ถีบ 'ส้ม' ลวง 'พิธา'

ใจดีสู้เสือ!

ท่าที "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" พักหลังบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้น

ต้องสู้ครับ ไม่งั้นเสือกิน

ก็มีการใช้ความพยายามเยอะ ถึงขนาดไปสร้างภาพที่สนามวอลเลย์บอล ที่ "พิธา" บอกว่ามองว่าเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือผู้นำประเทศที่เดินทางไปดูการแข่งขันกีฬาของประเทศตน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร

ใช่ครับไม่มีอะไรผิดปกติ

เพียงแต่ที่ปกติทั่วไปคือ ผู้นำประเทศ เขาไปดูกีฬา โดยไม่ต้องไปประกาศให้โลกรับรู้ว่า ตัวเองเป็นผู้นำประเทศ 

นักการเมืองก็เช่นกัน ไปดูกีฬากันตามปกติ ไม่ได้ไปสร้างความเข้าใจผิดว่า อ๋อ คนนี้เหรอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ "พิธา" มีเจตนาที่ชัดเจน ทำให้ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยพลอยเสียศูนย์ไปด้วย

ฉะนั้นประเด็นมันจึงไม่ใช่การไปดูกีฬา แต่เป็นการเอาการเมืองไปโหนกีฬา สังคมส่วนใหญ่จึงรับไม่ได้

นั่นคือความพยายามเดินเกม เพื่อให้พรรคก้าวไกลกลับเข้าสู่เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาล เรียกร้องจากทุกเวทีเท่าที่มีโอกาส

แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

ใครที่เคยติดตามและเคยเห็น การจัดตั้งรัฐบาล การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในอดีต ให้ลบภาพนั้นออกไปให้หมด

เพราะครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งไหนในอดีตเลย

ย้ำอีกที การกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานทั้ง ๒ คน ต้องจบก่อนเช้าวันที่ ๔ กรกฎาคม

จะกำหนดเป็นทางการ หรือกำหนดในใจเพราะเป็นดีลลับ มันต้องจบ!

ในอดีตการจัดตั้งรัฐบาลอาจพบความยุ่งยากบ้างในการจัดขั้ว แต่หลังเลือกตั้งจะมีความชัดเจนทันทีว่าใครได้เป็นรัฐบาล

นั่นเพราะพรรคอันดับ ๑ กับพรรคอันดับ ๒ จะไม่ตั้งรัฐบาลด้วยกัน

พรรคขนาดกลางจึงเป็นตัวแปรสำคัญ

นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้ ๒๕๐ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ด้วย ความซับซ้อนในขั้นตอนจึงมากกว่าที่ผ่านๆ มา

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จะเหมือนกันคือ ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ กับประมุขฝ่ายบริหาร ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกัน

ตอกย้ำลึกลงไปอีกระดับ รองประธานสภาผู้แทนฯ คนที่ ๑ และ รองประธานสภาผู้แทนฯ คนที่ ๒ ก็ต้องเป็นคนของรัฐบาลเช่นเดียวกัน

นั่นหมายความว่า มือที่โหวตให้ นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนฯ และรองทั้ง ๒ มาจาก ส.ส.กลุ่มเดียวกันทั้งหมด

คือกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล

ใช่ว่าที่ ๘ พรรคร่วมรัฐบาลหรือเปล่า?

การโหวต ประธานสภาผู้แทนฯ และรองทั้ง ๒ โหวตแล้ว เป็นเลย จะถอยหลังกลับไม่ได้

เมื่อถอยหลังกลับไม่ได้ นี่จึงเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการกำหนดว่าใครคือนายกรัฐมนตรี

เวลานี้พรรคก้าวไกลทำท่าทีขึงขัง หลังประชุม ๘ พรรค "พิธา" แสดงท่าที ขี่เพื่อไทย! ราวกับขู่ว่า ถ้าเพื่อไทยจัดการกับท่าทีในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ไม่ได้ ก้าวไกลจะจัดการเอง

...ก็ไม่ได้รอเรื่อยๆ เราให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ยังพอมีเวลาอยู่ โดยปกติแล้วทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปและเป็นขั้นเป็นตอน เราไม่ควรเปิดประเด็นใหม่ เพราะมันจะกระทบกับการเจรจา ควรโฟกัสประเด็นที่มีอยู่ และหากทำให้ประชาชนสับสนก็ต้องขออภัย เรามีความปรารถนาดีตั้งใจจริง ในการจัดตั้งรัฐบาลและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน...

คำพูดเช่นนี้แปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

มันเหมือน "พิธา" คิดว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว และพูดถึงการบริหารจัดการภายในของพรรคร่วมรัฐบาล

ไม่ได้เสี้ยม แต่คนเพื่อไทยฟังแล้วไม่น่าจะสบายใจ ทั้งประเด็นที่ว่าให้เกียรติ และประเด็นที่อ้างว่าทำให้ประชาชนสับสน

"พิธา" พูดในขณะที่ก้าวไกลส่งชื่อ "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" ชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ ไปแล้ว

ฉะนั้นสิ่งที่ ก้าวไกลอยากให้เพื่อไทยได้ยินคือ "จงถอยไปเสีย"

แต่เกมนี้เพื่อไทยอ่านออกมานานแล้ว

 และเกมนี้ ต้องนับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ไปคราวเดียวกัน

จะถอยหลังมาขอนับหนึ่งใหม่ไม่ได้

ครับ..."พิธา" ปากกล้าขาสั่น ใบ้หวย

"วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ทุกฝ่ายกำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รับรองว่าหวยออก ๓๗๖ คนไทยถูกทั้งประเทศอย่างแน่นอน"

เห็นด้วยครับ หวยออก ๓๗๖ แน่ๆ

แต่คนถูกหวยไม่ใช่ "พิธา"

"พิธา" กลัดกระดุมเม็ดแรกผิดตั้งแต่เสนอชื่อ "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" ไปแล้ว

เพราะนั่นกลายเป็นแรงกระตุ้น ให้เพื่อไทยตัดสินใจ "ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว" เร็วขึ้น

ด้วยปัจจัยเหนือการควบคุมของเพื่อไทยนั่นคือ ๒๕๐ ส.ว. แทบไม่มีใครเอา "พิธา" เพื่อไทยจึงเล็งเห็นแล้วว่า มีความเสี่ยงที่ประธานสภาผู้แทนฯ อาจตกเป็นของฝ่ายค้าน หาก "พิธา" ไม่ได้เป็นนายกฯ

นี่คือเรื่องที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

บทสรุปของเรื่องจึงหนีไม่พ้น เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนฯ และรองทั้ง ๒ ต้องเป็นของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ตำแหน่งประธานสภาฯ อาจไม่ได้เป็นของทั้งเพื่อไทย และก้าวไกล

อย่างที่เพื่อไทยพูดมาตลอด ตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่จำเป็นตกเป็นของพรรคอันดับที่ ๑

นั่นหมายความว่า พรรคอันดับ ๒, ๓ และ ๔ ก็มีโอกาสได้ตำแหน่งนี้ไปครอบครองเช่นกัน

เพราะการเลือกประธานสภาฯ ใช้วิธีการลงคะแนนแบบ "ลับ" จะไม่รู้ว่าใครเลือกใคร แต่ที่แน่ๆ ผู้ท้าชิงตำแหน่งทุกคนต้องเปิดหน้า

หากว่าที่ ๘ พรรคร่วมรัฐบาลส่งเพียง "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" โดยที่เพื่อไทยไม่ส่งคนลงชิงชัย ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่งมา ๑ รายชื่อ

ดูเผินๆ คือมติ ๘ พรรค แต่ก้าวไกลระวังนี่อาจเป็นแผนลับ ลวง พราง

ถ้ามติที่ประชุมสภาฯ เสียงส่วนใหญ่เลือกชื่อที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม การจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นอันชัดเจน

"ล้างขั้ว"

นี่คืออีก ๑ ดีล ที่เป็นไปได้ โดยที่เพื่อไทยเสียหายน้อยที่สุด 

แต่ผลออกมาเหมือนเดิม

"พิธา" เป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ

หรืออยากฟังเพลงมาร์ช

เขาว่าเป็นร่างกฎหมายป้องกันรัฐประหาร ข่าววานนี้ (๖ ธันวาคม) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยแพร่การรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...)