‘ไทย-กัมพูชา’สงบศึก! ‘ฮุนเซน’ขึงขังพร้อมรบ

ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชาถกหารือข้อยุติเหตุปะทะทหารไทย-ทหารกัมพูชาชายแดนช่องบก 3 ข้อ ยกปัญหาเขตแดนคุยใน “เจบีซี”  ลดเผชิญหน้า กัมพูชาขึงขังรับปากใครฝ่าฝืนข้อตกลงย้ายออกนอกพื้นที่ทันที “ฮุน เซน” ย้ำจุดปะทะช่องบก อุบลฯ เป็นอาณาเขตกัมพูชา โวหนักเคยไปนั่ง ส่งทหาร-อาวุธเสริม แค่เตรียมพร้อมรบ 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พล.ต.วินธัย สุวารี  โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และคณะ เดินทางไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม  ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบปะหารือกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นการพบปะเจรจาต่อเนื่อง หลังจากที่ ผบ.ทบ.และ ผบ.ทบ.กัมพูชาได้พูดคุยผ่านทางระบบ VTC เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68

โดย ผบ.ทบ.ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธี ในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตย หรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ

ส่วนกรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Regional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ทั้งสองฝ่ายระบุว่า จะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด โดย ผบ.ทบ.กัมพูชาย้ำว่า ในส่วนของกัมพูชา หากมีผู้ใดฝ่าฝืนข้อตกลงที่ได้ร่วมกันวางไว้ในวันนี้ จะดำเนินการย้ายกำลังออกจากพื้นที่ทันที ยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุมและสั่งการหน่วยงานทุกหน่วยได้อย่างเด็ดขาด

ที่รัฐสภา นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ได้พูดคุยกับ รมว.การต่างประเทศของกัมพูชาตลอด และขณะนี้ทั้ง 2 คนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน น่าจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ เราพยายามที่จะลดระดับความขัดแย้งให้มากที่สุด ทั้งนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศมีเจบีซี ซึ่งจะมีเพิ่มการหารือกับฝ่ายกัมพูชาปลายเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่กระบวนการปักปันยาวนาน ต้องค่อยๆ ทำไป เพราะหลักเขตแดนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ สูญหายบ้าง ต้องมีการพิสูจน์กันว่าอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ การดำเนินการพูดคุยตามหลักการทูตเพื่อหาข้อยุติร่วมกันก็ยังคงดำเนินการต่อไป และน่าจะมีผลในทางที่ดีขึ้นเมื่อมีการมานั่งคุยกันในช่วงเดือน มิ.ย.

 เมื่อถามย้ำว่า จะสำเร็จหรือไม่ เพราะปัญหาชายแดนบริเวณช่องบกมีการปะทะกันมายาวนาน นายรัศม์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย ส่วนจะสิ้นสุดเมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่จะต้องพิสูจน์ เพราะสมัยก่อนเรื่องเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า แต่ทุกวันนี้มีความก้าวหน้าและสามารถช่วยได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีเจตนารมณ์ที่ดีที่มาแก้ปัญหานี้ร่วมกัน และจะต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนของทั้งสองประเทศ

ขณะที่เดอะพนมเปญรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯ กัมพูชา ออกแถลงการณ์พิเศษ ยืนยันกับชาวกัมพูชาว่า พื้นที่ที่เกิดยิงปะทะเป็นเวลาสั้นๆ 10 นาทีระหว่างทหารไทยและกัมพูชาเกิดขึ้นในพื้นที่ทับซ้อนที่ อ.ช่องบก จ.อุบลราชธานี แต่สื่อกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในหมู่บ้านเตโช โมโรดก จังหวัดพระวิหาร และเพื่อยืนยันว่าพื้นที่ปะทะเป็นของกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า เคยไปที่นั่น ไป นั่งตรงจุดนั้นในปี 2552 แล้วจะมาอ้างว่าอยู่ในดินแดนของพวกเขาได้อย่างไร ผมไม่เชื่อ แล้วเรื่องอะไรทำไมทหารของเราจึงต้องมาเสียชีวิตที่นั่น (ซึ่งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา)          

สมเด็จฮุน เซน ยืนยันว่า การที่กองทัพส่งกำลังพลและอาวุธหนักเข้าไปเสริมที่พรมแดนไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดการเผชิญหน้ากับไทย แต่เพื่อให้มั่นใจว่ากัมพูชามีการเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์รุนแรงเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2551-2554 ที่เขาพระวิหาร

สมเด็จฮุน เซน ยังได้ตอบคำถามที่มีการพูดกันในโซเชียลมีเดียถึงความพร้อมของกองทัพกัมพูชาในการรับมือกับทหารไทย ที่มีการอ้างว่าเตรียมจะใช้เครื่องบินรบในการโจมตีกัมพูชา โดยสมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ทำให้เกิดการยั่วยุ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง กัมพูชาเองก็มีการเตรียมความพร้อมเช่นกัน มีการเตรียมขีปนาวุธต่อต้านอากาศไว้แล้ว เราพร้อมที่จะเปิดปฏิบัติการยิงเครื่องบินหากมีความจำเป็น แต่เชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าจะลุกลามบานปลายไปยังพื้นที่พรมแดนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทตาเมือนธมหรือปราสาทพระวิหาร

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์กรณีท่าทีของผู้นำกัมพูชาแข็งกร้าวขึ้นหลังเหตุการณ์ปะทะกันว่า เท่าที่อ่านการโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน จะเห็นว่าสุดท้ายก็พูดว่าไม่อยากให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น แน่นอนว่าเราเป็นผู้นำของแต่ละประเทศ ก็แสดงจุดยืนของประเทศตัวเองว่าต้องปกป้องประเทศของเรา มั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

เมื่อถามว่า เบื้องต้นความเข้าใจผิดเกิดจากปัญหาพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รายละเอียดขอให้ฟังผลการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกสองชาติ เพราะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างอ่อนไหว แต่ในระดับผู้นำที่คุยกันไม่มีปัญหา เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่ากัมพูชาพร้อมเสริมกำลังประชิดแนวชายแดน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “อุ๊ย มันเป็นหลักเกณฑ์ของแต่ละประเทศอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องที่หนักขึ้นหรือต่อสู้กันมากขึ้นทั้งสองประเทศก็ต้องเสริมกำลังอยู่แล้ว ไม่มีใครปล่อยให้เกิดเรื่อง”

เมื่อถามย้ำว่า ไทยก็เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "แน่นอนค่ะ ถ้าเกิดเรื่องที่มันรุนแรงขึ้นก็ต้องเสริมกำลัง ถ้าไม่มีเราพร้อมจบอยู่แล้ว พร้อมให้มันสงบอยู่แล้ว เพราะต้องปกป้องคนของเราด้วย"

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนส่งกำลังทหารและอาวุธหนักไปประจำการตามแนวชายแดนว่า เป็นเรื่องที่มีความเข้าใจผิดกันทุกฝ่าย ทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดถึงจุดที่มีการดำเนินการในพื้นที่ และมีการอ้างว่าแต่ละฝ่ายรุกล้ำดินแดน เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา โดยหลักการที่พูดคุยกันไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า และอยากให้พยายามพูดคุยกัน แต่ยังไม่อยากพูดคุยเรื่องดินแดนในตอนนี้ เพราะสถานการณ์กำลังคุกรุ่น มีการปะทะกัน ซึ่งในการพูดคุยตนได้ยืนยันในหลักการนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ 12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์กลางแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์! กัมพูชาผุดรังใหม่ 'สแกมเมอร์' ตรงข้ามด่านช่องจอม สุรินทร์

หลังจากทางการกัมพูชาถูกนานาชาติเปิดโปงข้อมูลว่ากัมพูชาเป็นแหล่งศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก การค้ามนุษย์ และหลอกลวงออนไลน์ ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)