'คุณปลื้ม' ประณาม 'Influencers' ในคราบกูรูปลอม ปั่นความขัดเเย้ง ทำลายความสามัคคีในชาติ

'คุณปลื้ม' ประณาม 'Influencers' ในคราบของ กูรูปลอม ใช้ความเหลื่อมล้ำ ปั่นความขัดเเย้ง บ่มเพาะความเกลียดชัง เพื่อหาประโยชน์ เป็นผู้ทำลายความสามัคคีในประเทศชาติที่เเท้จริง สื่อกระเเสหลัก นักการเมือง ไม่ใช่ปัญหาเทียบเท่า

25 ส.ค. 2566 - ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ คุณปลื้ม พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ Influencers of Hate, The Real Parasitic Class มีเนื้อหาดังนี้

คนสายพันธุ์ที่เป็น Conflict Profiteers หรือผู้ซึ่งปั่นความขัดเเย้งในไทย ใช้ความเหลื่อมล้ำในการสร้างเนื้อหาเพื่อสร้างยอดวิว พิธีกรชื่อดังหลายคนเเละบก.ข่าวหลายสำนักดังดังออนไลน์หลายสำนักก็ทำเช่นนี้ บ่มเพาะความขัดเเย้งด้วยการใช้ประเด็นทางชนชั้นเเละฐานะรายได้ในการสร้างเสริมความเเตกเเยก (Fortify in concrete a sense of permanence in the nature of the inequality conflict) ในประเทศชาติ

เหตุผลที่บ้านเมืองเรามีความขัดเเย้งระดับนี้อาจไม่เป็นเพียงผลสืบเนื่องจากรัฐประหารในอดีตหรือเพียง เเค่ตุลาการภิวัฒน์ยุบพรรคตัดสิทธิ์นักการเมืองนักเลือกตั้งหรือเเม้กระทั่งการปลุกมวลชนในเเต่ละรอบออกมาเป็นม็อบทางการเมืองก็ได้ เเต่เเท้ที่จริงเเล้วการหว่านเผล็ดพันธุ์เเห่งความขัดเเย้งกับเกิดขึ้นเเละยังคงมีอยู่อย่างไม่หยุดยั้งจากทั้งทางฝั่งของผู้ทรงอิทธิพลในสื่อสารมวลชนเเละสื่อสังคมออนไลน์ สิ่งที่ประชาชนในฐานะผู้บริโภคข่าวสารเเละพลเมืองต้องมานั่งตั้งรับในฐานะที่เป็นเพียงผู้ซึ่งรับวาระจากฐานันดรพิเศษคนดังคนมีอิทธิพล ฐานันดรที่สี่ปลอม ที่อ้างว่าตนเองเป็นตัวเเทนประชาชนทั้งที่มิได้เป็น คือการตั้งใจใช้ประเด็นเรื่องสิทธิพิเศษเเละความเหลื่อมล้ำทางฐานะรายได้ เเละการ Make-Believe ชนชั้น มาปลุกให้คนไทยเกลียดชังกันเอง มาปลุกเเม้ กระทั่งให้นักการเมืองบาดหมางกันเองอย่างไม่รู้จักจบทั้งที่นักการเมืองส่วนใหญ่มิได้ขัดเเย้งกันเท่าที่มีการสร้างเรื่องให้ดูเหมือนเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ผู้ซึ่งบ่มเพาะความขัดเเย้งรับไม่ได้ก็คือการที่ประชาชนส่วนใหญ่ เอาที่จริงเเล้ว อยู่กันได้อย่างผาสุกบนเเผ่นดินนี้อยู่เเล้ว

คำว่าสื่อสารมวลชนที่บ่มเพราะความขัดเเย้งที่เขียนถึงในบทความนี้ ที่ได้รับการกล่าวอ้างในที่นี้ ที่สร้างปัญหา มิได้อ้างอิงถึงสื่อการมวลชนกระเเสหลักเก่า Legacy Media ที่มีกองบรรณาธิการซึ่งทำงานอย่างมีจรรยาบรรณ หรือหนังสือพิมพ์ฉบับดั้งเดิมใดใด เเต่ในที่นี้ผู้เขียนกำลังพูดถึงความพยายามในการสร้างเนื้อหาของ Influencers เเละสำนัก FB เพจ / Twitter (X) Feeds ใหม่ๆ รวมไปถึงยูทูบเเชนเนลเยอะเเยะมากมาย ที่ปฏิบัติการหลักหลักในการทำ Content หรือ เนื้อหาการพูดการด่าการเขียน ที่ออกเเบบมาเพื่อสร้างความขัดเเย้งในสังคมเพื่อสร้างยอดวิวให้ตนเอง นี่คือการ Call Out บรรดา Influencers/Youtubers หิวเเสง/พิธีกรปั่นยอดวิว/นักการเมืองอกหักนอกสภา/นักวิชาการปลอมที่ไม่มีงานสอนเเต่ทุกคนเรียกว่าอาจารย์ทั้งที่ไม่มีความเป็นครู/กูรูทิพย์/นักเเถรับงาน/ผู้ทำเป็นรู้เเล้วมาเเฉชาวบ้านทั้งที่ตนเองชั่ว ว่ากลุ่มคนพวกนี้คือผู้ที่ทำลายความสามัคคีในประเทศชาติที่เเท้จริงต่างหาก สื่อกระเเสหลัก นักการเมือง ประชาชนมิใช่ปัญหาของประเทศไทยมากเทียบเท่ากับคนสายพันธุ์ที่เป็น Conflict Profiteers หรือ ผู้ซึ่งปั่นความขัดเเย้งด้วยการ Dramatization ประเด็นไม่รู้จักจบ คนสายพันธุ์นี้มักมาในคราบของกูรูปลอม นักเเฉไปไถไป ผู้รู้ที่ไม่รู้จริง Influencers อดีตนักการเมืองที่มีผลประโยชน์เเอบเเฝง หรือเเม้กระทั่งคนที่ทุกคนเรียกอาจารย์ทั้งที่มิได้เป็นอาจารย์

การที่เราประชาชน หรือเรานักการเมืองจะไปลดบทบาทคนพันธุ์นี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเสียงข้างมากในเเผ่นดินไม่มี Platform เเละสาวกหรือ Followership ของตนเอง พูดตามตรงสังคมจะยังมีความขัดเเย้งต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตราบได้ที่มีการ Exacerbate หรือขยายความขัดเเย้งเช่นนี้โดย 'กลุ่มผู้ประกอบอาชีพจากการสร้างผู้ติดตาม' กลุ่มบุคคลดังกล่าวยังมีบทบาทเช่นนี้ต่อไปอย่างเเน่นอน ศาสดาที่ปฏิบัติตนในทางสร้างความเเตกเเยก ซึ่งมักอ้างว่าตนเองมีข้อมูลวงในทั้งที่ไม่เคยมี ทำการบ่มเพาะความเกลียดชังต่อเนื่องส่วนใหญ่ก็สามารถทำสิ่งนี้ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบเพราะการปั่นความขัดเเย้งต่อเนื่องนั้นได้รับผลประโยชน์ทางรายได้เเละความสนใจจากการสร้างอารมณ์อิจฉาริษยาในจิตใจของ Followers เเละประชาชนโดยรวม ในเชิงเปรียบเทียบ Conflict Profiteers พวกนี้ซึ่งมีอยู่ทั่วโลกจะหยิบยกประเด็นมาเล่นมาปั่นให้สอดคล้องกับเนื้อหาในเเต่ละประเทศซึ่งเเตกต่างกันไป ถ้าในโลกตะวันตกก็มักจะมีเจตนาที่จะสร้างความเกลียดชังระหว่างคนผิวสีต่างต่างด้วยการ Dramatize ความบาดหมางเกลียดชังนั้นในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงความขัดเเย้งทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่มาจากต่างชาติพันธุ์ส่วนใหญ่เเล้วล้วนเเล้วเเต่อยู่กันอย่างผาสุกโดยที่ไม่มีปัญหาการเหยียดหยามกันเรื่องผิวสีหรือ Ethnicity เท่าที่ถูกปั่นให้เป็น

Influencers ที่ปลุกความเกลียดต้องการให้มีความถาวรของความขัดเเย้งนี้เพื่อให้ตนเองมีบทบาทในสังคมนั้นนั้นได้ต่อไป นักวิชาการปลอมหรือสื่อ Activist รวมทั้งนักวิชาการ Activist ที่ไม่สอนหนังสือจริง ล้วนเเล้วเเต่อยู่ในกลุ่มจำพวกนี้ด้วย เเละเเน่นอนรวมถึงทั้งนักจวกมืออาชีพที่กระทำการ Conflict Profiteering เช่นนี้ที่ทำกันอย่างเเพร่หลายทั่วโลก

กล่าวโดยสรุปคือตราบใดที่ผู้ซึงมีอิทธิพลทางความคิดหรือ Public Opinion Leaders (บรรดา Influencers/Youtubers หิวเเสง/พิธีกรปั่นยอดวิว/นักการเมืองอกหักนอกสภา/นักวิชาการปลอมที่ไม่มีงานสอนเเต่ทุกคนเรียกอาจารย์ทั้งที่ไม่มีความเป็นครู/กูรูทิพย์/นักเเถรับงาน/ผู้ทำเป็นรู้เเล้วมาเเฉชาวบ้านทั้งที่ตนเองชั่ว) ไม่เลิกรา ความเกลียดชังก็จะได้รับการสรรค์สร้างไปเรื่อยเรื่อยไม่มีจบ ในไทยจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำซึ่งถูกน้ำมาใช้ในการสร้างความขัดเเย้งนี้ ส่วนในโลกตะวันตกมักจะเป็นเรื่องสีผิว เพศวิถี เเละชาติพันธุ์ เเท้ที่จริงเเล้วประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทยสามารถใช้ชีวิตกันอย่างมีความปกติสุขดีอยู่เเล้วโดยที่บุคคลต่างฐานะเเละต่างชาติพันธุ์หรือต่างเพศสภาพหรือเพศวิถี เเละคนซึ่งมีพื้นเพทางด้านครอบครัวหรือศาสนาก็มิได้มีความเเตกเเยกกันในระดับที่ Conflict Profiteers นั้นต้องการที่จะให้มี

สังคมโลกมนุษย์เรา ทั้งในประเทศไทยเเละในต่างประเทศมีความขัดเเย้งสูงเพราะบรรดา Public Influencers of Hate นี่เเหล่ะครับที่เล่นไม่รู้จักเลิก หิวเเสง หิวเงิน กระหายบทบาท เเละทำมาหากินกับการสร้างเรื่องเพื่อให้คนเกลียดกันไม่รู้จักจบ นักการเมืองเเละประชาชนบ่อยครั้งเป็นเพียงเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากผู้บ่มเพราะความขัดเเย้งพวกนี้ที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ จากการสร้างความเกลียดชัง

หากคุณต้องการรู้ว่ากลุ่มคนใดผู้ประกอบอาชีพไหนได้ผลประโยชน์จากความขัดเเย้งมากที่สุดในเเต่ละรอบคุณก็ลองไปส่องดูสิครับว่าในยุคสงคราม ทั้งสงครามระหว่างประเทศเเละยุคสงครามการเมืองภายในประเทศ คนกลุ่มไหนไม่เคยตกงาน นั่นละครับคือกลุ่มซึ่งมีบทบาทต่อเนื่องที่สุดในความขัดเเย้ง

ชนชั้นปรสิตที่เเท้จริงคือฐานันดรที่ฆ่าไม่ตายที่ให้ประเทศชาติตายยังไงหรือสังคมย่อยสลายยังไงก็ยังมีงานทำเเละยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นด้วยซ้ำ สิ่งที่ผมกล่าวมาในบทความนี้มันเเรงเเต่ต้องมีใครสักคนที่พูด หรือในกรณีนี้ต้องเขียน เเละขอด่าขอประณามให้ประชาชนทุกคนได้เข้าใจตรงกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตแม่ยกปชป.ย้อนถามรัฐประหารเพื่ออะไร ที่ผ่านมาก็เสียของ เตือนเข้าทาง 'ก้าวไกล'

นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม​ชาวไทยหัวใจรักสงบ อดีตแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

'บุ้ง' หัวใจเต้นผิดจังหวะ อ้วกเป็นสีเขียวรสขม ลั่น! เปลี่ยนสังคม ไม่อยากเห็นเด็กๆเจออะไรแบบนี้

เพจ ทะลุวัง - ThaluWang โพสต์ บันทึกเยี่ยมบุ้งทะลุวัง วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 โรงพยาบาลแจ้งว่าถ้าไม่กินยาต้องไปอยู่ห้อง

'เศรษฐา' ปาฐกถาพิเศษ จ่อหารือ 'มาครง' ดูโรงงานนิวเคลียร์ ลั่น ต้องมองหาโอกาส

'เศรษฐา' ปาฐกถาพิเศษ รัฐบาลมีอำนาจ แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ทุกหน่วยงาน ไม่เว้นองค์กรอิสระต้องช่วยกัน เผย เตรียมหารือทวีภาคี 'มาครง' ไปดูโรงงานนิวเคลียร์ ลั่น ต้องมองหาโอกาส สร้างอนาคตที่สดใสให้ภาคอุตสาหกรรมไทย

'พิธา' ไม่ได้ตามเรื่องชั้น 14 ชี้ระเบียบราชทัณฑ์ไม่เอื้อ 'ทักษิณ' แต่ห่วงอำนาจกรรมการฯ

'พิธา' บอก ยังไม่ได้ตามเรื่องอยู่ชั้น 14 มอง ออกระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ ไม่มีเอี่ยว 'ทักษิณ' แต่ห่วง ผูกขาดอำนาจกรรมการ-เอื้อคนรวย-เหลื่อมล้ำ

นายกฯเศรษฐา เผย 'ความเหลื่อมล้ำ' คือเรื่องที่อัดอั้นตันใจที่สุด

"เศรษฐา" ปาฐกถา วบส. ร่ายยาวผลงาน เป็นเซลแมนชวนต่างชาติลงทุนอื้อ ลั่น คนมีสติรู้ดีสงกรานต์ทั้งเดือนไม่ใช่เล่นน้ำอย่างเดียว ก่อนฟาดแรง พวกใช้คอนเนกชั่นหลักสูตร ยกตนข่มท่าน เป็นคนน่ารังเกียจ เผยเรื่องที่อัดอั้นใจมากที่สุดคือความเหลื่อมล้ำ ที่พยายามผลักดัน แต่ยังไม่สำเร็จ