จุดเปลี่ยนวงการโทรคมนาคม

เขย่าวงการคมนาคมไม่ใช่น้อย สำหรับกรณีที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) และกลุ่มเทเลนอร์ ประกาศการพิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยการสนับสนุนให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ควบรวมกิจการและปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company)

โดยการร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นดีลทางเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์ และสร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้าง เพราะเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 และ 3 มาควบรวมกิจการกัน ซึ่งการควบรวมในครั้งนี้เมื่อเทียบกรณีจำนวนลูกค้าและผู้ใช้เบอร์ จะมีรวมกันกว่า 50 ล้านเลขหมาย ซึ่งจะแซงเบอร์ 1 อย่างเอไอเอส ที่มีผู้ใช้จำนวน 43.7 ล้านเลขหมายทันที

แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถเคลมการครองแชมป์เป็นผู้ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ได้ โดย ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป ระบุว่า บริษัทที่มีการควบรวมกันใหม่นี้จะมีรายได้อยู่ที่ราว 217,000 ล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้จะอยู่ที่ 40% ซึ่งจะใกล้เคียงกับบริษัท ADVANC เจ้าของ AIS

มร.ซิกเว่ชี้ว่า หากจะดูว่าใครจะเป็นที่หนึ่งนั้นต้องวัดกันที่รายได้ ไม่ใช่เรื่องจำนวนเบอร์หรือซิม เพราะคนไทยบางคนอาจจะถือมากกว่า 1 ซิม แต่ประเด็นเรื่องใครจะเบอร์หนึ่งเบอร์สองนั้นไม่สำคัญ เพราะหลังจากนี้แลนด์สเคปในเรื่องธุรกิจนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้ที่ปรับตัวได้ก่อน ผู้นำจะเป็นฝ่ายชนะ ในโลกยุคที่มีธุรกิจแบบคอนเวอร์เจนซ์ ซึ่งสามารถแตกแขนงไปได้หลากหลาย ทั้งสามารถที่จะดิสรัปต์ตัวเอง หรือดิสรัปต์ธุรกิจในวงการอื่นได้

อย่างมุมมองตัวแทนของเครือซีพีอย่างนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (Telecom Landscape) ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยีใหม่ และตลาดที่เปิดกว้างต่อการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมดิจิทัลขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเข้ามาเสนอรูปแบบบริการดิจิทัลมากขึ้น

โดยชี้ว่า ในปัจจุบันธุรกิจโทรคมมาคมเริ่มมีข้อจำกัด และไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการได้อีก จะเป็นเพียงตัวกลางทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเรื่องสัญญาณเท่านั้น ซึ่งในวงการเรียกว่าเป็น Dumb pipe ซึ่งเป็นธุรกิจอยู่ตัวและไม่มีอนาคต ไม่สามารถเป็น Engine of Growth ที่จะสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำอีกแล้ว

ดังนั้น การปรับโครงสร้างเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางทรูและดีแทคก็เห็นตรงกันว่า บริษัทจำเป็นต้องหาบทบาทใหม่ในการแข่งขัน โดยนอกจากพัฒนาการให้บริการเครือข่าย (Connectivity) ให้เป็นอัจฉริยะแล้ว ยังต้องเสริมศักยภาพและความรวดเร็วในการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) จากโครงข่ายการสื่อสารและส่งมอบเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้า

เพราะฉะนั้น บทบาทใหม่ของบริษัทใหม่คือ การสร้างระบบนิเวศสร้างเทคโนโลยีให้กับประเทศไทย เพื่อยกระดับการแข่งขันในสเต็ปต่อไป คือการแข่งขันในระดับภูมิภาค ระดับโลก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นภารกิจใหม่ของบริษัทที่กำลังจะเกิดขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทใหม่ที่จัดตั้งขึ้นร่วมกันนอกจากจะทำธุรกิจโทรคมนาคมแล้ว จะเห็นภาพใหม่ที่จะเน้นไปที่ธุรกิจเทคโนโลยีในเมกะเทรนด์โลก เช่น ธุรกิจคลาวด์, IoT ไปจนถึงศึกษาความเป็นไปได้เรื่องธุรกิจเทคโนโลยีทางอวกาศ รวมถึงจะต้องมีการปลุกปั้นสตาร์ทอัปหน้าใหม่ โดยการจัดตั้ง VC ที่จะเข้าไปสนับสนุนสตาร์ทอัปไทย มูลค่าราว 6.6 พันล้านบาท หรือราวๆ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการร่วมทำกันอย่างจริงจัง เพื่อต้องการเป็น “Technology Hub” ที่จะสร้างสภาพแวดล้อมให้สตาร์ทอัปไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในระดับภูมิภาคได้เช่นกัน..

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แผนดันเศรษฐกิจไทยด้วยซอฟต์เพาเวอร์

ในช่วงปีที่ผ่านมา คนไทยมักจะได้ยินคำว่าซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) อย่าหนาหู เพราะมีกระแสเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผลผลิต สินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการของไทยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้น

ล้อมคอกแท็กซี่นอกรีต

ดูเหมือนว่าปัญหาแท็กซี่เอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารจะกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ถึงพฤติกรรมแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์-โก่งราคาผู้โดยสารชาวต่างชาติ หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นคือไม่รับผู้โดยสารคนไทย ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริเวณอิมแพ็ค

ESGความยั่งยืนคือ“โอกาส”

ESG แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนกำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่เทรนด์เท่านั้น เป็นแนวคิดระดับโลกที่ธุรกิจทุกขนาดจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้โลกของเราอยู่ได้อย่างยั่งยืน และธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก

ยังต้องจับตาดูเศรษฐกิจรอบโลก

ดูเหมือนว่าจะยังมีหลายสถานการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ต้องเฝ้าจับตาดูในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งของสหรัฐ ที่เฟดเผยว่าอาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมาก

การจัดตั้งรัฐบาลในม่านหมอก

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง MOU ฉบับนี้ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคก้าวไกล โดยในเนื้อหาหลักของข้อตกลงนี้มีหลายประเด็น ทั้งในมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และนโยบายด้านการต่างประเทศ