ลุ้นกฤษฎีกาเคาะคุณสมบัติครม.

"เศรษฐา" เผย 1 ก.ย.ตรวจสอบคุณสมบัติ ครม.แล้วเสร็จ พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทันที อุ้ม "ทนายถุงขนม" หากชื่อผ่านก็ไม่ผิดจริยธรรม ปัดเคาะตัวเลขลดค่าพลังงาน บอกขอปรึกษา ก.คลังก่อน แย้มเงินดิจิทัล 1 หมื่นไตรมาส 1 ได้แน่ ยกคณะเดินตลาดเมืองไทยภัทร เจอหญิงด้อมส้มป่วน "อนุทิน" มั่นใจ "หมอชลน่าน" สานต่องาน สธ. "พิเชษฐ์” ถกแบ่งโควตา "ปธ.กมธ." 35 คณะผ่านฉลุย

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) วันที่ 31 ส.ค.  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เข้าใจว่าในวันที่ 1 ก.ย.น่าจะแล้วเสร็จ และหวังว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้เลย

นายเศรษฐากล่าวถึงคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับว่าที่รัฐมนตรีทุกคน หากไม่ผิดข้อบทกฎหมาย และตรวจสอบคุณสมบัติผ่านแล้วก็ถือว่าไม่ผิดจริยธรรม

ถามว่า มีคนมองว่าเรื่องจริยธรรมนายกฯ อาจต้องช่วยพิจารณาเรื่องความเหมาะสมด้วย นายเศรษฐากล่าวว่า ตอนนี้กำลังขอความเห็นด้านกฤษฎีกาที่จะมีความเห็นออกมาในวันที่ 1 ก.ย. หากมีความเห็นว่าคุณสมบัติสามารถผ่าน ตนก็หวังว่าจะเป็นที่สิ้นสุด

"รายชื่อ ครม.ผมเชื่อว่าไม่มีใครถูกใจทั้งหมดกับทุกท่านที่สรรหาเข้ามา แต่ก็ต้องให้เกียรติทางพรรคร่วมรัฐบาลและว่าที่รัฐมนตรีทุกท่านที่จะอาสาเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ ขอให้รอดูและวัดกันที่ผลงานดีกว่า ทั้งนี้คาดว่ากฤษฎีกาจะออกมาในวันที่ 1 ก.ย." นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ใช้ถ้อยคำรุนแรงวิพากษ์วิจารณ์การจัด ครม.ของพรรค พท. ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นายเศรษฐากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็น้อมรับฟังครับ ไม่มีอะไรจะไปตอบโต้ครับ”

ซักถึงกรณีประชาชนหลายคนอยากทราบตัวเลขการลดราคาพลังงานจะมากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอทำตัวเลขนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีก็มาให้ข้อมูลแล้ว มีแนวทางชัดเจนแล้ว แต่ขอดูเรื่องตัวเลขอีกนิดว่าตรงไหนเหมาะสม รวมถึงต้องปรึกษากระทรวงการคลังด้วยถึงเรื่องงบประมาณต่างๆ อย่าให้ตนพูดไปก่อน และคิดว่าตัวเลขเรื่องค่าพลังงานจะไม่มีปัญหาหากประกาศลดในครั้งแรกที่ประชุม ครม.นัดแรกเลย

พอถามถึงการลงพื้นที่พบประชาชน  กลัวหรือไม่จะเจอมวลชนคัดค้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นธรรมดา เมื่ออาสามาทำงานการเมือง เรื่องเหล่านี้เราก็ต้องรับฟัง มีทั้งคนติ มีทั้งคนชม มีทั้งคำแนะนำ ก็อยากให้เป็นการติเพื่อก่อ ตนเพิ่งเข้ามา ก็มีความตั้งใจจริงที่จะรับฟังปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบจริงๆ อะไรที่สามารถแก้ไขได้ก็จะรีบด่วนการทำ จึงบอกว่าในการประชุม ครม.นัดแรก มีหลายเรื่องที่ต้องทำ วันนี้จะโทร.หาหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วย

"เรื่องของการแถลงนโยบายก็สำคัญ โดยหลังจากถวายสัตย์ฯ เสร็จก็จะมีการแถลงนโยบาย และขณะนี้แผนกนโยบายก็กำลังทำและรวบรวมนโยบายจากพรรคต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งขอให้รอดูอีกนิด ใกล้เคียงเกือบจะ 100% แล้ว มีเวลาอีก 1 สัปดาห์น่าจะจบได้" นายกฯ กล่าว

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายเศรษฐา พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรค พท. ว่าที่ รมช.การคลัง,  นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เดินเท้าออกจากพรรค พท. เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีที่สถานีเพชรบุรี ไปลงสถานีสุทธิสาร  เพื่อไปตลาดเมืองไทยภัทร โดยระหว่างทางได้แวะทักทายพ่อค้าแม่ค้า เช่น ร้านผลไม้ ข้าวไข่เจียว นายกฯ ได้สอบถามถึงราคาไข่ไก่ น้ำมันพืช และแก๊สหุงต้ม ซึ่งนายเศรษฐารับปากว่าหลังถวายสัตย์ฯ จะรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยมีประชาชนให้ความสนใจขอถ่ายเซลฟีกับนายเศรษฐา ซึ่งนายเศรษฐาก็ได้ร่วมถ่ายภาพด้วยอย่างเป็นกันเอง

 จากนั้นนายกฯ และคณะได้ลงไปที่รถไฟฟ้าสถานีเพชรบุรีและแลกเหรียญโดยสารด้วยตนเอง ก่อนจะต่อแถวขึ้นรถไฟฟ้าตามปกติ ในระหว่างการเดินทางนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้รายงานสถานการณ์การใช้บริการรถไฟฟ้าของประชาชนให้นายกรัฐมนตรีทราบ เมื่อถึงตลาดเมืองไทยภัทร  มีประชาชนถือป้ายรูปนายเศรษฐาพร้อมข้อความ “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของคนไทย” นอกจากนี้ยังมีแม่ค้าพ่อค้าตะโกนว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา แม่ค้าเป็นเศรษฐี” ซึ่งตลอดเส้นทางนายเศรษฐาได้แวะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการค้าขายในช่วงที่ผ่านมา

นายเศรษฐายังได้แวะซื้อเกาลัด 10 ถุง ช่วงหนึ่งได้พบกับนางนวลพรรณ ล่ำซำ  หรือมาดามแป้ง กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมืองไทยประกันภัยฯ ที่มาแวะซื้อผลไม้และแนะนำให้นายเศรษฐาชิมผลไม้ โดยนายกฯ บอกว่า “อร่อยดี” จากนั้นนายกฯ ได้แซวกลับมาดามแป้งว่า “สวัสดีครับท่านนายกฯ (นายกสมาคมฟุตบอล)” ทำให้นางนวลพรรณกล่าวตอบกลับว่า “สวัสดีค่ะนายกฯ”

เงินดิจิทัลไตรมาสแรกได้แน่

ต่อมานายเศรษฐาได้แวะดูแผงลอตเตอรี่และซื้อลอตเตอรี่ชุดละ 5 ใบ รวม 13 ชุด โดยเป็นคนเลือกเอง แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเลือกเลขอะไรบ้าง ทั้งนี้ ระหว่างที่เดินนายเศรษฐาได้แวะทักทายตำรวจจราจร และได้สอบถามพร้อมรับปากว่าจะดูแลเรื่องสวัสดิการความเป็นอยู่ของตำรวจชั้นประทวน

อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งมีหญิงสาวรายหนึ่งสวมเสื้อสีเขียวสะท้อนแสงตะโกนว่า  “นายกฯ ต้องพิธาคนเดียวเท่านั้น คนนี้ไม่ใช่นายกฯ เพราะไปขโมยเขามา” แต่นายเศรษฐาไม่ได้ยิน ก่อนที่หญิงสาวคนดังกล่าวจะเดินหนีออกไป

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่ว่า ส่วนใหญ่ที่รับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องของค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟ ทำให้วัตถุดิบในการประกอบการทำอาหารแพงขึ้น โดยการแก้ปัญหาต้องแก้ที่รากฐาน ซึ่งวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันแล้ว เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าหากมีการประชุม ครม.นัดแรก จะมีการประกาศนโยบายออกไป  ส่วนเรื่องของตัวเลขต้องมีการพิจารณาก่อน ขอให้ใจเย็นอีกนิดหนึ่ง ขอให้ทราบตัวเลขที่แน่นอนก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบ

ถามถึงราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอไปพิจารณาก่อน จริงๆ แม้จะบอกว่าเป็นนโยบายของพรรค พท. แต่เราไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว  เรามีพรรคร่วมรัฐบาลอีก 10 พรรค ฉะนั้นจึงต้องไปพิจารณานโยบายโดยรวมก่อน ส่วนจะเป็นราคา 20 บาททุกสาย และใช้กับผู้ที่มีรายได้น้อยก่อนหรือไม่นั้น ต้องนำไปพิจารณาก่อนเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า การลดค่าไฟจะสามารถทำได้ในระยะเวลา 4 เดือนเลยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คงทำได้ก่อน ส่วนจะเป็นราคา 4.25 บาท ตามที่ภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องหรือไม่นั้น ต้องขอไปพิจารณาก่อน แต่ก็เข้าใจโจทย์ว่าต้องการเท่าไหร่ และจะพยายามจนสุดความสามารถ ทั้งนี้ ที่ไม่อยากบอกตัวเลขก่อน เพราะเดี๋ยวจะมีการผิดเพี้ยนแล้วมาต่อว่ากันได้ ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง

 “จะถามกี่ครั้งก็ตอบไปไม่ได้มากกว่านี้  แต่ก็อยากจะตอบเหมือนกัน แต่อยากมีความมั่นใจในการตอบ” นายเศรษฐากล่าว

ซักถึงเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะไม่มีอะไรมาสะดุดแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการเชิญหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งได้มีการดูเรื่องรายละเอียด แต่หากวันไหนที่สามารถออกโครงการได้จะแจ้งให้ทราบ แต่คิดว่าเป็นไตรมาสหนึ่งแน่นอน

วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายเศรษฐา ระบุนายสมศักดิ์มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากสั่งลดโทษให้ผู้ต้องขังกรณีจำนำข้าว ช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน ทุจริตโครงการเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวกำไล EM อีกทั้งช่วยเหลือให้บริษัทเอกชนเบิกเงินค่าเช่างบประมาณประจำปี 2566 ที่เหลือไปให้หมด โดยไม่สั่งการหรือระงับการจ่ายเงินไว้ก่อนว่า ในส่วนของตนก็มีบุคคลภายนอกร้องเรียนเข้ามา แต่เบื้องต้นเห็นว่าเป็นเรื่องการใช้กฎหมายและระเบียบราชการ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทุจริต

"มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเพียง 2 เรื่อง คือการปล่อยหรือลดโทษผู้ต้องขังคดีโครงการรับจำนำข้าว และการขอพระราชทานอภัยโทษที่เป็นสิทธิของนักโทษ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ รมว.ยุติธรรม ซึ่งนายกฯ ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเห็นว่าเป็นเช่นนั้น" นายสมศักดิ์กล่าว

โควตา ปธ.กมธ. 35 คณะฉลุย

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สธ. กล่าวถึงการฝากฝังงานด้านสาธารณสุขต่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ว่าที่ รมว.สธ.คนใหม่ว่า แต่ละท่านก็มีนโยบายของตัวเอง ตนมั่นใจว่านโยบายที่มีประโยชน์อยู่แล้ว และเป็นนโยบายที่ปฏิบัติแล้วไม่ก่อผลเสีย รมว.สธ.คนใหม่ ซึ่งก็เป็นแพทย์ด้วย ก็คงให้การสนับสนุนไปพร้อมๆ กับนโยบายใหม่ๆ ของท่าน ซึ่งในกระทรวงสาธารณสุขไม่น่ามีปัญหาอะไร 

ถามว่า หากเข้ารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย จะทำนโยบายอะไรเป็นอย่างแรก นายอนุทินกล่าวว่า ใจเย็นก่อน ต้องรอให้นายกฯ ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อรัฐมนตรีก่อน ไม่สามารถก้าวล่วงหรือไปพูดอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นได้

ด้าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานยุทธศาสตร์และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรค พท. ว่าที่ รมว.กลาโหม ว่าน่าจะทำหน้าที่ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีพลเรือนนั่งเป็น รมว.กลาโหมหลายคน นายสุทินก็เป็นคนเก่ง จะไม่มีปัญหาในการทำงาน หรือการประสานงานร่วมกับเหล่าทัพ ซึ่ง รมว.กลาโหมส่วนใหญ่ก็คงจะทำหน้าที่ในเรื่องของการผลักดันนโยบาย ขณะที่เหล่าทัพก็สนองตามนโยบาย

