มติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต 2 หมอ 3 เดือนกับ 6 เดือน “สมศักดิ์” หาหลังพิงตั้ง 10 อรหันต์ช่วยกรองก่อนส่งความเห็นกลับ “หมอวรงค์” เตือนคุกหากไปจุ้นรับเรื่องของหมอที่โดนโทษ 22 พ.ค.ระทึกรอบใหม่ ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาเรียกค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านจาก “ยิ่งลักษณ์”
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2568 มีรายงานจากแพทยสภา ที่ได้มีการพิจารณาจริยธรรมแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีการร้องสอบจริยธรรมทั้งหมด 4 คน และแพทยสภามีมติให้ยกคำร้อง 1 คน คือผู้ถูกร้องที่ 1 ส่วนอีก 3 คนมีมติให้ลงโทษ แบ่งเป็นฐานความผิด ดังนี้ รายแรก เป็นแพทย์หญิงจาก รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้มีการลงโทษโดยการว่ากล่าวตักเตือน กรณีมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ อีก 2 รายเป็นนายแพทย์จาก รพ.ตำรวจ ผู้ถูกร้องที่ 3 ให้ลงโทษโดยพักใช้ใบอนุญาตเป็นระยะเวลา 3 เดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง และรายที่ 3 เป็นนายแพทย์ รพ.ตำรวจ ให้ลงโทษโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 6 เดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 15 พ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 807/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณา ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 โดยคำสั่งระบุว่า สืบเนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดลงโทษผู้ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ จึงเห็นควรแต่งตั้งคณะบุคคลจำนวนหนึ่ง ทำหน้าที่ช่วยเหลือเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา สั่งการตามอำนาจหน้าที่ของสภานายกพิเศษต่อไป
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รมว.สาธารณสุข จึงมีคำสั่งไว้ ดังนี้ แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้ นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ เป็นประธาน, นายชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ เป็นที่ปรึกษา ส่วนกรรมการประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล, นายพิทักษ์ ฉันทประยูร, นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร, นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์, นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ และนายวชิระ ปากดีสี เป็นกรรมการและเลขานุการ คนที่ 1 นายวิทยา พลสีลา เป็นกรรมการและเลขานุการ คนที่ 2 และนายปิยะวัฒน์ ศิลปรัศมี เป็นกรรมการและเลขานุการ คนที่ 3 โดยมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ 1.เสนอความเห็นต่อ รมว.สาธารณสุขในฐานะสภานายกพิเศษพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 และ 2.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย และ 3.ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. แพทยสภาได้ส่งมติถึงมือ รมว.สธ.แล้ว โดยเริ่มนับ 15 วันในวันที่ 16 เป็นต้นไป ว่าจะเห็นชอบตามมติดังกล่าวหรือไม่ หากเห็นชอบ บอร์ดแพทยสภาจะประกาศผลการลงโทษข้างต้น หากมีการวีโตก็ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของบอร์ดว่ามีเหตุผลควรสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าเห็นว่าการวีโตไม่มีเหตุผล ก็มีมติยืนยันตามมติเดิมได้ ขณะที่ผู้ถูกลงโทษหากไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อแพทยสภาได้ และหลังจากนั้นก็ยังยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อยากให้นายสมศักดิ์ ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ไปอ่านข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2563 ข้อที่ 42-46 แล้วนายสมศักดิ์จะได้รู้ว่าการที่มีแพทย์ 2 คนไปร้องขอความเป็นธรรม และปล่อยให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุขไปรับหนังสือ เพื่อนำมาพิจารณาเรื่องความเป็นธรรมนั้น จะทำให้นายสมศักดิ์มีโอกาสติดคุก เนื่องจากการที่แพทยสภามีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 เพื่อลงโทษจริยธรรมแพทย์ ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ เพื่อให้นายสมศักดิ์ลงนามเห็นชอบหรือยับยั้งมติ คำสั่งแพทยสภาจึงยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ต้องถาม คือ เขาเอาหลักฐานอะไรมาร้องขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์
“ถ้านายสมศักดิ์อ่านข้อบังคับให้เข้าใจ ก็พบว่ามีอำนาจแค่เห็นชอบหรือยับยั้งมติของแพทยสภาเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ เนื่องจากมันจบขั้นตอนนั้นไปแล้ว ที่สำคัญเมื่อคำสั่งแพทยสภาออกมา แพทย์ที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถไปร้องต่อศาลปกครองได้ ไม่ใช่เอาอะไรก็ไม่รู้มาร้องต่อรัฐมนตรี การปล่อยให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ไปรับเอกสารที่ไม่ใช่คำสั่งแพทยสภา ซึ่งเป็นเอกสารจากสื่อหรือข้อมูลใหม่นั้น เท่ากับนายสมศักดิ์กำลังร่วมกันแทรกแซงการดำเนินงานของแพทยสภา นายสมศักดิ์ถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แน่นอน ถ้าตัดสินใจตามข้อมูลที่ส่งมาจากนายกแพทยสภาคุณรอด แต่ถ้าอยากติดคุก เชิญตามสบาย” นพ.วรงค์ระบุ
ขณะที่ นายคมสัน โพธิ์คง นักกฎหมายมหาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มาทำความเข้าใจว่านายทักษิณต้องกลับไปจำคุก ถ้าศาลชี้ว่าการไปอยู่ของนายทักษิณไม่ได้ปฏิบัติตาม ป.วิฯ อาญา มาตรา 246 จะอ้างว่าได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่ได้ เพราะ 1.การอภัยโทษที่ผ่านมา เป็นเพียงหลักเกณฑ์นักโทษคนใดเข้าเกณฑ์จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่การอภัยโทษเป็นรายบุคคล และเป็นการตราตามวาระพิเศษต่างๆ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดกาล 2.คนได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ ต้องได้รับโทษมาแล้ว และได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดีขึ้นไป แต่นายทักษิณกำลังจะถูกชี้ว่า ได้รับการจำคุกตามหมายจำคุกของศาลหรือไม่ ถ้าศาลชี้ว่าการที่เรือนจำส่งไปชั้น 14 ขัดกับ ป.วิฯอาญา มาตรา 246 เท่ากับยังไม่ได้รับโทษจำคุก 3.ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ กำหนดให้นักโทษใหม่เป็นนักโทษชั้นกลาง ซึ่งพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ กำหนดไว้ว่าจะไม่ได้รับการอภัยโทษ 4.เมื่อยังไม่ได้รับโทษจำคุกจึงยังไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลย การเลื่อนชั้นนักโทษไม่มีเหตุเจ็บป่วยให้เลื่อนชั้น 5.เมื่อไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลยต้องไปรับโทษก่อนเพื่อได้รับสถานะนักโทษชั้นกลางก่อน ซึ่งไม่อาจได้รับพระราชทานอภัยโทษได้ และ 6.การอภัยโทษที่ราชทัณฑ์ทำให้นายทักษิณไปจึงเป็นการอภัยโทษที่ไม่เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องกลับไปรับโทษเสียก่อนตามเงื่อนไข 1 ปี และไปรอการรับพระราชทานอภัยโทษครั้งใหม่ ซึ่งต้องมีพระราชกฤษฎีกาฯ ออกมาใหม่ตามวาระพิเศษต่างๆ
วันเดียวกัน ศาลปกครองได้แจงนัดคดีที่น่าสนใจ โดยระบุว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อผ.163-166/2564 ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 2 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและคดีพิพาทที่เกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีความเสียหายโครงการจำนำข้าวที่กระทรวงการคลังได้ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘โจรใต้’ก้าวอีกขั้น ใช้โดรนขนระเบิด บึ้มเขตเศรษฐกิจ
โจรใต้ขยับไปอีกขั้น! แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบโดรนต้องสงสัยถูกฝังดินในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เผยบินได้ไกล 10 กม. บรรทุกน้ำหนัก 15 กิโลกรัม คาดเตรียมก่อเหตุเมืองเศรษฐกิจ-ขนสิ่งผิดกฎหมาย
‘เพื่อไทย’ดาหน้าไล่‘หนู’
เพื่อไทยดาหน้าประกาศแยกทางภูมิใจไทย “สุทิน” ชี้ “อนุทิน” แค่อยากรักษาสถานะตัวเอง ใช้วิธีต่อรอง ขู่ จี้ปรับ ครม.เร็วๆ อ้างทำให้นโยบายรัฐบาลเป็นรูปธรรม “วรชัย”
พท.เพ้อเจ้อหนัก ชั้น14ไม่โยงศาล
เพื่อไทยเพ้อหนัก! "อนุสรณ์" อ้างมติแพทยสภากับคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เชื่อมโยงกัน “เด็จพี่”
เขมรไปศาลโลกแล้ว ‘ฮุนเซน’ ชูนิติธรรมควํ่าโต๊ะJBCซัดไทยเหมือนรัสเซียรุกรานยูเครน
เขมรป่วนก่อนประชุม JBC “ฮุน มาเนต” ยันไปเจอกันที่ศาลโลก ยื่นข้อพิพาท 4 พื้นที่ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่คุยใน JBC
'เด็จพี่' โผล่โต้เสียงวิจารณ์คดีทักษิณ มองกลุ่มขาประจำชี้นำสังคมเกินเหตุ
“พร้อมพงศ์” โต้กลุ่มวิจารณ์คดีทักษิณ ชี้ใช้ความเห็นส่วนตัวสร้างกระแสก่อนศาลพิพากษา ย้ำกระบวนการยังอยู่ระหว่างไต่สวนพยาน แนะอย่าเร่งสรุปผลคดีล่วงหน้า
เอี่ยมดิ้นป้องนาย! โต้มติแพทยสภา-ศาลฯไต่สวน คนละเรื่องห้ามโยงกัน
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.เพื่อไทย ออกโรงป้องนายทักษิณ อ้างมติลงโทษหมอจากแพทยสภาเป็นคนละเรื่องกับคดีไต่สวนการคุมขังที่โรงพยาบาลตำรวจในศาลฎีกาฯ โวทีมกฎหมายมั่นใจ กระบวนการราชทัณฑ์จบแล้ว