ปปช.สอบเงิน12ล. ไม่ยื่นบช.ทรัพย์สิน ปชน.บี้‘สรรพากร’

ป.ป.ช.มีมติตรวจสอบเชิงลึก ขรก.ระดับ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ไม่ยื่นทรัพย์สินเงินสด 12 ล้านบาทของคู่สมรส-"ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว" ขณะที่ "3 สส.ปชน." บุกสรรพากร จี้สอบที่มารายได้-เส้นทางการเงิน "ภคมน" ชี้ "ทวีวัฒน์" เป็นหนึ่งในอนุ กก.ที่ยืนยัน กสทช.ไม่มีสิทธิ์อนุญาตให้ควบรวมทรูกับดีแทค แง้มรอเปิดโปงกองทุน USO เลือกจ้าง-เลี่ยงประมูลผ่านการให้ทุนไปผลิต "รักชนก" จ่อทำหนังสือถึง "กสทช." เหน็บคงหน้าด้านไปสักนิดหากยังไม่ทำอะไร "พนิดา" สงสัยเอี่ยวประมูลคลื่นสิ้นเดือนนี้หรือไม่

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของข้าราชการท่านหนึ่ง เป็นระดับผู้อำนวยการของสำนักงาน ป.ป.ช.ที่ปรากฏข่าวต่อสื่อมวลชน โดยพบว่าข้าราชการดังกล่าวสมรสกับนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว เมื่อต้นปี 2563 และได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564  และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2567 การตรวจสอบข้อมูลการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของข้าราชการรายดังกล่าว ไม่ปรากฏรายการเงินสดจำนวน 12 ล้านบาทของคู่สมรส  แสดงไว้ในรายการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้ง 2 ครั้ง

"คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ข้าราชการรายดังกล่าวมีพฤติการณ์จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ หรือมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินรายการดังกล่าวโดยมิชอบ ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐและการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 โดยเร็วต่อไป" นายภูเทพ กล่าว

ที่สำนักงานใหญ่กรมสรรพากร น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ปชน. และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรค ปชน. ร่วมแถลงภายหลังการยื่นหนังสือต่อกรมสรรพากร เรียกร้องให้พิจารณาตรวจสอบที่มาของรายได้และเส้นทางการเงินจำนวน 12 ล้านบาทของนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ที่ปรึกษาบอร์ด กสทช. และมีรายชื่อในคณะอนุกรรมการใน กสทช.อีก 5 คณะ

โดย น.ส.ภคมนระบุว่า หนึ่งในคณะอนุกรรมการที่นายทวีวัฒน์นั่งอยู่ คือคณะอนุกรรมการการควบรวมของทรูและดีแทค ซึ่งในการประชุมปี 65 นายทวีวัฒน์เป็นเสียงข้างน้อยที่ยืนยันว่า กสทช.ไม่มีสิทธิ์อนุญาต และไม่อนุญาตให้เกิดการควบรวมของสองธุรกิจนี้ มีอำนาจเพียงรับทราบเท่านั้น และพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาก็สามารถฟ้องได้ในบางอย่าง และยังตั้งข้อสังเกตได้ว่า วันนี้เงิน 12 ล้านบาทที่พบ พร้อมกับจดหมายของ กสทช.ที่เขียนชื่อนายทวีวัฒน์ชัดเจน ว่ามีความเกี่ยวข้องและมีที่มาอย่างไร

"นายทวีวัฒน์เป็นพนักงานของรัฐ รับเงินเดือน มีรายได้ประจำจาก กสทช. มีอภิสิทธิ์มากมายที่ใช้ภาษีประชาชน จึงอยากตรวจสอบนายทวีวัฒน์ ที่อาจเป็นจุด เริ่มต้นเล็กๆ นำไปสู่การคอร์รัปชันใหญ่" น.ส.ภคมนกล่าว

ด้าน น.ส.รักชนกกล่าวว่า เนื่องจากเงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกยื่นอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของภรรยานายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์เองมีการยื่นรายได้ต่อสรรพากรเพียงปีละหนึ่งล้านบาท ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงต้องถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าได้มาจากอาชีพทนายจริงหรือไม่ หรือได้จากผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งสรรพากรควรมีบทบาทเข้ามาตรวจสอบเงินตรงนี้ เพราะคนทำงานรู้กันทั่ว หากดูเลขธนบัตรที่เรียงกันก็รู้ว่าคือธนบัตรล็อตไหน ปีไหน จึงอยากให้ธนาคารกสิกรเข้ามาเร่งตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน

"พวกเราอาจจะมีการไปยื่นที่ กสทช.ด้วย หาก กสทช.จะเฉยเมยต่อเรื่องนี้ โดยที่คนคนนี้เป็นพนักงานของ กสทช.เอง คิดว่ามันจะหน้าด้านไปสักนิดนึง เราจึงต้องไปยื่นหนังสือเพื่อเป็นการกระทุ้งให้ กสทช.ทั้งบอร์ด ประธาน และสำนักงานต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง" น.ส.รักชนกกล่าว

ขณะที่ น.ส.พนิดากล่าวว่า ได้มีการตั้งคำถามไปตั้งแต่ที่มีการพบกล่องใส่เงินสด เรื่องบทบาทของผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งทำหน้าที่ปฏิบัติงานในอนุกรรมการที่มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือเข้าถึงการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ที่จะกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตลอดจนโอกาสและความเป็นไปได้ว่ากล่องเงินนี้จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับการประมูลคลื่นของวันที่ 29 มิ.ย.นี้หรือไม่ และหน้าที่ของ กสทช.เองก็ต้องพิสูจน์ความโปร่งใสให้เกิดขึ้น 

"เรายังมีคำถามถึงราคาตั้งต้นในการประมูลคลื่นทั้ง 4 ย่านหลัก แต่กลับมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงสองเจ้าใหญ่เท่านั้น จึงอาจคาดการณ์ได้ว่าการประมูลจะจบที่ราคาตั้งต้นนี้  ยิ่งมาดูที่ตัวเลขแล้วก็ยังต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น ขอตั้งคำถามว่าราคานี้ชอบธรรมหรือไม่ มีที่มาอย่างไร หากไม่มีการแข่งขันจริง อะไรจะเป็นหลักประกันให้กับประชาชนว่าจะสามารถได้รับบริการทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มั่นคง และเป็นธรรม" น.ส.พนิดากล่าว

เมื่อถามถึงเบาะแสหรือการทุจริตภายใน กสทช. น.ส.ภคมนเปิดเผยว่า อยากให้ทุกคนติดตามอนุกรรมการที่ 4 และ 5 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) หรือกองทุนยูโซ (USO)  ที่มีการบริหารเงินปีละ 5 พันล้านบาท และล่าสุดตนได้รับหลักฐานว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกันในการฮั้วประมูล ตกลงกันในการให้ทุนของกองทุนนี้

"เมื่อมีการรวบรวมหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว จะมีการเปิดเผยต่อไป ย้ำว่ากองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลึกลับมาก เป็นกระเป๋าเงินสำคัญของ กสทช.ที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไร และความน่าตลกคือ ประธานของกองทุนนี้คือประธาน กสทช. ซึ่งคงไม่ต้องคาดหวังเรื่องการตรวจสอบเลย นอกจากนั้นกองทุนนี้ยังตั้งขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการประมูล เลือกจ้างได้แบบเฉพาะเจาะจง โดยวิธีการให้ทุนไปผลิต" น.ส.ภคมนกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.รุกฆาตแพทองธาร อิ๊งค์ซื้อเวลาสู้คดี ศาลรธน.

เป็นไปตามคาด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจกับการที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-รมว.วัฒนธรรม จะยื่นขอ ขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ในคดีถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)