คนแดนไกลกินรวบ

ไม่มีหรอกครับมิตรแท้ ศัตรูถาวร

ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการ

มันเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น

ของจริงมีแต่ "ผลประโยชน์ร่วมกัน"

เพื่อไทยมาแผนนี้ ก้าวไกล เพลี่ยงพล้ำ

ประธานสภาผู้แทนฯ ไม่ได้เป็นของก้าวไกล 

มันโหดร้ายเกินไป เพื่อไทย เสนอชื่อ "วันนอร์" ประกบ "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" ส.ส.พิษณุโลก ของพรรคก้าวไกล

มวยคนละรุ่น!

เอาเด็กอนุบาลมาต่อยกับนักมวยอาชีพ มันห่างชั้น

ความผิดพลาดเพราะหยิ่งยโสของก้าวไกล คิดว่าตัวเองได้เปรียบที่เสนอชื่อ "ปดิพัทธ์" ก่อน เพื่อบีบให้เพื่อไทยถอย 

อย่างที่เขียนถึงไปหลายครั้งครับ หากพรรคที่คิดจะร่วมรัฐบาลกัน ส่งคนเข้าชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแข่งกันเอง มันก็คือจุดจบ

ไม่มีทางที่้จะร่วมรัฐบาลกันได้

ให้นึกถึงภาพ ก้าวไกลส่ง เพื่อไทยส่ง พรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่ง คงไม่ต้องบอกว่าหวยจะไปออกที่ใคร

มองแบบตื้นๆ แบบนี้เสร็จพรรคร่วมรัฐบาลเดิม

แต่มันจะไม่เกิดขึ้นเพราะการเมืองถูกเซตไว้เรียบร้อยแล้ว

ทำไม เพื่อไทย ต้อง เสนอชื่อ "วันนอร์" หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่มี ส.ส.แค่ ๑๐ เสียง แทนตัวเองที่มี ส.ส. ๑๔๑ คน

แล้วจะขัดใจ ส.ส.รุ่นลายครามอย่าง "อดิศร เพียงเกษ" ที่ยืนกรานมาตลอดว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องเป็นของเพื่อไทยเท่านั้น หรือเปล่า?

วัดอุณหภูมิทางการเมืองหลัง เพื่อไทย เคาะชื่อ "วันนอร์" อย่างน้อยๆ กระแสตอบรับดีกว่า "สุชาติ ตันเจริญ"

ส.ส.เพื่อไทยส่วนใหญ่โล่งอก ที่ได้หักกับก้าวไกล

หลังจากปรากฏการณ์ส้มกินแดง เพื่อไทยไม่ได้ปลื้มก้าวไกล ถึงขั้นต้องเป็นพันธมิตรการเมืองกันตลอดกาล

มีประเด็นกระทบกระทั่ง และตั้งคำถามกันอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดก็วันที่ ๒ กรกฎาคม การประชุม ๘ พรรค ที่ทำการพรรคก้าวไกล "ด้อมส้ม" ดักรอด่า ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีผู้ใหญ่ของก้าวไกลห้ามปราม

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยวันรุ่งขึ้น

ก้าวไกลไม่ให้เกียรติเพื่อไทย

ฉุนขาด ถึงขนาดจะเชิญ "พิธา" ไปให้ชาวบ้านต่อยหน้า

ครับ... "วันนอร์" ถูกมองว่าเป็นประธานสภาฯ คนกลาง ถูกเสนอชื่อเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ ก้าวไกล

ถูกครับ!

"วันนอร์" จะเป็นประธานสภาฯ คนกลางจริง

แต่เป็นคนกลางที่ถีบก้าวไกล ออกจากเก้าอี้ประธานสภาฯ

แม้ในการแถลงข่าวของ ๒ พรรค จะยุติลงด้วยการบอกว่า ถอยคนละก้าว ทุกอย่างจบลงด้วยดี "วันนอร์" คือโซ่ข้อกลาง ฉะนั้น ๘ พรรคจับมือกันตั้งรัฐบาลต่อไป

บทสรุปการเจรจาที่ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี

ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของ "วันนอร์"

รองประธานสภาฯ คนที่ ๑ เป็นของ ก้าวไกล

และรองประธานสภาฯ คนที่ ๒ เป็นของเพื่อไทย

เลือกจริงจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ ต้องรอลุ้น

แต่มันแค่เบื้องหน้า ส่วนเบื้องหลัง ก้าวไกล ยังต้องเดินตามก้น ดูว่าเพื่อไทยจะทำอะไรต่อ

เพราะคนคุมเกมทั้งหมดขณะนี้คือเพื่อไทย

อย่าลืมนะครับว่า คนเสนอ "วันนอร์" คือเพื่อไทย ไม่ใช่ก้าวไกล

และ "วันนอร์" ก็คือคนเก่าคนแก่จากไทยรักไทย 

ฟังสุ้มเสียงจาก "วันนอร์" มิได้ปฏิเสธหมากนี้ของเพื่อไทย

"เป็นทางออกที่เราไม่เคยนึกมาก่อน เปรียบเหมือนการซื้อหวย ที่ซื้อไม่ถูก เพราะเราพยายามให้มันออกตัวเลขอื่น แต่ก็มาลงที่เรา เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนด"

ดูเหมือนว่านี่คือการแก้ปัญหาของ ๘ พรรคจริงๆ แต่ใช่แน่หรือ 

ครับ...นี่แหละ "การเมือง" ที่ก้าวไกลควรจะเรียนรู้

การเมืองสกปรกแค่ไหนก็ต้องเรียนรู้ และตามให้ทัน ไม่งั้่นก็ต้องจมอยู่กับความสกปรกนั้นโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

มันเป็นเรื่องยากมากที่เพื่อไทยกับก้าวไกลจะร่วมรัฐบาลกัน

แต่หลังจากนี้เพื่อไทยก็ยังแสร้งเป็นมิตรที่ดีกับก้าวไกล ยังไม่ทิ้งไปไหน

๑๔ กรกฎาคม วันเลือกนายกรัฐมนตรีโดยที่ประชุมรัฐสภา เราอาจได้เห็นปรากฏการณ์ไหลไปตามน้ำของเพื่อไทยอีกครั้ง

แน่นอนครับ ก้าวไกลเสนอชื่อ "พิธา"

ขณะเดียวกับเพื่อไทย ไม่เสนอชื่อคนของตนเองแข่ง

ปล่อย "พิธา" ไปจนมุม ส.ว.

แต่ถือว่า เพื่อไทย ส่งก้าวไกล มาจนสุดทางแล้ว

เพื่อไทย รักษาสัญญา

ไม่บิดพลิ้วแต่ประการใด

แต่หลังจากนั้นคือหนังม้วนใหม่

หน้าที่จัดตั้งรัฐบาลเป็นของเพื่อไทย

ขณะนี้ผลออกมาแล้ว ก้าวไกล เอื้อมไม่ถึงเก้าอี้ประธานสภาฯ 

๑๔ กรกฎาคม ยากที่ "พิธา" จะผ่านด่าน ส.ว.

เท่ากับก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ ๑ พลาดไปทั้ง ๒ เก้าอี้

การมีคนเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ ๑ ก็ยังไม่ใช่เครื่องการันตีว่า ก้าวไกล จะได้ร่วมรัฐบาลร้อยเปอร์เซ็นต์

การที่ "พิธา" ไม่ผ่านด่าน ส.ว. เพื่อไทยไม่เสียหายอะไร เพราะเป้าโจมตีจะมุ่งไปที่ ส.ว.ทั้งหมด

เช่นกัน การที่ ส.ว.เลือกแคนดิเดตนายกฯ จากเพื่อไทย ก็จะไม่มีใครพุ่งเป้าโจมตีเพื่อไทย แม้ก้าวไกลจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลก็ตาม เพราะภาพจำของมวลชนคือ ส.ว.เป็นตัวปัญหา

ครับ...สรุปแล้ว คนแดนไกลกินรวบ.