ประยุทธ์จูบปากภท. บอก‘หนูช่วยกันหน่อยนะ’/พท.โวอยู่ไม่ถึงประชุม‘เอเปก’

"หนูช่วยกันหน่อยนะ"    กลบรอยร้าวในรัฐบาล "บิ๊กตู่" ควง "อนุทิน-ศักดิ์สยาม" แถลงข่าว ยันไร้ความขัดแย้ง ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ ขอฝ่ายนิติบัญญัติอย่าให้มีปัญหากันมากนัก  อย่าทำอะไรให้สับสนอลหม่าน ไม่มีอะไรดีกับประเทศทั้งสิ้น รัฐมนตรีดีอีเอสแบ่งรับแบ่งสู้อุบัติเหตุทางการเมือง ขณะที่เพื่อไทยคุยคำโตซักฟอกไม่ลงมติ รัฐบาลอยู่ยาก

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้หารือนอกรอบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยพูดคุยถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะเรื่ององค์ประชุมในศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.พ.นี้

มีรายงานว่า ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้หันไปกล่าวกับนายอนุทินว่า "หนูช่วยกันหน่อยนะ" จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงข่าวว่า วันนี้แก้ให้ทุกเรื่อง มากบ้างน้อยบ้าง โดยเฉพาะวันนี้มีเรื่องงบประมาณ แนวปฏิบัติและกฎหมายที่มีอยู่ จึงขอความเข้าใจด้วยว่านายกฯ ห่วงใยคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ขอความร่วมมือไปยังฝ่ายนิติบัญญัติทุกอย่าง อย่าให้มีปัญหากันมากนัก ซึ่งจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตนคุยกับหัวหน้าพรรคต่างๆ โดยเฉพาะพรรคร่วม ก็ไม่มีปัญหาอะไรกันทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าทำอะไรให้สับสนอลหม่าน เพราะไม่มีอะไรดีกับประเทศทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่า ช่วงนี้มีใครบีบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับว่า "ใครจะบีบล่ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาใช้คำว่า นายกฯ ถูกกดดัน หรือภาษาชาวบ้านๆ ว่าจะมาบีบไข่นายกฯ แบบนี้ตลอดไม่ได้พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "หู้ว เลอะเทอะ ชอบจังปัญหาคนอื่น"

ด้านนายอนุทินเผยว่า คุยเรื่องความมั่นคงของจำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งนายกฯ ไม่ได้กังวล และได้ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านหรือผู้อภิปรายคนใดก็ตามที่มีข้อสงสัย โดยนายกฯ จะตอบในภาพรวม และถ้ามีรัฐมนตรีคนใดถูกพาดพิงถึง ให้รัฐมนตรีคนนั้นไปเตรียมคำตอบมาให้ดี และให้เช็กซึ่งกันและกัน อีกทั้งให้เตรียมความพร้อมว่าเมื่อถึงวันที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แบบที่จะมีการลงมติ ในดือน พ.ค.นี้ ซึ่งเราก็ต้องเช็กความพร้อม ขณะที่รัฐบาลยังมีเสถียรภาพสูงมาก

เมื่อถามว่า จะมีอะไรที่ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคงได้หรือไม่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่มี อย่างที่ตนบอกว่าเวลาทำงาน เราไม่ได้เกลียดกันหรือโกรธกัน หรือไม่พอใจกันในเรื่องส่วนตัว

 “แต่นี่มันมีเรื่องงานเข้ามา เพราะถ้าทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกันหมด ก็ยุ่งสิโลกนี้ ต้องเห็นต่างกัน อย่างเช่นเวลาไปพร้อมกัน 3 คน เพื่อจีบผู้หญิงคนเดียวกัน ถ้าชอบสไตล์เดียวกันหมด ก็ชกกันตาย ดังนั้นเรื่องการทำงานก็ต้องทำความเข้าใจกัน”

นายอนุทินยังกล่าวกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยชูมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูหลังสภาล่ม ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสม ว่า ยังไม่เห็น เพราะมีภารกิจเยอะมาก แต่ก็ต้องเข้าใจ ทุกคนมีความเครียด บางครั้งเมื่ออยู่กับพรรคพวก เลยแสดงตามๆ กัน 

"กำชับตลอด ซึ่งสมาชิกพรรคขาดประชุมไม่เยอะ เวลานับองค์ประชุมก็อยู่ในห้องประชุมประมาณ 30-40 คนตลอด ภูมิใจไทยไม่มีเกมการเมือง ตรงไปตรงมา ไม่เล่นเกมใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างที่ทำมีเหตุผล"

ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

เมื่อถามว่า สภาควรจะมีมาตรการเด็ดขาดกับบรรดา ส.ส.ที่เข้าร่วมประชุม แต่ไม่แสดงตนหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ของแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องไปถามผู้บริหารพรรคแต่ละพรรคว่าจะเอาอย่างไร และเหตุใดจึงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สภามีระเบียบข้อบังคับอยู่ แต่ตนไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนระเบียบข้อบังคับจะเหมือนกับการเปลี่ยนข้อกฎหมายหรือไม่ ยืนยันว่าในส่วนของพรรค ภท. ไม่มีกรณีที่อยู่ในห้องประชุมแล้วไม่แสดงตน เพราะคิดเสมอว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมี ส.ส.อยู่ประจำสภาตลอด ถ้ารัฐมนตรีของพรรคไม่ติดธุระก็จะไปร่วมประชุม

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนของพรรคด้วยเช่นกันว่า ครั้งหน้าผู้ที่เป็นรัฐมนตรีจะต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าจะต้องเป็น ส.ส.ด้วย แต่ละพรรคจะพิจารณา การที่เป็นทั้งรัฐมนตรีและ ส.ส. อาจจะทำให้ลำบากในการบริหารเวลา ทั้งนี้ยังดีที่เป็นปลายสมัยการประชุมสภา  ถ้าเป็นต้นสมัยประชุม อาจจะต้องพิจารณาว่าจะเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามว่า ขณะมีปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาล และหากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา พรรค ภท.พร้อมเลือกตั้งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดถึงจุดนั้นเลย ทุกคนทำงาน ไม่มีเกมการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ต่างคนต่างทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประเทศ ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วออกมาตีรวน ยืนยันว่าพรรคเราไม่มีการตีรวน อ่านง่าย คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น และทำอย่างนั้น

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ได้พูดคุยเรื่องการทำงานในสภา รวมถึงเสียงองค์ประชุมสภา โดยให้ทุกคนมาช่วยกันและขอให้พรรคร่วมรัฐบาลขับเคลื่อนงานสภาให้เรียบร้อยและผ่านไปให้ได้ และเมื่อเช็กเสียงรัฐบาล มั่นใจว่ายังมั่นคง เข้มแข็ง ไม่มีปัญหา ทุกคนยืนยันว่าทำงานกันได้ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่คุยกันวันนี้ ทุกคนยืนยันกับนายกฯ ว่าจะช่วยทำงานให้ครบเทอม และมั่นใจว่าเสียงที่มีอยู่จะเพียงพอขับเคลื่อนงานของสภา และรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอนุทินรับปากประเด็นที่นายกฯ ขอเรื่องในสภาหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เรานั่งคุยกันและนายกฯ บอกว่าให้ช่วยทำงานในสภาให้เรียบร้อย และขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาลให้อยู่ครบเทอม ต้องช่วยกัน ไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาเรื่องสภาล่ม ตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะเป็นการพิจารณาวาระรับทราบ และในอดีตการประชุมแบบนี้จะไม่มีการนับองค์ประชุม ไม่มีเกมการเมืองแบบนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่วาระสำคัญที่ต้องลงมติ ขณะที่ ส.ส.อาจจะติดภารกิจอื่น เช่น การประชุมกรรมาธิการ มาไม่ทัน จึงอยากขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย

เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุการเมืองจนต้องยุบสภาใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตอบไม่ได้ แต่เท่าที่คุยกัน และเช็กเสียงในสภา ยังมั่นใจ ส.ส.ทุกคนทุกพรรคยังเชื่อมั่นและจะจับมือสนับสนุนรัฐบาล เรื่องเสียงมีพอ ไม่ต้องห่วง และนายกฯ ก็มั่นใจว่าอยู่ได้ ไม่ต้องกลัว

ไปต่อไม่ไหวแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ยืนยันว่าจะยังอยู่กับพรรค พปชร. โดยให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เดี๋ยวค่อยคุยอีกที วันนี้ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง บอกแล้วว่าอีกปีหนึ่ง รอให้ครบวาระ วันนี้คุยให้ช่วยกันเพื่อจะอยู่ครบเทอม ทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ และพรรคอื่น ยืนยันว่าจะช่วย เมื่อนับเสียงแล้วก็ยังเพียงพอ อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีปัญหา เสียงพอแน่นอน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แต่ไปรับนั่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม 16 ของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ว่า เขาอยากจะเป็น แต่คนอื่นเขาไม่เอา

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐแจ้งให้ทราบหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิเชษฐ ส่วนสภาล่มเป็นเรื่องที่ ส.ส.ไม่รู้และไม่คิดว่าจะลงคะแนน

 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในวันที่ 17-18 ก.พ. ว่ามีความพร้อมเตรียมผู้อภิปราย เตรียมประเด็น และประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไว้เรียบร้อยแล้ว การอภิปรายครั้งนี้จะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ไหวแล้ว ถ้ายังบริหารประเทศอยู่ มันเดินหน้าไม่ได้แล้ว เช่น ในเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าเรายังปล่อยให้บริหารประเทศต่อก็แก้ไขไม่ได้ จะเกิดความเสียหายกับประชาชน แม้ไม่มีการโหวตแบบลงคะแนนเสียง แต่เมื่อประชาชนได้รับฟังแล้วจะเห็นฟ้องกับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายที่ตรงกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน

ในสัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันอีกครั้งเพื่อสรุปประเด็นเนื้อหาและซักซ้อมทำความเข้าใจร่วมกันการจะแบ่งเวลาในการอภิปรายระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่ได้มีปัญหาการอภิปรายครั้งนี้ให้น้ำหนักใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.เศรษฐกิจที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน 2.โรคระบาด ทั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โรคลัมปีสกินในโคกระบือ 3.การทุจริตคอร์รัปชัน และ 4.การบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิรูปด้านต่างๆ ที่ล้มเหลวทุกเรื่อง ซึ่งรัฐบาลยังแก้ไขปัญหาได้ไม่ดีพอ และล้มเหลว อยู่ไม่ถึงการเป็นเจ้าภาพประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022)  เดือน พ.ย.

"คาดว่าเดือนพฤษภาคมนี้ จะถึงในช่วงจุดอิ่มตัวของรัฐบาลนี้ หมายถึงเมื่อกฎหมายลูกแล้วเสร็จ ก่อนช่วงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เป็นอีกช่วงที่ต้องจับตาดู เพราะอะไรต่างๆ จะมีความชัดเจนขึ้น เนื่องจากหากยื่นญัตติดังกล่าวไปแล้ว นายกฯ ไม่สามารถยุบสภาได้ นายกฯ ต้องลาออกอย่างเดียว" นายประเสริฐกล่าว

นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารและ ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ  กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม ที่จะเป็นผลกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ ว่า ไม่ลำบาก เพราะเหตุการณ์ที่สภาล่มเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ไม่ใช่เป็นวาระสำคัญ หรือมีประเด็นอะไร

ขออภัยประชาชน

"ต้องขออภัยประชาชน เพราะมี ส.ส.ไม่แสดงตน แต่ตนก็ขอยอมรับว่าจริงๆแล้วไม่มี ส.ส.คนอยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้" นายอนุชากล่าว

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอให้นับองค์ประชุม ถือว่าจงใจต้องการใช้สภาเป็นเกมทางการเมือง เพื่อให้สภาล่มต่อเนื่อง ในญัตติที่เป็นเรื่องรับทราบรายงานที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นญัตติร่วมกันของ ส.ส. ตนขอประณามการดำเนินการเพื่อต้องการหวังผลให้สภาเป็นตัวประกันทางการเมือง

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าและส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่าห่วงภาพลักษณ์สภา แต่ก็ต้องรับผิดชอบซึ่งกันและกัน เพราะสภาเป็นรูปแบบหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย และฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของระบอบ ซึ่งเราต้องช่วยกันจรรโลงหลักการเพื่อไม่ให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

"เหตุการณ์สภาล่มกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ไม่มีความแน่นอน ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ให้การทำงานต่างๆ จากเดิมทำได้ 80% เหลือ 60-70% เพราะค่าเบี่ยงเบนของการจัดการลดลงอยู่แล้ว ฉะนั้นนายกรัฐมนตรี ต้องมีท่าทีที่ชัดเจน เป้าหมายสูงสุดคืออะไร ซึ่งต้องปรับใหม่ในช่วงเวลานี้ ไปถึงจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน" นายสาธิตกล่าว

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เกิดปัญหาสมองไหลอีกครั้ง นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต่อนายวิรัช ร่มเย็น นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ โดยในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอลาออกตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.2565 เป็นต้นไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายสุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่าไม่พอใจที่ผู้บริหารพรรคเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 3 คน ทั้งที่เขตเลือกตั้งดังกล่าวเป็นเขตเดิมของตน อีกทั้งยังเคยยื่นความจำนงว่าจะขอลงเลือกตั้ง ส.ส.ไว้แล้ว แต่ไม่เคยได้รับการติดต่อจากผู้บริหารพรรคแต่อย่างใด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า หลังแพ้เลือกตั้งที่นครศรีธรรมราช นายสุรเชษฐ์ได้แจ้งว่าจะไม่ขอลงสมัครแล้ว พรรคจึงต้องหาผู้สมัครคนใหม่และได้ลงเดินในพื้นที่ไปนานแล้ว แต่หลังการแก้รัฐธรรมนูญนายสุรเชษฐ์ก็กลับแจ้งว่าจะขอลงสมัครอีก ก็เลยเป็นปัญหา ซึ่งพรรคกำลังหาทางออกให้นายสุรเชษฐ์อยู่ ไม่ได้ปิดกั้นนายสุรเชษฐ์และไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะเห็นว่านายสุรเชษฐ์เป็นผู้อาวุโส และพรรคให้ความสำคัญ แต่เมื่อนายสุรเชษฐ์ได้ยื่นลาออกก็ต้องเคารพการตัดสินใจ

นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของ ส.ส.ที่เข้าร่วมประชุมสภาแต่ไม่แสดงตน ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ผิดข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 และผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และการที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าได้กลิ่นรัฐประหาร ขณะนี้ 17 ครั้งแล้วที่สภาล่ม ถ้ายังเป็นอย่างนี้อีก 10 ครั้ง เชื่อว่าจะมีการรัฐประหารแน่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง