ประธานวุฒิสภา เมินกระแสโซเชียล มั่นใจ ส.ว. มีอิสระโหวตเลือกนายกฯ

แฟ้มภาพ

30 พ.ค.2566 - ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีกระแสสังคมโจมตี ส.ว. เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่ได้มองอะไรเพราะเป็นกระแสและโซเชียล ส่วนส.ว.ยังไม่ได้พูดจาอะไรกันมาก เพราะมีการเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญไปครั้งเดียว

นายพรเพชร เชื่อว่า ส.ว.ทุกคนมีวุฒิภาวะมีความรู้ ความตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ ดังนั้นแต่ละคนมีความคิดของตนเอง และมีความเป็นอิสระซึ่งความเป็นอิสระนั้นไม่ได้หมายความว่าตามอำเภอใจ แต่ต้องคิดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เชื่อมั่นว่า ส.ว.ทุกคนทำหน้าที่อย่างนั้น ส่วนจะมีใครมาว่าส.ว. คงเป็นส่วนน้อย แต่ส่วนน้อยนั้นอาจจะเสียงดังก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานวุฒิสภาได้ให้แนวทางกับส.ว. ต่อแนวทางคนที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะมีคุณสมบัติอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า ตนไม่เคยให้แนวทางเพราะถือว่ามีหน้าที่ที่ทำหน้าที่เป็นรองประธานรัฐสภา ต้องร่วมกับประธานรัฐสภา ดังนั้นตนในฐานะรองประธานรัฐสภาไม่อยู่ในฐานะที่จะแนะนำอะไรใครได้ ดังนั้นตนได้พูดไว้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งว่าต้องใช้หลักและความเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าควรเป็นอย่างไร ไม่เคยที่จะไปชี้นำหรือไปทำอะไร มั่นใจในส.ว.ส่วนมากเกือบทั้งหมดตั้งใจทำงานที่ดี ค่อยๆ ดูไป

เมื่อถามว่าเคยได้รับการติดต่อจากคณะเจรจาของพรรคก้าวไกล ที่จะขอให้โหวตแคนดิเดตนายกฯ บ้างหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีใครมาเจรจา

ถามย้ำว่า หากมีคนติดต่อจะยอมเจรจาด้วยหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ตนเรียนไว้แล้วว่าทำหน้าที่รองประธานรัฐสภาจะพูดแนะนำหรืออะไรไม่ได้ ส่วนที่ส.ว. ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามการตั้งรัฐบาลและโหวตนายกฯ นั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยเกี่ยวข้อง

ถามถึงกรณีที่นายพรเพชร เคยให้สัมภาษณ์ว่าฝั่งที่มีเสียงข้างมากมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล นายพรเพชร กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้งที่ทราบว่าพรรคการเมืองได้จำนวน ส.ส.เท่าใด ตนไม่เคยพูดอะไร

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าขณะนี้มีประเด็นตำแหน่งประธานสภาที่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยส่วนตัวมองว่าคนที่จะมาทำหน้าที่ควรมีคุณสบติอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า ตนอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถพูดได้ ว่าอยากจะได้ใคร หรือใครดีไม่ดี แต่เชื่อมั่นและเข้าใจว่าการเลือกประธานรัฐสภา เลือกมาจากส.ส. ที่ผ่านมาการเลือกตั้ง และการลงมตินั้น มาจากส.ส.เช่นกัน ดังนั้นมั่นใจในฐานะรองประธานรัฐสภา จะสามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร

ต่อคำถามที่ว่าขณะนี้มีส.ว. ถูกออกหมายเรียกคือ นายอุปกิต ปาจารียางกูร และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และจริยธรรม หรือไม่ ประธานส.ว. กล่าวว่า การดำเนินการตามของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องทำ ส่วนในแง่จริยธรรม หากมีพฤติกรรมที่ชี้มูลความผิดต้องเข้าสู่การพิจารณาจริยธรรม แต่ตอนนี้มาถามตนขณะที่เป็นข่าวอยู่ ขอไม่ตอบคำถาม เพราะไม่ทราบว่าเรื่องอยู่ในขั้นตอนไหน

ส่วนเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมของส.ว.นั้น ไม่เกี่ยวว่าต้องมีคนร้องหรือไม่ เพราะตนต้องดูข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม อัยการ ศาลต้องว่ากันไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กมธ.สิทธิฯ สว. แจง 4 ประเด็น อาการป่วยทักษิณ เตรียมเรียกหน่วยงานชี้แจงอีกรอบ

นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะประธานกมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงว่า กมธ.ได้รับคำตอบชัดเจนในระดับหนึ่งใน 4ประเด็นคือ 1. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ

สว. ตีปี๊บผลงาน 4 ปี โครงการลงพื้นที่พบประชาชน ใช้งบเฉลี่ยหมื่นบาทต่อครั้ง

พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ฐานะประธานกรรมการอำนวยการโครงการ สว.พบประชาชน พร้อมคณะ แถลงว่า วันที่ 26-27 ก.ย. มีการแสดงผลงานของโครงการสว.พบประชาชน ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

'สว.กิตติศักดิ์' แจงเหตุโผล่วัดบางคลาน ลั่นไม่ตบเจ้าอาวาสก็บุญแล้ว มาชี้นิ้วสั่งให้เปิดประตู

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ ว่า สว.อุ้มนายกิตติศักดิ์ ว่าไม่ผิดจริยธรรมกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่วัดบางคลานหรือ วัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร โดยกล่าวพร้อมหัวเราะไปด้วยว่า ตนน้ำหนักตั้ง 84 กิโล ใครจะอุ้มไหว