อิ๊งค์นัดหนูถกปรับครม.

“นายกฯ อิ๊งค์” นัด "อนุทิน" หารือปรับ ครม.พรรคเดียว ส่วน "กล้าธรรม" สลับเก้าอี้พ่อ-ลูกอีกระลอก “ภท.-รทสช.” ประกาศชัด หากยึดโควตารัฐมนตรีพร้อมเป็นฝ่ายค้าน “วิทยา” เชื่อไม่มีเปลี่ยนม้ากลางศึก รับพรรคต้องอยู่แบบสองก๊กกันไป “ก๊วนสุชาติ” ตั้งชื่อกลุ่ม 18

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังเป็นประธานและมอบนโยบายในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า น.ส.แพทองธารจะเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และแกนนำพรรค ภท. หารือเกี่ยวกับการปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้เพียงพรรคเดียว หลังมีการเลื่อนประชุม ครม.สัญจรออกไป จนถูกจับจ้องว่าเป็นการเลื่อนเพื่อรอ ครม.ชุดใหม่ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ยังไม่มีแนวคิดจะปรับอะไร เว้นแต่พรรคนั้นๆ จะเสนอปรับในส่วนของพรรคตัวเองเข้ามา โดยมีรายงานว่าในส่วนของพรรคกล้าธรรม (กธ.)  เตรียมเสนอปรับรัฐมนตรีของพรรค 1 ตำแหน่ง  โดยจะเสนอให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา กลับมาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกครั้ง แทนนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผู้เป็นพ่อ ส่วนพรรคร่วมอื่นๆ ยังยืนยันโควตาเดิม

ด้านนายอนุทินกล่าวถึงการเลื่อนประชุม ครม.สัญจรว่า ทราบว่ามีการเลื่อน ก็คงเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในขณะนี้ เช่น ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งคิดว่านายกฯ ตัดสินใจถูกแล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้นายกฯ ได้ส่งสัญญาณเรื่องปรับ ครม.มาแล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี และเมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับไปก่อนโดยไม่แจ้งให้ทราบ นายอนุทินย้ำว่า ไม่มี ถามต่อว่ามีความมั่นใจหรือไม่ว่ายังจะได้นั่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทย นายอนุทินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า มั่้นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้จริงๆ พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “พร้อมครับ”  ก่อนกล่าวอีกว่า ให้รบกับศัตรูกันก่อน อย่าเพิ่งมารบกันเอง ถ้าเราหันมารบกันเองจะร้องเพลงชาติให้ใครฟัง

นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีปรากฏภาพไปพบนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แกนนำ 6 สส.เพชรบูรณ์ รวมถึงภาพแกนนำพรรคภูมิใจไทยไปร่วมรับประทานอาหารกับนายสันติอีกด้วย ที่คาดว่าจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย จะมี สส.จากพรรคอื่นมาร่วมเพิ่มอีกหรือไม่ว่า  วันนี้เรามานั่งหารือกันว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับบ้านเมือง การทำงานทางการเมืองหากเป็นไปในทางเดียวกัน โครงสร้างทางการเมืองเหมือนกัน มันก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้เยอะ เราคุยถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายสันติหรือไม่ ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อจะไปร่วมงานกับทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม และสุดท้ายมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย  นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้คุย และไม่มีข่าวอะไรทั้งสิ้น ขณะนี้ให้สิ่งที่มันดำเนินอยู่ให้เป็นตัวเล่าเหตุการณ์ จะไปพูดอะไรเลยไม่ได้ เราต้องให้เกียรติทุกฝ่าย เพราะว่าแต่ละคนทั้งหลายก็ยังมีสังกัดกันอยู่ และเราไม่ได้ทำอะไรตอนนี้ เรากำลังพูดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ถามอีกว่า ขณะนี้จะทำให้เก้าอี้ดูมั่นคงขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เคยคิด เก้าอี้จะมั่นคงหรือไม่มันอยู่ที่การทุ่มเทงาน ไม่เคยคิดเอาจำนวน สส.ที่มีอยู่มาเป็นตัวชี้วัดว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้หรือไม่ และเมื่อถามด้วยว่าเป็นการส่งสัญญาณไปถึงคนที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า  ไม่มีสัญญาณอะไร

มีรายงานข่าวจาก ภท.แจ้งว่า ในวันที่ 15 มิ.ย. นายอนุทินจะเดินทางไปทำกิจกรรมในพื้นที่ จ.อุดรธานี และคาดว่าจะมี 2 สส.พรรคฝ่ายค้านที่จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรค ภท.มาร่วมด้วย คือ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี และนายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ทำให้ปัจจุบันพรรค ภท.ที่เดิมมี สส. 69 เสียง เมื่อรวมกับรวม สส.เพชรบูรณ์กลุ่มนายสันติ   6 คน และ สส.อุดรธานี พรรค ทสท. 2 คน ทำให้พรรค ภท.มีเสียง 77 เสียง และคาดว่าจะมี สส.ทยอยมาสมทบเพิ่มเติมในอนาคต

ต่อมา นายอนุทินกล่าวในเรื่องนี้ว่า จ.อุดรธานีเป็นพื้นที่ที่ไม่มี สส.พรรค ภท. จึงอาจไม่ได้รับทราบปัญหารอบด้าน ถ้ามีผู้แทนราษฎรมาช่วยกันดูแลประชาชน เป็นเรื่องที่ดี ช่วยกันทำงานให้ประชาชนเป็นเรื่องที่ดี สส.ทุกคนทุกพรรค มาช่วยกันทำงาน ส่วน 2 สส.ดังกล่าวจะมาอยู่ด้วยกันหรือไม่ เป็นเรื่องอนาคต ไม่มีใครบังคับใจใครได้ ทุกอย่างอยู่ที่ความสมัครใจ

