1 พฤษภาคม 2568 - นายอัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอนเซอร์การเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความเรื่อง "ทักษิณ ชินวัตร กับ มายาคติแห่งความยุติธรรม" มีเนื้อหาดังนี้ คำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกรณีนี้ สามารถ วิเคราะห์ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ (1) ด้านกฎหมาย (2) ด้านหลักสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และ (3) ด้านการเมืองและสังคม ดังนี้
1. วิเคราะห์ด้านกฎหมาย: ศาลปฏิบัติตามกรอบอำนาจและหลักกฎหมาย
(1.1) ประเด็นการไม่รับคำร้องของนายชาญชัย
ศาลอธิบายชัดว่า นายชาญชัยไม่ใช่คู่ความโดยตรง ในคดีทั้ง 3 คดีที่เกี่ยวกับนายทักษิณ (อม.4/2551, อม.10/2552, อม.5/2551)
ตามหลักกฎหมาย ผู้ไม่มีส่วนได้เสียหรือไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง ไม่มีสถานะทางกฎหมายในการยื่นคำร้อง
ศาลอ้างอิงอำนาจตาม มาตรา 6 พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งระบุให้ศาลมีอำนาจตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการบังคับโทษ แม้จะไม่มีผู้ร้องโดยตรง
(1.2) ประเด็นการไต่สวนเพิ่มเติมในวันที่ 13 มิ.ย. 2568
ศาลใช้ “อำนาจโดยชอบ” ตามกฎหมาย เพื่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ เป็นไปตามหมายจำคุกที่คดีถึงที่สุดหรือไม่
ถือเป็น การเปิดช่องให้มีการไต่สวนแม้จะไม่มีผู้ร้องโดยชอบโดยตรง ซึ่งแสดงถึงหลัก judicial activism หรือการที่ศาล “ไม่เพิกเฉย” ต่อข้อสงสัยสำคัญในสังคม
2. วิเคราะห์ด้านหลักสิทธิตามรัฐธรรมนูญ: สิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม
แม้ว่านายชาญชัยจะไม่มีสถานะ “ผู้เสียหาย” โดยตรงในทางกฎหมาย แต่ในมุมของประชาชนทั่วไป ย่อมมี “ความคาดหวังให้รัฐใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค”
อย่างไรก็ตาม ศาลยังคง “รับฟังข้อเท็จจริง” ที่ปรากฏต่อศาล และดำเนินการไต่สวนในประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นการ คงหลักนิติธรรมและความโปร่งใส
3. วิเคราะห์ด้านการเมืองและสังคม: แรงกดดันต่อกระบวนการยุติธรรม
(3.1) คดีนี้สะท้อนภาพสาธารณะอย่างไร?
สังคมตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่า “เหตุใดผู้ต้องขังที่ถูกตัดสินถึงที่สุดจึงเข้ารักษาตัวใน รพ.ตำรวจแทนการควบคุมตัวในเรือนจำ” จึงไม่แปลกที่แม้ผู้ยื่นคำร้องจะไม่มีสิทธิในทางกฎหมาย แต่สาธารณชนก็ยัง เฝ้าจับตาและเรียกร้องความชัดเจน
(3.2) การที่ศาลยังคงดำเนินการไต่สวนโดยไม่ละเลย
เป็นการประคองความเชื่อมั่นในศาลยุติธรรม และอาจเป็นโอกาสของกระบวนการตรวจสอบในภาวะที่ฝ่ายบริหารถูกตั้งคำถามเรื่อง “อภิสิทธิ์”
สื่อให้เห็นว่า แม้กระบวนการยุติธรรมจะมีข้อจำกัดด้านสถานะผู้ร้อง แต่ก็ ยังสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้กฎหมายได้
สรุป: เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมในทางเทคนิค แต่ต้องจับตาความโปร่งใสในการไต่สวน
การที่ศาลไม่รับคำร้องของนายชาญชัยนั้น สอดคล้องกับหลักกฎหมาย ว่าด้วยสถานะของผู้ร้อง
แต่การที่ศาล “ยังดำเนินกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง” ต่อไปเองนั้น สะท้อนภาวะตื่นตัวของตุลาการ และความพยายามรักษาความชอบธรรมของกระบวนการยุติธรรม
สิ่งที่ต้องจับตาคือ ผลของการไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. 2568 ว่าจะมีหลักฐานหรือคำชี้แจงจากราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ ที่ทำให้สังคม “ยอมรับได้” หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ มองต่างวาทกรรม ‘อนุทินขายชาติ’ ชี้ปัญหาชายแดนไม่มีรัฐบาลไหนปิดจบ
นายอัษฎางค์ ยมนาค ผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์”
ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 'วิฑูรย์ นามบุตร' 3 ปี คดีรีดสินบน 30 ล้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 3 ปี นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
'จุลพันธ์' อุบเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยันเพื่อไทยส่งครบ 3 คน เชื่อถูกใจประชาชน
"จุลพันธ์" รับผูกพันทางใจกับตระกูลชินวัตร แนวคิดริเริ่มอุดมการณ์มาจากทักษิณ บอก "แพทองธาร" ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่อำนาจบริหารเป็นของหัวหน้าโดยสมบูรณ์ ชี้ ยังไม่คิดเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วยหรือไม่ ยันเพื่อไทย ส่งครบ3 คนแน่นอน
'อัษฎางค์' ลากไส้ส.ส.ส้ม กี่ครั้งแล้วที่ทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมทางการเมือง
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า กี่ครั้งแล้วที่พรรคประชาชนทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมทางการเมืองเช่นนี้
'ทักษิณ' เสียใจ หมดโอกาสกราบพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง'
'แพทองธาร-ปิฎก' เยี่ยมทักษิณครั้งที่ 11 สุขภาพโดยรวมยังดี มีอาการเครียดบ้าง เผยพ่อเสียใจไม่ได้เข้ากราบพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง'
'หญิงหน่อย' ชี้เปรี้ยง! รีแบรนด์ พท. ต้องเลิกบริหารแบบครอบครัว
'อดีตปธ.ยุทธศาสตร์เพื่อไทย' ชี้ พท. ต้องเลิกบริหารแบบพรรคครอบครัว-บริษัทจำกัด ถึงจะรีแบรนด์ได้ มอง 'จุลพันธ์' มีโอกาสนั่งหัวหน้าคนใหม่ แต่ตัวจริงคือแคนดิเดตนายกฯ

