สสส.ตอกย้ำพันธกิจ “สร้างนำซ่อม” เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สร้างเสริมสุขภาพคนไทยปี 2566 ชูสโลแกน “สานพลังภาคี ร่วมพัฒนานวัตกรรม”

นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึง สสส.กับพันธกิจการสร้างเสริมสุขภาวะคนไทยในปี 2566 ว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สสส.ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายกว่า 20,000 ภาคี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม วิถีชีวิต และสภาพแวดล้อมนำไปสู่สังคมสุขภาวะที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยมุ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตตามหลัก “สร้างนำซ่อม” อย่ารอให้ร่างกายเสียแล้วค่อยมาซ่อมสุขภาพ แต่ให้มาสร้างสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อป้องกันโรคและลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในประเด็นสุขภาพที่สำคัญ อาทิ จุดเริ่มต้น สสส.เส้นทางการเปลี่ยนภาษีบาปสู่การสร้างเสริมสุขภาพของไทย สร้างวัฒนธรรมต่อต้านภัยบุหรี่ ลดละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนน เป็นต้น

นายสุปรีดา กล่าวว่า สสส.ได้สนับสนุน ผลักดันให้เกิดกฎหมายและนโยบายที่เอื้อต่อสุขภาพในหลายเรื่องที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อาทิ พ.ร.บ.จราจรทางบก นโยบายสวมหมวกนิรภัยทั่วประเทศ นโยบายอาสาตาจราจร มาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากรณีจักรยานยนต์ชนคนข้ามถนนบนทางข้าม เป็นต้น รวมถึงการผลักดันให้เกิดมาตรการด้านมาตรฐานการให้บริการปรึกษาด้านสุขภาพจิต การดูแลคุณภาพชีวิตคนทำงานในสถานประกอบการภายใต้หลักสูตรเจ้าหน้าที่แรงงานความปลอดภัย แนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาล

นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีก เช่น ร่างแผนปฏิบัติการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ.2665-2570 ร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 พ.ศ.2665-2570 ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ..(ฉบับกรมควบคุมโรค) ร่างแผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ระยะ 2 (พ.ศ.2561-2580) ร่าง พ.ร.บ.กำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ (พ.ศ...) คุ้มครองลูกจ้างทำงานบ้าน ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมแลพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ...เป็นต้น

“ประเด็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ สสส.ทำถือเป็นความท้าทาย หากย้อนการก่อตั้ง สสส.เนื่องจากภาวะของโลกเปลี่ยนไป ทั้งปัจจัยสังคม สิ่งแวดล้อม จึงต้องใช้หลายภาคส่วนทำงานร่วมกัน และต้องการวิธีใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาเก่าที่องค์กรเดิมเอาไม่อยู่ งานนวัตกรรมของ สสส.จึงเกิดขึ้นด้วยเป้าหมายคือ การมองจุดตีบตันและช่องว่างระหว่างสิ่งที่ควรจะเป็นและเข้าไปผลักวงจรให้เกิดทั้งหมดต้องการมุมมองของนวัตกรรมเป็นวิธีใหม่ที่เกิดปัญหาเดิม แม้กรระทั่งการสื่อสาร ที่ต้องแก้ด้วยการเห็นร่วมกับสังคม เช่น ออกกติกาสังคมใหม่ ดังนั้นความยากในการทำงานคือการที่เข้าไปยุ่งกับทัศนคติ ความเชื่อ หรือวัฒนธรรมสังคมของคนหมู่มาก เพราะไม่สามารถแก้เป็นรายบุคคลได้ต้องแก้ค่านิยมในสังคม สิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสิ่งไหนดีไม่ดีต่อสุขภาพ จะปล่อยให้เป็นภาระของแพทย์พยาบาลไม่ได้ ต้องปรับแนวคิดให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพตนเอง และช่วยกันสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน”

นายสุปรีดา กล่าวว่า ในวาระปี 2566 นี้ สสส.ได้มีการกำหนดเป้าหมายการสร้างเสริมสุขภาพให้ประชาชนมีสุขภาพดีอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยการสรุปบทเรียนความท้าทายจากการทำงานสร้างเสริมสุขภาพแนวใหม่ที่ สสส.ได้ริเริ่มและยึดเป็นแนวทางการดำเนินงานตลอดที่ผ่านมา รวมถึงการศึกษาแนวโน้มและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในมิติต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม นวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรม เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพในการตอบโจทย์กับการสร้างเสริมสุขภาพและสถานการณ์ในปัจจุบันดังสโลแกนในโลโก้ใหม่ของ สสส. “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สื่อสารสุข” ส่วนกลไกสำคัญที่แก้ไขต้นเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของคนไทยคือการสร้าง นวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นแนวคิดและสิ่งประดิษฐ์ที่ผสมผสานความคิดริเริ่มสร้างสรรค์บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ให้เกิดผลงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสุขภาพทั้ง 4 มิติ คือ การมีสภาพการดี สุขภาพจิตดี สุขภาวะทางปัญญาดี และมีสังคมที่ดี

“ความท้าทายของ สสส.คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนไทยทุกมิติ เพื่อเป็นการเติมช่องว่าง ในการจัดการกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ลดปัจจัยเสี่ยง ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนงบประมาณด้านการสร้างเสริมสุขภาพให้ลดลง รับมือกับวิกฤติโจทย์ใหม่ๆ การสร้างนวัตกรรม จาการร่วมมือทำงานกับภาคีเครือข่ายที่แข็งแรง เพื่อสร้างสังคมสุขภาวะในประเทศไทยอย่างยั่งยืน สำหรับก้าวต่อไปในทศวรรษหน้า สสส.ยังคงเป้าหมายเดิมในการส่งเสริมค่านิยมและการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี เพียงแต่เปลี่ยนวิธีเชิงรุกตรงหากลุ่มเป้าหมายจากการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพดิจิทัลโดยใช้ AI ช่วยเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันที่พบภัยคุกคามสุขภาพจากดิจิทัลโลกเสมือนมากขึ้น” ผู้จัดการ สสส.กล่าว

ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายสูงสุดของการสร้างเสริมสุขภาพของ สสส.คือ ต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพดี สมบูรณ์พร้อมทั้ง 4 มิติ ตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการให้ ทุกคนบนแผ่นดินไทยมีวิถีชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี และพันธกิจ จุดประกาย กระตุ้น สาน และเสริมพลังบุคคล ชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วนให้มีขีดความสามารถและสร้างสรรค์ ระบบสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ส่วนการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายยังมุ่งเน้นการทำงานสุขภาพที่มีความสำคัญต่อเนื่อง แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับสภาวะปัญหาหรือสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปรับมือโจทย์ใหม่ๆ ที่มีความท้าทาย เน้นสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพตนเองและลดความเลื่อมล้ำทางสุขภาพเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนแก่ประเทศต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ออมสุขภาพ” รับวัยเกษียณ เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย

สังคมไทยเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ขณะนี้มีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ล้านคน จากจำนวนคนไทย 66 ล้านคน และในอนาคตคืออีก 60 ปีข้างหน้า

เด็กไทย 1 ใน 10 น้ำหนัก/ส่วนสูงหลุดเกณฑ์ กระทบสมอง เสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต ป่วย NCDs

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2566 โดยกรมอนามัย

วิจัยพบสังคมไทยเหลื่อมล้ำทุกมิติ สื่อสารในครอบครัวลดช่องว่างได้

ผลสำรวจเด็กและเยาวชนไทยปลอดภัยจากความรุนแรงออนไลน์ รั้งท้ายโลกเป็นอันดับที่ 29 เหนือกว่าอุรุกวัยเพียงประเทศเดียวเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบ 30 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2022

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ

ไขคำตอบ..ออกกำลังกายเป็นนิจ ตัวช่วยอายุยืนยาวห่างไกล NCDs

อุบัติการณ์โรคในยุคนี้ปรากฏว่า "โรคไม่ติดต่อ (NCDs)" กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คิดเป็น 75% ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด หรือเกือบ 4 แสนคนต่อปี

เปิดผลสำรวจวัยโจ๋ ขีดเส้นสนามกีฬาฟุตซอล ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน

เครือข่ายงดเหล้า และสสส. ส่งเสริมกีฬาเยาวชนจัดฟุตซอล No-L ชิงถ้วยพระราชทานฯ รร. ราชวินิต มัธยม คว้าแชมป์ไปครองสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์ 6:0 ในขณะที่ผลสำรวจร้อยละ 90 ต้องการให้สนามแข่งไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน และร้อยละ 84.8 คิดว่ากีฬาฟุตซอลทำให้เยาวชนเห็นคุณค่าของตัวเอง