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เป็นเรื่องรัฐบาลซึ่งถ้าสภาได้รับเรื่องจากรัฐบาลแล้วจะนัดประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อตกลงวันและเวลาที่มีความพร้อมที่สุด ซึ่งคิดว่าจะเป็นเร็วๆ นี้ เบื้องต้นทางรัฐบาลยังไม่ประสานมาว่าจะแถลงเมื่อใด เข้าใจว่ารัฐบาลต้องนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ เสียก่อนถึงจะแจ้งมายังสภาว่าจะมีความพร้อมเมื่อใด

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวถึงการจัดสรรโควตาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญทั้ง 35 คณะว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 รับผิดชอบอยู่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กอง กมธ.ได้เสนอไปยังนายพิเชษฐ์แล้วว่าพรรคการเมืองใดจะได้สัดส่วนเป็น กมธ.กี่คน และจำนวนของพรรคการเมืองที่จะได้ประธานกมธ.กี่คณะ แต่สิ่งที่ต้องพูดคุยกันคือ เมื่อได้สัดส่วนแล้วต้องตกลงว่าใครจะอยู่คณะกมธ.ใดใน 35 คณะ โดยเฉพาะวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านที่ต้องคุยกัน ซึ่งคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

ถามถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า หลังจากที่ได้รัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสภาจะทาบทามไปยังพรรคที่มี สส.เป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้ร่วมรัฐบาล ไม่มีตำแหน่งประธาน รองประธานสภาฯ มีพรรคใดประสงค์เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อกราบบังคมทูลแต่งตั้งต่อไป

"ถ้านายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ซึ่งมาจากพรรคก้าวไกล ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็จะต้องเป็นของพรรคลำดับถัดไป และหากพรรคนั้นไม่เรียบร้อยก็ต้องรอ แต่ต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน เพราะมีหน้าที่ที่เป็นภารกิจของผู้นำฝ่ายค้านหลายเรื่องอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้ได้ผู้นำฝ่ายค้าน ส่วนระยะเวลาขึ้นอยู่กับความพร้อมของพรรคที่อยู่ในฝ่ายค้านและมีสัดส่วนที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านได้" นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว

ต่อมานายพิเชษฐ์เป็นประธานในการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อจัดสรรสัดส่วนกรรมาธิการสามัญสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 35 คณะ ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะมีสัดส่วนของประธานกรรมาธิการ และสมาชิกในกรรมาธิการ

นายพิเชษฐ์กล่าวถึงผลการหารือว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า พรรค ก.ก.และพรรค พท.จะได้ประธาน กมธ.พรรคละ 10 คณะ  ส่วนพรรคอื่นๆ จะเรียงลำดับไปตามสัดส่วน ทั้งนี้ ตัวแทนพรรค ก.ก.ได้ขอในที่ประชุมว่าให้เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ผ่านไปก่อนได้หรือไม่  เพราะหากพรรค ก.ก.ชนะการเลือกตั้ง จะได้สัดส่วนประธาน กมธ.เป็น 11 คณะ แต่ตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ เห็นว่าควรอยู่กับปัจจุบันที่มี สส. 499 คน จึงตกลงให้ยึดสัดส่วนตามปัจจุบัน ซึ่งทุกพรรคได้สัดส่วนตามที่ประกาศไว้

"ช่วงนี้จะเป็นขั้นตอนของตัวแทนแต่ละพรรคที่จะเจรจานอกรอบว่าจะได้ประธานกมธ.คณะใดบ้าง จากนั้นวันที่ 4 ก.ย. จะมีการประชุมตัวแทนของทุกพรรคการเมืองอีกครั้ง เพื่อรับทราบความคืบหน้า และสุดท้ายจะได้ข้อสรุปในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ทั้งในส่วนของประธาน กมธ. 35 คณะ และ สส.ทั้ง 499 คน ว่าจะสังกัดใน กมธ.คณะใดบ้าง เพื่อที่วันที่ 14 ก.ย.จะได้เป็นวันประชุม กมธ.แต่ละคณะนัดแรก" นายพิเชษฐ์กล่าว

สำหรับโควตาประธานกรรมาธิการตามที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ ประกอบไปด้วย พรรค ก.ก. 10 ที่นั่ง,พรรค พท.10 ที่นั่ง, พรรคภูมิใจไทย 5 ที่นั่ง, พรรคพลังประชารัฐ 3 ที่นั่ง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 3 ที่นั่ง, พรรคประชาธิปัตย์ 2 ที่นั่ง, พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาชาติ 1 ที่นั่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง