
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความต้องการ และ ทิศทาง ปฏิรูป อบต.
5 ธ.ค. 2564 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความต้องการและทิศทาง ปฏิรูป อบต. กรณีศึกษาความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,110 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1 – 4 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อถามถึงความจริงที่เคยพบเห็นเกี่ยวกับ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พบว่า ส่วนใหญ่ 68.5 ระบุ มีการจ่ายเงินซื้อเสียง รองลงมาคือ ร้อยละ 66.4 ระบุ คนชนะเลือกตั้งส่วนใหญ่มาจากเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ร้อยละ 65.5 ระบุ มีปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ในการใช้จ่ายงบประมาณในพื้นที่ ร้อยละ 62.8 ระบุ ขาดการประสานงานที่ดีกับชุมชน มักจะทำงานแบบ อำนาจนิยม เผด็จการ ที่ขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และร้อยละ 61.8 ระบุใช้จ่ายงบประมาณทำอะไร ไม่มีการถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.0 ระบุ ขาดความโปร่งใสแท้จริง ประชาชนขาดพลังในการตรวจสอบ ร้อยละ 62.0 ระบุ ขาดการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นและเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ร้อยละ 61.8 ระบุ ถูกแทรกแซงการทำงานจากการเมืองระดับชาติ พรรคการเมืองขนาดใหญ่ ร้อยละ 61.3 ระบุ หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน จากส่วนกลาง ร้อยละ 61.0 ระบุ ขาดการประชาสัมพันธ์ ประชาชนไม่ค่อยรับรู้ ไม่เข้าใจทิศทางนโยบายและการทำงานต่างๆ ของ อบต.
ที่น่าเป็นห่วง คือ เกินครึ่งหรือร้อยละ 56.3 พบเห็นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในการทอดทิ้งประชาชนอีกพวกหนึ่งที่ไม่เลือกตนเอง ในขณะที่ ร้อยละ 25.9 พบเห็นปานกลาง และร้อยละ 17.8 พบเห็นค่อนข้างน้อยถึงไม่เคยพบเห็นเลย
ที่น่าพิจารณาคือ ความต้องการของประชาชนที่พบว่า ส่วนใหญ่เกือบร้อยละร้อย หรือร้อยละ 99.6 ต้องการให้ อบต. ร่วมมือกับ องค์กรต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันต่าง ๆ ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และนานาชาติ รองลงมาคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.6 ต้องการให้มีการรวมกลุ่มกันของภาคประชาชน เกิดความเข้มแข็งของภาคประชาชนตรวจสอบการทำงานของ อบต. ร้อยละ 90.7 ต้องการให้มีการทำประชาพิจารณ์รับทราบความต้องการที่แท้จริงของท้องถิ่น ร้อยละ 90.4 ต้องการให้ได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลางทั้งมหาดไทยและหน่วยงานราชการอื่น ๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.8 ต้องการให้ใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่ ร้อยละ 89.7 ต้องการให้เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่มีส่วนร่วมในการทำงานทุกขั้นตอน ร้อยละ 89.3 ต้องการให้มีการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส และร้อยละ 88.2 ต้องการความโปร่งใสในการทำงาน ตรวจสอบได้ ถูกประเมินผลจากหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.2 ต้องการให้มีการปฏิรูป การทำงานของ อบต.ทั้งระบบค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 24.4 ต้องการปานกลาง และร้อยละ 10.4 ต้องการค่อนข้างน้อย ถึง ไม่ต้องการเลย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า กระแสความต้องการของประชาชนชัดเจนในเรื่องการปฏิรูปการทำงานของ อบต. เพราะพบเห็นปัญหาต่าง ๆ มากมายทั้งในเรื่องของการซื้อเสียงเมื่อมีการเลือกตั้ง คนชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่มาจากเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ก่อให้เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในการใช้จ่ายงบประมาณในพื้นที่ที่ขาดการประสานงานที่ดีกับชุมชนและทำงานแบบเผด็จการ ขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนแท้จริง
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภาคประชาชนยังขาดความเข้มแข็งในการตรวจสอบการทำงานของ อบต. ที่ขาดความโปร่งใส ขาดการบูรณาการกับภาคส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะไม่มีการร่วมมือกับการเมืองฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่ และถูกแทรกแซงจากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบการหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และเลือกปฏิบัติไม่ดูแลกลุ่มประชาชนที่ไม่เลือกตนเอง
“ดังนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ อบต. ร่วมมือกับ องค์กรต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ในการตรวจสอบความโปร่งใสนโยบาย การทำงานและการใช้จ่ายงบประมาณ โดยไม่เลือกปฏิบัติดูแลเฉพาะกลุ่มประชาชนที่เลือกตนเอง ประชาชนส่วนใหญ่จึงสะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องและมีความคาดหวังสูงให้มีการการปฏิรูป อบต. โดยเฉพาะ อบต.ชุดใหม่ปี 65 ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามที่สำรวจพบในการศึกษาครั้งนี้” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชช.เบื่อเกมจัดตั้งรัฐบาล ผิดหวัง 'ก้าวไกล' ไม่ทำตามหาเสียงไว้
ซูเปอร์โพล เปิดผลสะท้อน ประชาชนเบื่อหน่ายการการจัดตั้งรัฐบาล แย่งชิงผลประโยชน์ จนละเลยความเดือดร้อน พร้อมผิดหวัง จุดยืนของพรรคก้าวไกล ไม่ทำตามที่เคยหาเสียงไว้
ขีดเส้นชัด ไม่เอานายกฯ นำไปสู่ความขัดแย้ง บานปลาย
ซูเปอร์โพล เปิดผลสะท้อนเสียงประชาชนถึงการตั้งรัฐบาล หวังได้รัฐบาลใหม่ ที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ขีดเส้นชัด ไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย
ยี้รบ.เสียงข้างน้อย/ปิยบุตรแขวะพท.
“ซูเปอร์โพล” เผย 15 ล้านคนจะไม่ไปเลือกตั้ง เผยผลสำรวจ “เพื่อไทย” ยังครองอีสาน
ซูเปอร์โพลครั้งที่ 6 ‘อนุทิน’ เบียด ‘พิธา’ ชิงนายกฯ หนุนขั้วเก่าตั้งรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีกระแสความนิยมสนับสนุนสูสีแบบหายใจรดต้นคอไม่แตกต่างกัน
ดร.ณัฎฐ์ นักกฎหมายมหาชน ตามชำแหละ 'ซูเปอร์โพล'
ส่องโพลเดือดไม่จบ “ดร.ณัฎฐ์ มือกฎหมายมหาชนคนดัง” จวกเละ “ซูเปอร์โพล” ผลโพลงานวิจัยสรุปค่าไม่ได้ กิ้งก่าเปลี่ยนสี ไม่ต่างจากปลาสองน้ำ ชี้นำการเมือง .
โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 5 ‘ก้าวไกล-ภูมิใจไทย’ แรง ’เพื่อไทย’ เริ่มตก
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลการศึกษาต่อเนื่อง เรื่อง โพล เลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 5 กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎร (ส.ส.)