
แอบกังวลเล็กๆ สำหรับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อันมีสาเหตุมาจากราคาสินค้า-บริการที่แพงขึ้นจากต้นทุนราคาพลังงานซึ่งยังอยู่ในช่วงขาขึ้น
จากภาวะดังกล่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างในปัจจุบันรัฐก็พยายามที่จะประคองราคาดีเซลไม่ให้กระชากขึ้นไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ก็ยืนที่ระดับเกือบ 33 บาท/ลิตร และแนวโน้มอาจจะต้องมีการขยับขึ้นไปอีก เพราะราคาจริงๆ นั้นอาจจะถึงหลัก 40 บาท/ลิตรเลยทีเดียว
แน่นอน จากการขยับขึ้นจากเพดานเดิมมาเกือบ 3 บาท/ลิตร ก็ย่อมเป็นการเพิ่มภาระของผู้ประกอบการที่จะต้องผลักภาระมายังผู้บริโภคหรือประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังที่เห็นจากข่าวในช่วงที่ผ่านมาที่บรรดาผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้จำเป็น ประกาศที่จะขึ้นราคาสินค้ากันแล้ว ขณะเดียวกันในเรื่องของค่าบริการต่างๆ ทั้งค่าไฟ ค่าโดยสารต่างๆ ก็มีการขยับตามไปเป็นลูกโซ่
และจากปัญหานี้ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentment Index : RSI) ประจำเดือน พ.ค.2565 ทั้งภาวะปัจจุบันและในระยะ 3 เดือนข้างหน้า พบว่าดัชนีเชื่อมั่นมีการปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากภาวะค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคจะคลายความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนจากกิจกรรมนอกบ้านที่มากขึ้น แต่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการตามต้นทุน และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐหมดลง ซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และกดดันการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก
โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการประเภทห้างสรรพสินค้า ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และความถี่ของผู้ใช้บริการ (Frequency) ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดการใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending per bill) ปรับลดลง เพราะผู้บริโภคคลายความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด จึงเริ่มออกมาใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ลดการประกอบอาหารในบ้าน ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น อย่างไรก็ดีราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นนั้นคาดว่าจะยังเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ในส่วนของการประเมินการใช้จ่ายของผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะราคาสินค้าขั้นพื้นฐานหลายหมวดที่ปรับแพงขึ้น โดยเฉพาะในหมวดสินค้าจำเป็น อีกทั้งยังพบว่าผู้บริโภคออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว การกลับเข้าทำงานที่บริษัท และการเปิดภาคการศึกษา
แน่นอน เมื่อประชาชนมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่ปรับเพิ่มขึ้นตาม ย่อมส่งผลที่จะทำให้ประชาชนต้องลดการใช้จ่ายลงและประหยัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ตามมาอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดภาวะฝืดเคืองได้ในระยะยาว
และสิ่งที่อาจจะซ้ำเติมเศรษฐกิจต่อจากเงินเฟ้อก็คือ การที่ภาครัฐจะต้องบริหารจัดการลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทาง ธปท.ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 มิ.ย.2565 โดยจะพิจารณาปัจจัยเสี่ยงซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ และอาจจะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยตามสถานการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงพิจารณาเรื่องทิศทางดอกเบี้ยด้วย
หากค่าครองชีพสูงแล้วยังเจอดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย คนไทยก็อาจจะต้องประหยัด มัธยัสถ์เพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งก็จะไปกระทบกับภาวะเศรษฐกิจภาพรวมเพิ่มเติมก็เป็นได้.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตาทิศทางดอกเบี้ยไทย
เสถียรภาพทางการเงินโลกขณะนี้ถือว่าอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยง หลังจากเริ่มเห็นสถาบันการเงินหลายแห่งเข้าสู่ภาวะล้มละลายและต้องปิดตัวลง ไล่มาตั้งแต่สหรัฐอเมริกาจนถึงยุโรป
“ตลาดรถยนต์ไทย”ช่วงเปลี่ยนผ่าน
ประเทศไทย ถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศก็เริ่มมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
จัดทัพกำชับนโยบายอุตสาหกรรม
จากการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านมาหลายเดือนก็เริ่มเห็นนโยบายที่ชัดเจนขึ้น และการบูรณาการการทำงานของหลายๆ หน่วยงานไปพร้อมๆ กัน จากสิ่งแรกที่เห็นคือการปรับปรุงนโยบายของกระทรวงภายใต้คำว่า MIND “ใช้หัวและใจ” ทำงาน โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่
ปีนี้ได้ใช้แน่รถไฟฟ้าสายใหม่
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ หลายสายทาง โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี
ป้องกันกลโกง“แอดมินปลอม”ให้อยู่หมัด
คงต้องยอมรับว่าเหล่ามิจฉาชีพบนโลกออนไลน์นับวันนั้นยิ่งแพร่ระบาดไปทั่วทุกแพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าคนอยู่ที่ไหน
ลดค่าก๊าซ-ค่าไฟ ไม่ต้องรอพรรคไหนทั้งนั้น
ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง จะได้เห็นนโยบายหาเสียงของบรรดาพรรคการเมือง ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำสิ่งนั้น ทำเรื่องนี้ให้ทันที