‘บิ๊ก ปชป.’ ซดเกาเหลา ‘จุรินทร์’ ยันไม่ทิ้งใคร

ไม่จบ! "บิ๊กประชาธิปัตย์"    ยังเปิดศึกซดเกาเหลา "จุรินทร์" บ่นพึม ยามที่พรรคตกต่ำไม่ค่อยมีใครอยากลง  ต้องไปอ้อนวอนให้มาช่วยกันลงสมัครในนามพรรค แต่พอยามที่พรรคดีขึ้นก็เริ่มมีการแย่งกันลง แต่ "สุรเชษฐ์" สวนกลับพูดไม่หมด เหตุไม่ลง ส.ส.เพราะพรรคให้สมัครนายก อบจ. แต่แจ้งกับพรรคว่าถ้านครศรีฯ เพิ่มเขตเลือกตั้งมา 1 เขตก็จะสมัคร ส.ส.อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส. เพื่อเตรียมการรับการเลือกตั้งทั่วไปว่า พรรคเตรียมการเรื่องตัวบุคคลที่จะเป็นผู้สมัครในหลายภาคมาโดยลำดับ ซึ่งเกือบจะเรียกว่าจบทั้งหมด ทั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็มีตัวแล้ว ส.ก. ก็ครบทั้ง 50 เขต และหากเที่ยวหน้าการเลือกตั้งทั่วไปใน กทม. เพิ่มจาก 30 เป็น 33 เขต ก็จะหาคนเพิ่มอีกไม่กี่คน ที่ผ่านมาก็เคาะไปกว่า 20 คน ส่วนภาคใต้ตอนนี้ยังขาดเพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้น ภาคเหนือผู้แทนเก่ายังอยู่กับเราหมด ไม่มีใครแตกออกไปและมีคนรุ่นใหม่เติมเข้ามาด้วย ภาคอีสานก็มีคนใหม่ๆ เข้ามาหลายคน ภาคกลางก็ได้มาอีกหลายจังหวัด เมื่อไม่กี่วันนี้เพิ่งเคาะไปอีก 1 จังหวัด เพิ่มจาก 3 เขตเป็น 4 เขต ได้ตัวครบแล้ว และเป็นผู้ที่มีศักยภาพมาก

“ในการพิจารณาตัวผู้สมัครของพรรคอาจจะใช้เวลานานขึ้น และขั้นตอนการพิจารณาอาจจะยากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะมีผู้สนใจและเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งมากขึ้น แทนที่เขตหนึ่งจะมีผู้สนใจ 1 ท่าน หรือมีคนเก่าอยู่คนเดียว หรือมีคนใหม่เข้ามาคนเดียว กลายเป็นว่ามี 2-3 คน พรรคก็อาจจะต้องใช้ดุลพินิจ และก็จะต้องพิจารณาไปตามขั้นตอนกระบวนการข้อบังคับให้มีความชัดเจน”

เมื่อถามว่า ด้วยเหตุดังกล่าวแสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์กระแสดีขึ้นใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า มีบ้างในบางพื้นที่ที่เคยบอกว่าไม่คิดจะลงสมัครแล้ว พอช่วงหลังก็อาจจะเปลี่ยนความคิด ซึ่งตรงนี้พรรคให้โอกาสทุกคน รวมทั้งคนใหม่ด้วย ยกเว้นบางกรณีที่คนใหม่เขาเดินไปไกลแล้วจนเป็นที่รับรู้กัน คนเก่าก็สนับสนุน พรรคก็จะต้องมาหาทางออกให้ต่อไป โดยไม่ทิ้งใคร โดยหลักการก็จะพิจารณาต่อไปเพียงแต่อาจจะต้องอดทนรอตามกระบวนการบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ประชาธิปัตย์เจอมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว

"ยามที่พรรคตกต่ำไม่ค่อยมีใครอยากลง ต้องไปอ้อนวอนให้มาช่วยกันลงสมัครในนามพรรค แต่พอยามที่พรรคดีขึ้นก็เริ่มมีการแย่งกันลง พรรคก็ต้องแก้ปัญหาไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้ ไม่ตำหนิใคร เพราะเป็นหน้าที่ กก.บห.พรรคจะต้องพิจารณาในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นๆ และต้องพิจารณาในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพรรค เพราะพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็หวังที่จะได้ที่นั่ง การได้ที่นั่งจะนำไปสู่การที่จะสามารถนำนโยบายของพรรคไปปฏิบัติให้เป็นประโยชน์กับประชาชนได้ จึงต้องพิจารณาไปตามหลักนี้ โดยยึดข้อบังคับพรรคเป็นขั้นตอนกระบวนการพิจารณา"

ถามต่อว่า ไม่ว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นเมื่อใด พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแล้วใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ก็ต้องพร้อม ที่จริงก็พร้อมมาระดับหนึ่งแล้ว เพราะเราอยู่ในวงการเมือง พออ่านการเมืองออกและพอเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่พรรคจะต้องเดินหน้าต่อไป คือการเตรียมการเรื่องนโยบาย เพื่อใช้นำเสนอในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งมีความคืบหน้ามากแล้ว เพราะพรรคมีประสบการณ์และมีนโยบายที่เป็นฐานรากของพรรคมาโดยต่อเนื่อง จะได้ต่อยอดต่อไป ที่สำคัญก็คือนโยบายของประชาธิปัตย์จะเป็นนโยบายที่จับต้องได้ แก้ปัญหาจริงได้ และจะต้องทำได้ไว ทำได้จริง โดยเมื่อถึงเวลาก็จะประกาศให้ได้รับทราบ

ด้านนายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่เพิ่งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีโดนนายจุรินทร์พาดพิงว่าได้สละสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้งไปแล้วหลังจากแพ้การเลือกตั้งปี 2562 ว่านายจุรินทร์พูดความจริงไม่หมด เพราะหลังจากเลือกตั้งปี 2562 ส.ส.และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชทั้ง 8 คน หารือกันและมีความเห็นว่าต้องการให้ตนลงสมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราชในนามพรรคประชาธิปัตย์ ตนจึงได้เดินหาเสียงเป็นเวลา 1 ปี

แต่เมื่อ ส.ส.นครศรีธรรมราชทั้งหมด ไม่สามารถสร้างความเป็นเอกภาพในการช่วยผู้สมัครในนามพรรคได้ เพราะมีน้องชาย ส.ส.ของพรรคอีกคนหนึ่งไปลงสมัครด้วยในนามพรรคอื่น ตนจึงตัดสินใจถอนตัวจากการลงสมัครนายก อบจ.ในนามพรรคไป โดยให้ผู้อื่นที่ประสงค์จะลงในนามพรรคลงแทน และได้แจ้งต่อพรรคว่า ถ้าจังหวัดนครศรีธรรมราชยังมี 8 เขตเลือกตั้งเหมือนเดิม จะสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพิ่มเป็น 9 เขตเลือกตั้ง ตนขอสงวนสิทธิ์ที่จะเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งในพื้นที่เดิม โดยได้ทำหนังสือแจ้งความจำนงต่อหัวหน้าพรรคไว้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564

“ดังนั้นการที่อ้างว่าผมสละสิทธิ์ไปแล้วนั้น เป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ซึ่งในข้อเท็จจริงผู้บริหารพรรคไม่เคยเรียกผมมาสอบถามหรือพูดคุยแต่ประการใด เป็นการตัดสินใจของผู้บริหารพรรคโดยพลการ ไม่ผ่านขั้นตอนของพรรค ส่วนการอ้างว่าถ้าผมไม่ใจร้อนลาออกไปเสียก่อนก็จะได้เป็น 1 ใน 9 ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการพูดให้ดูดีเท่านั้น ทั้งที่ความจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเขตเลือกตั้งที่ผมแสดงความจำนงไว้ พรรคได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว จึงไม่มีสิทธิ์ได้ลงสมัคร เป็น 1 ใน 9 ตามที่กล่าวอ้างกัน จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ความจริงเป็นอย่างไรล้วนรู้แก่ใจดี ผมไม่อยากตอบโต้รายวัน และไม่อยากทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย ยังรักและผูกพันต่อพรรคเสมอ” นายสุรเชษฐ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง