง ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหากับตนเอง ขอให้ลองไปสอบถามคนที่ติดตามการทำงานของตนเองดูว่าเป็นอย่างไร

สส.รายนี้ระบุถึงประเด็นที่เลือกพรรคกล้าธรรมว่า ตนทำงานประสานงานกับรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งได้รับการตอบรับจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมาโดยตลอดถึง 2 ครั้ง ซึ่งประชาชนที่ชลบุรีมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญในการเปิดอ่างเก็บน้ำ การจะเลือกพรรคไหนต้องเลือกพรรคที่สนับสนุนการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

ถามถึงกระแสข่าวมีการเสนอเงิน 55 ล้านบาท เงินเดือน 250,000 บาท และรถตู้หรู สส.รายนี้ระบุว่า ขอให้ไปถามคนที่พูดออกมา รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ไม่ได้มีการเสนอให้ร่วมงานกับพรรค ย้ำว่าตนใช้เวลานานในการตัดสินใจ ต้องเข้าโรงพยาบาลกว่า 2 รอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการแถลงข่าว มี สส.พรรคประชาชนลงมาสังเกตการณ์ คือครูจวง ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงด้อมส้มที่มาดักรอสังเกตการณ์ ก่อนรุมต่อว่า น.ส.กฤษฎิ์ว่า คนเขาเลือกคุณในนามพรรค ตามโนยบายของพรรค ไม่ใช่ที่ชุบตัวของคุณ ชุบตัวเพื่อเอาประโยชน์ส่วนตน ทำให้เกิดความชุลมุนจนเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาต้องเข้ามาควบคุม และขอความร่วมมือให้ด้อมส้มอยู่ในความสงบ โดยด้อมส้มก็ได้ตะโกนแทรกตลอดการแถลงข่าวของ น.ส.กฤษฎิ์เป็นระยะ

ปชน.ดองงูเห่าไม่ขับ 'กฤษฎิ์'

ต่อมา พรรค ปชน. นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. พร้อมนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน, นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี และ สส.ของพรรค ปชน. ร่วมแถลงข่าวกรณี น.ส.กฤษฎิ์

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคมีการประชุมกันในที่ประชุม สส. รวมถึงประชุมในส่วนของผู้บริหารพรรค มองว่าจากเหตุผลที่ น.ส.กฤษฎิ์ได้ยื่นหนังสือลาออก เป็นเหตุผลที่พวกเราคิดว่าฟังไม่ขึ้น ซึ่งการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมีเงื่อนไขเดียว คือต้องกระทำความผิดทางวินัย ดังนั้น ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองและข้อบังคับของพรรค เรามีความเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการลาออกจากสมาชิกพรรค แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย พรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความ ว่าหนังสือดังกล่าวถือเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ และรอหน่วยงานออกคำชี้แจง

"หากผลตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พรรคก็จะมีมาตรการลงโทษ คือไม่มีมติขับออก ทำให้เขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือการย้ายไปยังพรรคการเมืองอื่น" หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุ

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณี น.ส.กฤษฎิ์จะย้ายมาอยู่กับพรรค กธ.ว่า เป็นเรื่องภายในพรรค ปชน. ส่วนตัวยังมีโอกาสได้พบหรือพูดคุยกับ น.ส.กฤษฎิ์ ทราบเพียงจาก สส.ภายในพรรคกล้าธรรมที่เคยทำงานร่วมกันในสภา โดยเป็นเพียงการหารือกันในเรื่องงานระหว่าง สส.

ถามว่าขณะนี้พรรค กธ.เนื้อหอม นางนฤมลได้ยกแขนตัวเองขึ้นมาดมพร้อมกับหัวเราะและกล่าวว่า "เดี๋ยวต้องดม" เมื่อถามอีกว่า หากจำนวน สส.เพิ่มขึ้น เก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคจะต้องเพิ่มขึ้นหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย อย่างที่ทุกคนเข้าใจเมื่อจัดตั้งรัฐบาล สัดส่วนเขาตกลงกันไปแล้ว ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรระหว่างทางคงต้องคุยกันใหม่หมดเลย อย่างที่ ร.อ.ธรรมนัสเคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่านั่นไม่ใช่เป้าประสงค์ในการเจรจาต่อรอง แต่เราต้องการสร้างบ้านให้เข้มแข็ง หากคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน อยากมาทำงานด้วยกัน เราก็เปิดกว้างเสมอ

ถามว่า มีข่าวนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะย้ายมาสังกัดพรรค กธ. นางนฤมลกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายสุชาติ

ส่วนนายสุชาติ กล่าวถึงข่าวย้ายพรรคว่า  วันนี้เรายังอยู่พรรค รทสช. แต่วันข้างหน้าไม่สามารถบอกได้ เพราะเราดูสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวถึงกระแสข่าว สส.หลายคนของพรรคจะย้ายออกไปอยู่กับพรรคอื่นว่า ไม่ทราบเลยจริงๆ

มีรายงานว่า ในเร็วๆ นี้ พรรค กธ.จะมีการเปิดตัวอดีต สส.กทม. 2 ราย ได้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส.กทม. กับนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม. ซึ่งทั้ง 2 คนได้ลาออกสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยแล้ว

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีรายงานว่า นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.การคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พาณิชย์และอดีต รมว.พลังงาน ได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร. และไปยื่นใบลาออกต่อ กกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งเข้าไปลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เขาแจ้งว่าจะไปทำธุรกิจส่วนตัว แค่นั้นแหละ เขาบอกตนแค่นั้น เมื่อถามย้ำว่าทั้งสองคนไม่ได้บอกใช่หรือไม่ว่าจะย้ายพรรคไปไหน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า บอกไม่ไป เมื่อถามอีกว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จากด้วยดี ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าสำหรับพรรค พปชร. จะมีใครย้ายเข้ามาอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถาม รวมทั้งประเด็นเรื่องยุบสภาเรื่องการจะไปร่วมรัฐบาลก็ไม่ตอบคำถามเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อิ๊งค์’ แจงไม่มีนโยบายไล่แรงงานต่างด้าวออกนอกประเทศ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทย เขียนข้อความผ่านโซเชียล มีเดีย ระบุว่า ประเทศไทยเปิดรับความหลากหลาย ต้อนรับแรงงานต่างชาติ

‘โจรใต้’ก้าวอีกขั้น ใช้โดรนขนระเบิด บึ้มเขตเศรษฐกิจ

โจรใต้ขยับไปอีกขั้น! แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบโดรนต้องสงสัยถูกฝังดินในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เผยบินได้ไกล 10 กม. บรรทุกน้ำหนัก 15 กิโลกรัม คาดเตรียมก่อเหตุเมืองเศรษฐกิจ-ขนสิ่งผิดกฎหมาย

‘เพื่อไทย’ดาหน้าไล่‘หนู’

เพื่อไทยดาหน้าประกาศแยกทางภูมิใจไทย “สุทิน” ชี้ “อนุทิน” แค่อยากรักษาสถานะตัวเอง ใช้วิธีต่อรอง ขู่ จี้ปรับ ครม.เร็วๆ อ้างทำให้นโยบายรัฐบาลเป็นรูปธรรม “วรชัย”

พท.เพ้อเจ้อหนัก ชั้น14ไม่โยงศาล

เพื่อไทยเพ้อหนัก! "อนุสรณ์" อ้างมติแพทยสภากับคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เชื่อมโยงกัน “เด็จพี่”

เขมรไปศาลโลกแล้ว ‘ฮุนเซน’ ชูนิติธรรมควํ่าโต๊ะJBCซัดไทยเหมือนรัสเซียรุกรานยูเครน

เขมรป่วนก่อนประชุม JBC “ฮุน มาเนต” ยันไปเจอกันที่ศาลโลก ยื่นข้อพิพาท 4 พื้นที่ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่คุยใน JBC

นายกฯ ติดตามประชุม JBC ให้กำลังใจทีมไทย เจรจายึดหลักผลประโยชน์ประเทศ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ตลอดวันนี้ และได้รับรายงานความคืบหน้าประชุม ซึ่