การจัดตั้งรัฐบาลในม่านหมอก

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง MOU ฉบับนี้ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคก้าวไกล โดยในเนื้อหาหลักของข้อตกลงนี้มีหลายประเด็น ทั้งในมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และนโยบายด้านการต่างประเทศ

ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการเมืองไทย ที่มีการกำหนดข้อตกลงในลักษณะนี้ก่อนการจับมือกันตั้งรัฐบาล แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องใหม่หลายประเทศในยุโรปก็มีการดำเนินการในลักษณะแบบนี้มาแล้ว

อย่างไรก็ดีแม้ว่าทั้ง 8 พรรคร่วมจะมีการลงนามกันแล้วแต่มันไม่ได้มีผลผูกมัดทางกฎหมาย และไม่ได้เป็นการการันตีว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

เนื่องจากยังมีด่านสำคัญอีกหลายประเด็นสำหรับพรรคก้าวไกลที่จะต้องฝ่าไปให้ได้ นั่นก็คือ 1.เรื่องคุณสมบัติ ส.ส.ของหัวหน้าพรรคอย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ติดปมเรื่องการถือหุ้น ITV ซึ่งเป็นหุ้นสื่อ เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นดาบแรกที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลจะต้องเจอ

2.ยังเป็นการฝ่าด่านการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่จะต้องรวบรวมเสียงทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ให้ได้อย่างน้อย 376 เสียง ซึ่งเรื่องนี้จะมองว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก เพราะมันมีประเด็นที่หลายฝ่ายกังวล อย่างการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

ทั้งหมดยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล

ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวลือหนาหูว่า พรรคเพื่อไทยเองซึ่งมีเสียง ส.ส.เป็นอันดับ 2 ก็กำลังฟอร์มทีมรัฐบาลแข่ง โดยมีทักษิณ ชินวัตร เป็นโต้โผใหญ่ที่กำลังเจรจากับขั้วรัฐบาลเดิม ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ซึ่งกรณีนี้แม้มีหลายฝ่าย โดยเฉพาะนายทักษิณออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถตัดประเด็นนี้ออกไปได้

ดังนั้น ในขณะนี้ประเทศไทยของเราก็ถือว่ายังมีความไม่แน่นอน และการเมืองยังขาดเสถียรภาพค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกใจที่สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นความกังวลในม่านหมอก ทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศค่อนข้างซึม ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองจะยังคงเป็นปัจจัยถ่วงอยู่จนกว่าจะมีการเปิดสภาที่คาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนมิถุนายน ในขณะเดียวกัน MOU ก็เป็นการแสดงรายละเอียดอย่างกว้างๆ และไม่ได้ลงลึกถึงแนวทางนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นจึงยังไม่ได้เห็นถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนที่นักลงทุนหลายฝ่ายเฝ้ารอแน่ๆ ขณะเดียวกันการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าก็จะส่งผลต่อการจัดการงบประมาณ และการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะหยุดชะงักตามไปด้วย

แต่ในมุมมองของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากมีปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ว่า มุมมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องของปัจจัยภายนอกมากกว่าที่จะเข้ามากระทบ ส่วนปัจจัยภายใน ในแง่การบริหารเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว อัตราการเติบโตแม้ว่าตัวเลขจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ในแง่เสถียรภาพ ทั้งด้านการคลังและด้านการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี ต่างชาติมีความเชื่อมั่นเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจและเสถียรภาพการคลังของประเทศ

เศรษฐกิจและการเมืองเป็นเรื่องที่ตัดกันไม่ขาด ดังนั้นต้องจับตาว่าผลสุดท้ายแล้ว ประเทศไทยจะได้ใครมาเป็นผู้บริหารประเทศ.

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเสี่ยงธุรกิจครัวเรือนไทยยุคดิจิทัล

ปัจจุบัน เรื่อง “เทคโนโลยีดิจิทัล” ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญ ไม่ว่าจะสำหรับภาคธุรกิจหรือภาคครัวเรือน ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในทุกมิติ แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวในประเทศไทยยังอาจจะอยู่ในระดับต่ำ หรืออาจจะยังไม่ถูกพัฒนาให้เติบโตเท่าทันยุคสมัยมากเพียงพอ

แผนดันเศรษฐกิจไทยด้วยซอฟต์เพาเวอร์

ในช่วงปีที่ผ่านมา คนไทยมักจะได้ยินคำว่าซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) อย่าหนาหู เพราะมีกระแสเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผลผลิต สินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการของไทยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้น

ล้อมคอกแท็กซี่นอกรีต

ดูเหมือนว่าปัญหาแท็กซี่เอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารจะกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ถึงพฤติกรรมแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์-โก่งราคาผู้โดยสารชาวต่างชาติ หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นคือไม่รับผู้โดยสารคนไทย ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริเวณอิมแพ็ค

ESGความยั่งยืนคือ“โอกาส”

ESG แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนกำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่เทรนด์เท่านั้น เป็นแนวคิดระดับโลกที่ธุรกิจทุกขนาดจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้โลกของเราอยู่ได้อย่างยั่งยืน และธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก

ยังต้องจับตาดูเศรษฐกิจรอบโลก

ดูเหมือนว่าจะยังมีหลายสถานการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ต้องเฝ้าจับตาดูในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งของสหรัฐ ที่เฟดเผยว่าอาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมาก