
มหากาพย์คดีฆาตกรรม น้องชมพู่ เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ สื่อมวลชนให้ความสนใจ ติดตาม เกาะติดรายงานการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด มีการนำตัวผู้ต้องสงสัย ลุงพล ป้าแต๋น เข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
และล่าสุดคดี แตงโม นิดา ตกเรือเสียชีวิต ที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมขณะนี้ มีประเด็นข้อสงสัยในคำให้การพยาน ตำรวจชี้หากไม่มั่นใจคำให้การพยานอาจจะนำเข้าเครื่องจับเท็จ
ประชาชนอาจสงสัยว่า เครื่องจับเท็จ เป็นเครื่องมืออะไร มีการทำงานอย่างไร ที่ผ่านมาสามารถจับโกหกผู้เข้าทดสอบเครื่องจับเท็จได้จริงหรือไม่
โดยทั่วไปการดำเนินคดีอาญา ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานให้มากที่สุดรวบรวมไว้ในสำนวนการสอบสวน เพื่อยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหา
พยานหลักฐานหลักๆ ก็คือ พยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานเอกสาร
อัยการจะฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ ก็จะพิจารณาตามพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนที่ตำรวจสอบสวนมา
ในชั้นศาลก็เช่นกัน ก็จะพิจารณาพิพากษาลงโทษตามพยานหลักฐานที่อัยการนำมาสืบแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ ปราศจากข้อสงสัย จึงพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด
เรามักจะได้ยินคำว่า ผู้ต้องหาจำนนต่อพยานหลักฐานบ่อยๆ จึงให้การรับสารภาพ ดังนั้นพยานหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญสุดในการดำเนินคดีอาญา
เมื่อมีคดีอาญาเกิดขึ้น ตำรวจรับแจ้งเหตุจะต้องรีบไปสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว เพื่อรักษาสถานที่เกิดเหตุไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสถานที่เกิดเหตุ บันทึกภาพ เก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจพบในเบื้องต้น
ถ้าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ คดีสำคัญ หรือคดีที่หลักฐานจะต้องตรวจพิสูจน์จำนวนมากๆ ก็จะแจ้งให้ตำรวจจากหน่วยงานกองพิสูจน์หลักฐานไปช่วยดำเนินการด้วยอีกส่วนเพิ่มเติม
คดีอาญาทั่วไป พนักงานสอบสวนก็จะสอบสวนพยานบุคคลเบื้องต้น อาจจะเป็นประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่เกิดเหตุขึ้นด้วยตนเอง หรือพยานแวดล้อม ขณะที่เกิดเหตุไม่เห็นเหตุการณ์ แต่เห็นก่อนหรือหลังที่เกิดเหตุ
เมื่อสอบสวนพยานบุคคลได้จำนวนเพียงพอ และมีพยานวัตถุหรือพยานเอกสารประกอบในสำนวนการสอบสวน ก็จะสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการเพื่อฟ้องศาลต่อไป
คดีอาญาทั้งคดีธรรมดาหรือคดีอุกฉกรรจ์ ตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนและแสวงหาพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุมากล่าวโทษยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหาได้ทั้งหมด
การดำเนินคดีในชั้นการพิจารณาคดีของศาล ในบางคดีพยานบุคคลที่พนักงานสอบสวนสอบสวนปากคำไว้ในชั้นสอบสวน อาจกลับคำให้การในการเบิกความในชั้นพิจารณาคดีของชั้นศาล
โดยมีการว่าจ้างพยานให้เบิกความว่าไม่รู้ไม่เห็นบ้าง หรือให้การอื่นๆ อันเป็นคุณกับผู้ต้องหา หรือบางรายหลบหนีไม่ยอมไปเบิกความที่ศาล เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
เคยมีคดีตัวอย่าง พยานบุคคลให้การเท็จเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อคดีอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ.2529 คดีฆาตกรรม น.ส.เชอรี่แอน ที่โด่งดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ตำรวจสอบสวนพยานบุคคลให้การเท็จปรักปรำจำเลย 4 คนที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆาตกรรม น.ส.เชอรี่แอน เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 คน
ต่อมาศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง แต่จำเลยต้องถูกจำคุกระหว่างการพิจารณาคดีนานถึง 6 ปี จำเลยบางคนเจ็บป่วย ทนทรมานอยู่ในคุกถึงแก่ความตายไปก่อน ครอบครัวผู้ต้องหาทั้งหมดขาดเสาหลักของครอบครัว บ้านแตกสาแหรกขาด ประสบปัญหาต่างๆ อย่างมากมาย
ต่อมาภายหลังกรมตำรวจต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายหรือเยียวยาให้กับจำเลยทั้ง 4 คน จำนวน 26 ล้านบาท ก็ไม่สามารถชดเชยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง และเป็นบทเรียนในการรับฟังพยานบุคคลในคดีอาญาต่อไป
ดังนั้น การแสวงหาพยานหลักฐานในคดีสำคัญๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการค้นหาวัตถุพยานเพื่อไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ นำไปเป็นพยานหลักฐานยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหามากกว่าอาศัยพยานบุคคล เช่น การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือแฝง การตรวจ DNA คราบอสุจิ คราบเลือด เส้นขนเส้นผม ฯลฯ
ถ้าเป็นพยานบุคคลก็อาจต้องเอามาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นประกอบการดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
เครื่องจับเท็จหรือเครื่องโพลีกราฟ (Polygraph) ได้ถือกำเนิดครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ 100 ปีมาแล้ว และนำเครื่องจับเท็จมาใช้ในการสืบสวนสอบสวนจนทุกวันนี้
ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1858 Etienme Jules Marey นักสรีรวิทยาชาวฝรั่งเศส มีแนวความคิดการสร้างเครื่องจับเท็จเป็นครั้งแรก โดยได้ทำการบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ตอบสนองต่อความเครียดรวมถึงอาการคลื่นไส้และน้ำเสียงผิดปกติ
ต่อมาในปี ค.ศ.1890 Cesare Lombroso นักอาชญาวิทยาชาวอิตาลี ใช้ถุงมือพิเศษวัดความดันโลหิตของผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาระหว่างสอบสวน
ค.ศ.1904 Hugo Mungsterberg นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Harvard ได้คิดค้นเครื่องมือหลายประเภทสำหรับบันทึกและวิเคราะห์ ได้แก่ เครื่องมือแสดงการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพทางผิวหนัง
ปี ค.ศ.1925 Leonarde Keeler ออกแบบและประดิษฐ์เครื่องบันทึกชีพจรและการหายใจ อาจเรียกว่าเป็นเครื่องจับเท็จแบบทำเองรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ เขาเรียกมันว่า “The Emotograph”
เขาใช้เครื่องจับเท็จกับอาชญากรสองคนที่ก่อคดี ผลการทดลองด้วยเครื่องจับเท็จถูกนำไปเป็นหลักฐานในชั้นศาล กระทั่งผู้ต้องหาถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย
ปี ค.ศ.1932 Walter Summers ประดิษฐ์เครื่องจับเท็จ โดยพัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องจับเท็จของ Leonarde Keeler เครื่องมือนี้สามารถใช้ตรวจบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังในลักษณะที่เป็นสื่อไฟฟ้า ซึ่งได้ผลดีและแม่นยำกว่าเครื่องจับเท็จเดิม
เครื่องจับเท็จ เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่อาศัยหลักการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ใช้ตรวจและบันทึกการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทางสรีรวิทยาที่ไม่สามารถสังเกตเห็นจากภายนอกได้
ส่วนประกอบของเครื่องจับเท็จจะมีลักษณะทำนองเดียวกับเครื่องมือแพทย์ ประกอบด้วยอุปกรณ์วัดการหายใจ, อุปกรณ์วัดความดันโลหิต, อุปกรณ์วัดความต้านทานกระแสไฟฟ้าที่ผิวหนัง ฯลฯ
หลักการทำงานของเครื่องจับเท็จ เมื่อนำตัวผู้ต้องสงสัยด้วยความยินยอมมาเข้าเครื่องจับเท็จภายในห้องที่กำหนดไว้ ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว
นักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาจะถามคำถาม โดยได้ศึกษาหาข้อมูลในคดีที่เกิดขึ้นจากพนักงานสอบสวน
เมื่อผู้ต้องสงสัยตอบคำถามจะแสดงปฏิกิริยาทางร่างกายต่างๆ ผ่านเครื่องมือ
ความเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต ความเร็วของขนาดช่วงชีพจรลักษณะผันแปรของการหายใจ และการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังในลักษณะเป็นสื่อไฟฟ้า ทั้งหมดนี้จะสัมพันธ์และปรากฏให้เห็นในลักษณะของเส้นกราฟจากเครื่องจับเท็จ
สามารถนำไปวิเคราะห์ออกรายรายงานในเบื้องต้นสันนิษฐานได้ว่าพูดความจริงหรือพูดเท็จ ให้พนักงานสืบสวนสอบสวนใช้เป็นพยานหลักฐานหรือแนวทางในการดำเนินคดีต่อไป
ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องมือนี้อย่างแพร่หลายมานานแล้วในการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นตำรวจตามมลรัฐต่างๆ การตรวจสอบสายลับ หรือแหล่งข่าว DEA หน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ก็นำเครื่องมือนี้มาทดสอบเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะเข้าทำงาน
ประเทศไทย นำเครื่องจับเท็จมาใช้ครั้งแรกที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ใช้ในงานพิสูจน์ตัวบุคคลมากว่า 60 ปี มีการพัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัยตลอดเวลา จาก Manual มาเป็นระบบ Computer
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาปรับปรุงเครื่องจับเท็จคือ พ.ต.อ.หญิงดวงหทัย เลาหเวชรานันท์ ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์เครื่องจับเท็จ จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต (จิตวิทยา) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (จิตวิทยา) และหลักสูตรการจับเท็จชั้นสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ประสบการณ์กว่า 30 ปี ออกรายงานเพื่อประกอบคดีกว่า 1,500 เรื่อง ทั้งคดีใหญ่เป็นที่สนใจของประชาชน และคดีทั่วไปที่พนักงานสอบสวนแจ้งขอความร่วมมือมา
เป็นผู้บรรยาย ให้มีความรู้ความสามารถในการใช้เครื่องจับเท็จหลักสูตร การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ของกองบัญชาการศึกษา นักวิทยาศาสตร์ (สบ 1) สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และจิตวิทยาการไต่สวน ฯลฯ
พ.ต.อ.หญิงดวงหทัย ได้กล่าวว่า “มีผู้เข้าเครื่องจับเท็จกว่า 1,000 คน มีเพียงไม่กี่รายที่ผลออกมาในลักษณะก้ำกึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องยกประโยชน์ให้กับผู้ต้องหา…
บางกรณีผู้ต้องหาเป็นโจรโดยสันดานและมีจิตใจที่หนักแน่น อาจทำให้การทำงานของเครื่องไม่ได้ผลก็เป็นไปได้
เจ้าหน้าที่ซึ่งทำการทดสอบจะต้องใช้ประสบการณ์และเทคนิคในการสร้างคำถามเพื่อให้ผู้ต้องหานั้นๆ คายความจริงมาจนได้ในที่สุด”
คดีอุกฉกรรจ์สำคัญสะเทือนขวัญและคดีที่สังคมสนใจ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้เครื่องจับเท็จเข้าไปช่วยในการคลี่คลายคดี
คดีนายเสริม สาครราษฎร์ นักศึกษาแพทย์ฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาว นักศึกษาแพทย์ศิริราช คดีนี้นับเป็นครั้งแรกที่ศาลได้อ้างอิงรายงานผลการเข้าเครื่องจับเท็จของจำเลยในคำพิพากษาลงโทษ นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่เครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามามีบทบาทในกระบวนการยุติธรรมไทย
คดีอื่นๆ เช่น คดี “หมวยโซ” จอมลวงโลกที่ปั้นเรื่องกล่าวหาว่าถูกโชเฟอร์ตุ๊กๆ ข่มขืน, คดีฆาตกรรมอำพรางนางศยามล, คดีนักเรียนนายเรือร่วมกับเพื่อนสังหารแฟนสาว, คดีฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าฯ ยโสธร, คดีนายสมพงษ์ เลือดทหาร แท็กซี่กำมะลอ
พ.ต.อ.หญิงดวงหทัย เคยเล่าให้ฟังว่า “ภาคภูมิใจที่ได้ทำงานใช้เครื่องจับเท็จช่วยเหลือพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีต่างๆ แยกแยะอาชญากรออกจากผู้บริสุทธิ์ และนำคนผิดมาลงโทษ…
ตนเองปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจรักและปราศจากอคติใดๆ ต้องอาศัยเทคนิคในการป้อนคำถามและประสบการณ์ในการวิเคราะห์…”
ถึงแม้ว่าจะมีคำพิพากษาฎีกาที่ 734/2553 ได้พิพากษาว่า “เครื่องจับเท็จเป็นเพียงเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่นำผลการตอบคำถามของจำเลยมาวิเคราะห์ตามหลักวิชาการแล้วประเมินผลจากการวิเคราะห์นั้นว่าจำเลยพูดความจริงหรือพูดเท็จ
อันมีลักษณะเป็นความเห็นทางวิชาการย่อมไม่อาจนำมาพิสูจน์ทราบถึงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยเป็นที่แน่ชัดได้
ต่างจากการพิสูจน์ตัวบุคคลที่อาจพิสูจน์ทราบได้โดยอาศัยเครื่องมือวิทยาศาสตร์…
ลำพังเครื่องจับเท็จและความเห็นของผู้ชำนาญเครื่องจับเท็จไม่อาจรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดได้…”
อย่างไรก็ตาม เครื่องจับเท็จและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในงานนิติวิทยาศาสตร์ ในอันที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาต่อไป
หมายเหตุ : ขอขอบคุณ พ.ต.อ.หญิงดวงหทัย เลาหเวชรานันท์ สนับสนุนข้อมูล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจสวนสนาม
การสวนสนาม คือพิธีชุมนุมพลของกองทหาร เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมเพรียง ความสง่าผ่าเผย และอานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์
หมอตำรวจ
ตำรวจเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน
อนุสาวรีย์ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์
“นับได้ว่า พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ได้สร้างผลงาน พัฒนาปรับปรุงองค์กรตำรวจให้เจริญก้าวหน้ามากที่สุด ได้รับฉายาจากสื่อต่างประเทศว่า บุรุษเหล็กแห่งเอเซีย เจ้าของคำขวัญ ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ในทางที่ไม่ขัดศีลธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม และกฎหมายบ้านเมือง”
พระนิรันตราย
พระนิรันตราย พระพุทธรูปที่มีพระนามอันเป็นมงคล นิรันตรายหมายความว่า ปราศจากอันตราย
พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.4
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ประดิษฐานอยู่ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
7 พระตำรวจสร้าง
ตำรวจ เมื่อออกไปปฏิบัติหน้าที่ย่อมมีความเสี่ยงต่อภยันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะต้องไประงับเหตุ เผชิญหน้ากับคนร้าย ยิงปะทะต่อสู้กัน เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย ซึ่งเคยปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง