ดิจิทัลวอลเล็ตตะกุกตะกัก

วันนี้เวลา 08.00 นาฬิกาตรง รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านระบบสมาร์ทโฟน

 นี่เป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทยใช้ตอนหาเสียง แต่ตลอดเส้นทางในการเดินหน้าโครงการนี้ ก็มีความตะกุกตะกักมาตลอด แม้จนถึงปัจจุบันจะมีความชัดเจนเพียงเรื่องเดียวคือ วัน-เวลาการเปิดรับลงทะเบียน
แต่โครงการนี้ก็ยังมีอุปสรรคในเรื่องของข้อกฎหมาย ของแหล่งเงินงบประมาณ ว่าสามารถนำงบ 67 มาใช้เหลื่อมปีได้หรือไม่ แม้ว่าล่าสุด ผอ.สำนักงบฯ จะออกมายืนยันว่าทำได้ก็ตาม เพราะการลงทะเบียนเปรียบเสมือนการทำสัญญาล่วงหน้าไปแล้วก็ตาม 

ทั้งนี้ยังเชื่อว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะยังคงมีข้อปัญหา เพราะอย่างที่ทราบ ยังมีรายละเอียดอีกพอสมควรที่ต้องเข้า ครม. และถ้าเกิดมีบางประเด็นที่มีความเสี่ยงติดคุก ติดตะราง มั่นใจเลยว่าคณะรัฐมนตรีพรรคร่วมบางคนไม่เอาด้วยอย่างแน่นอน และโครงการก็อาจเดินหน้าต่อไม่ได้ และถ้าเกิดมีช่องที่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมายแม้แต่นิดเดียว บรรดานักร้องต่างๆ พร้อมจัดหนักจัดเต็มแน่

 อย่างก่อนหน้านี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ก็นำร่องยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งศาลปกครองวินิจฉัยกรณีมติ ครม.เห็นชอบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดยจำกัดกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับแจกเงิน เข้าข่ายเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นี่คือดาบแรกที่มีการยื่นไปแล้ว แต่มั่นใจว่าจะมีดาบสองดาบสามตามมาอีกมากมาย

ทั้งนี้ยังไม่ต้องรอไปถึงการถูกนักร้องเข้าไปร้องเรียนหรอก เพราะโครงการนี้ยังลูกผีลูกคนไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคุณสมบัติ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ปมตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" วันที่ 14 ส.ค.นี้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคำวินิจฉัยออกมาทำให้เศรษฐาหลุดจากเก้าอี้ นั่นก็หมายถึง ครม.เศรษฐาจะยุบสลายหายไป และมันก็จะทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้รับผลกระทบไปด้วย และก็ยังไม่แน่ชัดว่าถ้ามีนายกฯ คนใหม่ โครงการนี้จะยังเดินหน้าต่อหรือไม่ หากมีการเปลี่ยนตัวไปเป็นนายกฯ จากพรรคอื่น

 ขณะที่ ด้านฝ่ายค้าน ก็ยืนยันว่าจะคว่ำงบ "ดิจิทัล" แน่นอน เพราะไม่มีการเปลี่ยนตัวร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่เข้าสู่วาระ 2-3 ในช่วงนี้

 และโจทย์ใหญ่ๆ อีกเรื่องที่มีการตั้งคำถามคือ จะปิดช่องการทุจริตอย่างไร อย่างที่ทราบ โครงการนี้สามารถใช้ซื้อของได้ตามท้องถิ่น ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่าย เนื่องจากหลายคนมาทำมาหากินนอกพื้นที่ภูมิลำเนาจำนวนมาก ทำให้อาจจะมีคนบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่เรื่องนี้ในการรับแลกเงินดิจิทัล โดยคิดกำไรส่วนต่าง ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการปิดช่องตรงนี้ให้ได้

 และที่สำคัญยังมีเรื่องของร้านค้ารายย่อยที่มีจำนวนมากที่ไม่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ เพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของการจดทะเบียนชำระภาษี ซึ่งส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้า แผงลอย อาจจะยังไม่ได้อยู่ในระบบพวกนี้ ทำให้เมื่อได้รับเงินจริงก็จะใช้กระจุกตัวแค่ร้านค้ารายใหญ่หรือไม่ และมันจะตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร 

ทั้งหมดคือสิ่งที่ต้องจับตาสำหรับสเต็ปต่อไปของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท.

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.

ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

โรงไฟฟ้าฟอสซิลต้นทุนพุ่งโตช้า

ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจจะโต 1% ชะลอลงจาก 2.8% ในปี 2567 จากการใช้ไฟฟ้าในภาคการผลิตและภาคบริการที่เพิ่ม

เคลียร์ปมสถานีอยุธยา

เมื่อพูดถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ไฮสปีดเทรนไทย-จีน) ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) พบว่าปัจจุบันงานโยธาทั้ง 14 สัญญาคืบหน้าไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งปัจจุบันยังมีอีก 2

แจกเงินหวังคะแนน

เก็บตกการประชุม ครม.ในสัปดาห์นี้ ตอนแรกก็รอลุ้นโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ที่ช่วงเช้า นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้ข่าวว่า จะให้ที่ประชุมอนุมัติในวันนี้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นรอเก้อ เพราะ ครม.ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ เนื่องจากยังติดขัดปัญหาบางประการ

เทรนด์Pet Parentบูมไม่หยุด

คงต้องยอมรับว่า Pet Parent ยังคงเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน สะท้อนแนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงสมือนคนในครอบครัว ยิ่งกว่านั้น

ปี 67 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยหืดจับ!!

ปี 2567 เป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ที่ยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันการเติบโตของธุรกิจ ซึ่ง KKP Research