ก่อนหน้านี้ ในเวลา 15.15 น. ที่โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี  นายอนุทินพร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้ติดตามความพร้อมของหน่วยงานราชการในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม ทั้งนี้ ระหว่างนายอนุทินเดินทักทายประชาชน มีประชาชนมาห้อมล้อมขอถ่ายรูปและขอสวมกอด ทำให้ผู้สื่อข่าวแซวว่าบรรยากาศเหมือนเลือกตั้ง นายอนุทินทั้งยิ้มและหัวเราะพร้อมกล่าวว่า เหมือนเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขน สส.ของพรรคลงพื้นที่ด้วยแบบนี้ เป็นการวอร์มรอเลือกตั้งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป็น รมว.มหาดไทย ไม่ว่าไปที่ไหน สส.ที่อยู่ในพื้นที่จะมารับฟัง มาชี้แจงปัญหาของชาวบ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็น สส.ของพรรครมว.ป้องกันปัญหาน้ำท่วม  ภูมิใจไทยเท่านั้น เราไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพราะเราถือว่าพวกเราเป็น สส.ของพี่น้องประชาชนทุกคน

เมื่อถามย้ำว่า การให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้เรื่องปรับ ครม.กับบรรยากาศการลงพื้นที่เหมือนจังหวะหาเสียงพอดี นายอนุทินกล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรีอย่างเดียว มีฐานะเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของพรรค ภท. ซึ่งมาจากคะแนนทุกคะแนนทั่วประเทศ  เป็น สส.มีสิทธิ์ลงไปแก้ไขสถานการณ์ดูแลพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะมาได้เพราะพวกเขา

ส่วนนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ  และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  กล่าวถึงกรณีให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมเป็นฝ่ายค้านหากโดนยึดกระทรวงพลังงานว่า จะพูดเล่นทำไม  มีที่ไหนเมื่อเขาไล่ออกจะหน้าด้านนั่งอยู่ทำไม ซึ่งกระแสการปรับ ครม.ได้ถามหัวหน้าพรรคเมื่อ 3-4 วันก่อน นายกฯ ยังไม่มีการสอบถามว่าจะให้ปรับอย่างไร เราก็ต้องอยู่เฉยๆ แต่หากเขาถามมา เราก็ยืนยันตำแหน่งเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุว่าให้พรรค รทสช.ไปจัดการปัญหาของตัวเองก่อน นายวิทยากล่าวว่า ในพรรคยังยืนยันตามนี้ ไม่มีการปรับ ในเมื่อล่มหัวจมท้ายแล้วก็รอเวลา  ยุบสภาค่อยจากกันไป เป็นเรื่องธรรมดา ปัญหาที่เกิดในพรรคเป็นเรื่องธรรมดา หัวหน้ากับเลขาธิการพรรคต้องปวดหัวกันบ้าง ยอมรับแรงเสียดทานให้ได้

เมื่อถามว่า หากพรรคแกนนำต้องการให้พรรค รทสช.สละโควตาให้กับบุคคลภายนอก นายวิทยากล่าวว่า ในการตั้งรัฐบาล เขาเชิญเราไป เราก็ส่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรคไปพูดคุย ได้ข้อสรุปอย่างไรก็ยุติ เวลาเขาจะเอาใครมาแทน ก็ต้องคุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรค แล้วใครล่ะที่เป็นคนยื่นหนังสือมาขอเป็นแทน หรือหากรัฐบาลตัดสินใจเอาคนอื่นมาเป็นแทน ก็เท่ากับเชิญเราออกจากรัฐบาลแล้ว ซึ่งเป็นการเมืองตื้นๆ อย่าไปคิดอะไรมาก

ถามว่า นายอนุทินก็ระบุเช่นเดียวกันว่าหากเปลี่ยนกระทรวงก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน นายวิทยากล่าวว่า ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่คิดว่านายกฯ คงไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก ตอนนี้ประเทศกำลังออกศึกกับความยากจนและกัมพูชาอยู่ ถ้าเปลี่ยนแบบนี้ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดได้แต่จะทำยังไง ซึ่งหากเราออกก็ต้องเป็นฝ่ายค้านโดยปริยาย เพราะเขาไม่ให้อยู่จึงจำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวกลุ่ม สส.ที่นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค รทสช. ภายหลังร่วมรับประทานอาหารคํ่ากันที่ร้าน Neil’s Tavern Steak เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่า กลุ่ม สส.ได้ตกลงกันว่าหลังจากนี้จะใช้ชื่อกลุ่มของตัวเองว่ากลุ่ม 18 เนื่องจากมีสมาชิกเป็น สส.จากหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มของนายสุชาติ แต่มีอุดมการณ์เดียวกัน คือไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรค รทสช.ได้ โดยในกลุ่ม 18 มี สส.หลายคนยังอยากอยู่ที่พรรค รทสช. ยังไม่คิดไปอยู่พรรคใหม่ในรัฐบาลสมัยนี้ จึงต้องอยู่กันไปแบบนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' นำคณะเพื่อไทย อ้อนคนโคราช ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าที่ไหน ก็ยินดีรับใช้ประชาชน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ สส.นครราชสีมา อาทิ นายอภิชา เลิศพชรกมล ,