คุยสหรัฐ23เม.ย. อิ๊งค์สนิทครอบครัวทรัมป์ พ่อนายกฯเลี้ยง2ผู้นำปท.

"นายกฯ อิ๊งค์" ฟิตหลังสงกรานต์  จับเข่าคุยทีมที่ปรึกษาบ้านพิษฯ เปิดทำเนียบฯ  รับ “อันวาร์” ถก 3 ประเด็นใหญ่ พร้อมรวมพลังอาเซียนหาทางออกสู้กำแพงภาษีทรัมป์ คอนเฟิร์ม 23 เม.ย. ทีมไทยแลนด์ได้คิวคุย "รมต.สหรัฐ" โวไทยมีจุดแข็งเจรจา ยึดแนวทางวินวินทั้งสองฝ่าย แย้ม "ทักษิณ" รู้แนวทางผู้นำสหรัฐ ให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ "แม้ว" ดินเนอร์อันวาร์-มิน อ่อง หล่าย "เท้ง" แนะไม่อยากให้ไทยเลือกข้างใดระหว่างจีนหรือสหรัฐ "แบงก์ชาติ"  ห่วงมาตรการภาษีสหรัฐ กดจีดีพีปี 68 โตหลุดเป้าหมายเหลือต่ำกว่า 2.5%

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 09.05 น.  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าทำงานเป็นวันแรก ภายหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเดินทางเข้าบ้านพิษณุโลกเพื่อประชุมกับทีมคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ จากนั้นเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล

เวลา 14.00 น. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เดินทางเข้าพบและหารือทวิภาคีกับ น.ส.แพทองธาร ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ร่วมให้การต้อนรับ ใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที

ทั้งนี้ ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกฯ ไทยและนายกฯ มาเลเซียได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เชื่อมระหว่างอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยผู้แลกเปลี่ยนฝ่ายไทยคือนายสุริยะ กับดาโตะ อเล็กซานเดอร์ นันตา ลิงกี รมว.โยธาธิการมาเลเซีย

น.ส.แพทองธารแถลงผลการหารือว่า ได้พูดคุยกับนายอันวาร์ 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องของสะพานสุไหงโก-ลก ที่มีการตกลงและจะดำเนินการต่อ ขณะนี้อยู่ในช่วงการก่อสร้าง และจะเสร็จในปี  ค.ศ.2027 2.เรื่องความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขอความร่วมมือกับทางประเทศมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารฮาลาล และโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) โดยเรามีความเห็นว่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อจะได้ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน และ 3.เรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา โดยหารือกันว่าภูมิภาคอาเซียนจะสามารถรวมพลังกันอย่างไรได้บ้าง เพราะหากรวมประชากรในอาเซียนก็ถือว่าเยอะและมีความแข็งแรง

"เราก็ดูว่าแต่ละประเทศมีทางออกกันอย่างไร ซึ่งนายอันวาร์ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียนก็อยากได้รับความร่วมมือว่าจะมีทางออกหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง" น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่า การจับมือกับอาเซียนในการต่อสู้มาตรการภาษีจะเป็นลักษณะใด นายกฯ กล่าวว่า ในรายละเอียดที่ลงเป็นข้อ 1 2 3 ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่เราพูดในเชิงว่าอะไรที่เราจะช่วยสนับสนุนกัน เราพร้อมสนับสนุนในมุมของกลุ่มอาเซียนหรือไม่ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียน และเราไม่เน้นเรื่องความรุนแรง การเจรจาอันไหนที่วินวินได้เราพยายามทำแบบนั้น

ซักว่ารัฐบาลเดินหน้าไปมากแค่ไหน เพราะช่วงสงกรานต์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกได้พูดคุยกับคนรอบข้างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไปหลายคนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า นายทักษิณได้คุยแบบไม่เป็นทางการหลายคนแล้ว ถือเป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง เพราะการไม่ได้คุยกับคนที่มีตำแหน่งโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี จะสามารถรวบรวมความคิดเห็นกันได้ก่อน และทางอเมริกาอยากได้ความคิดเห็นของไทยด้วยเช่นกัน

ไทยคุย 'รมต.สหรัฐ' 23 เม.ย.

"เป็นการคุยนอกรอบว่าประมาณไหนดีที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ อันนี้ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องการพูดคุยทางการ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังจะไปคุยก่อน ตอนนี้สามารถนัดวันได้แล้ว คือวันที่ 23 เม.ย. โดยเป็นการคุยกับระดับรัฐมนตรี แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร รอการยืนยันอีกครั้ง" นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ตัวนายกฯ มีโอกาสต่อสายตรงถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า หากถามว่าได้หรือไม่ในภาวะปกติความจริงได้ แต่พอตอนนี้ทุกประเทศเข้าคิวในการพูดคุย เราก็ไปตามขั้นตอนว่าจะต้องคุยแบบนี้ แต่อย่างที่บอก หลายทางที่สามารถพูดคุยได้ตนก็คุยด้วยเช่นกัน อาจจะไม่เป็นทางการตนก็คุยเช่นกัน อะไรเป็นคอนเนกชันที่เราสามารถพูดได้ก็ทำ

นายกฯ กล่าวว่า ข้อเจรจาต่อรองของเราที่เตรียมไปแข็งแรงพอสมควร และเรามั่นใจว่าจะเป็นเรื่องบวกของทั้งสองประเทศ เราคิดว่าเราเป็นประเทศที่ต้องพูดคุยอย่างแฟร์ๆ เพราะเราสามารถให้ประโยชน์กับเขาได้เช่นกัน และเขาก็ให้ประโยชน์กับเราได้เช่นกัน อยากให้คุยกันเป็นแนวนั้น เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนาน  คิดว่าน่าจะคุยแล้วเกิดผลดี

ถามว่าจะใช้อะไรเป็นแต้มต่อในการเจรจา นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องการค้าต่างๆ แต่ในรายละเอียดให้นายพิชัยเป็นคนแถลง ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องดูผลประโยชน์ของประเทศเรา ของประชาชน ไม่ให้เสียไป อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ และทราบอยู่แล้วว่าต้องเน้นย้ำเรื่องนี้

"จุดแข็งเรามีสินค้ามากมายที่ส่งให้เขา และความจริงสินค้าเราราคาดี หลายอย่างมีรายละเอียดมากที่สามารถพูดคุยและต่อรองกันได้  ไม่ใช่แค่สินค้าเกษตร แต่ทุกรายละเอียดเคยถูกกางมาแล้วตั้งแต่ก่อนมาตรการภาษีจะออก" นายกฯ กล่าว

น.ส.แพทองธารกล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมช่วยผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกว่า   ตนพูดคุยกับทีมทำงานว่าเราควรสนับสนุนเอกชนในการลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะที่ผ่านมารัฐยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังทำให้ชัด เมื่อเป็นรูปเป็นร่างแล้วจะมาพูดให้ฟัง แต่ความตั้งใจที่สื่อสารไปกับคณะทำงานทีมงานก็เห็นด้วยว่าตอนนี้ภาคเอกชนที่ไปลงทุนต่างประเทศไปด้วยตัวเอง ถ้าได้ภาครัฐสนับสนุนอาจทำได้ดีกว่าเดิม ไม่ต้องเสี่ยงเท่าเดิม ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมา ถ้าได้การสนับสนุนจากภาครัฐคงเป็นความร่วมมือที่ทำประโยชน์ให้ประเทศอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนจะทำแผนต่อ

ถามว่า ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจากเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความจริงต้องมีการปรับตัว  เพราะภาษีต่างๆ ยังไม่ได้ถูกปรับใหม่ ทำให้ออกมาเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานจริงๆ บางอันเราอาจได้เปรียบมากขึ้น บางอันประโยชน์อาจจะน้อยลง ต้องเกลี่ยทั้งกระดาน

"ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจว่าดิฉันเป็นนักธุรกิจมาก่อน ทราบว่าไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ แต่เราพยายามคุยตรงนี้ให้เราเองแข็งแรงในการเจรจาต่อรอง ขอให้มั่นใจรัฐบาลดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่" น.ส.แพทองธารกล่าว

 ซักว่า นายทักษิณบอกไม่ค่อยได้พบนายกฯ  แล้วพูดคุยกันอย่างจริงจัง ช่วงสงกรานต์ที่ได้พูดคุยกัน นายทักษิณได้แนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ได้พูดคุยอัปเดต แต่ความจริงไม่ได้เจอท่านเลย เพราะตนไม่ค่อยมีเวลา เมื่อได้เจอที่เชียงใหม่ก็ได้พูดคุยกัน โดยตนรีบไปนั่งรถกับท่านแล้วให้ลูกนั่งรถอีกคัน ท่านก็อัปเดตเรื่องของสหรัฐว่าได้คุยกับคนนั้นคนนี้ คุยไปทิศทางว่าจะไปทางนั้นทางนี้อย่างไรบ้าง

"ตอนเด็กๆ อายุ 10 ขวบมีโอกาสพบกับครอบครัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองไทย ได้ทานข้าวด้วยกัน นายทักษิณทราบแนวทางของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นนักธุรกิจ ท่านก็บอกว่าสามารถคุยกันได้อยู่แล้วอะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งเขาและเรา เขาแค่ไม่อยากเสียประโยชน์ของเขา เพราะมีประเทศใหญ่ๆ อีกมากที่ดีลกับเขาโดยตรง เขาก็พยายามให้ทุกประเทศแฟร์ ซึ่งเราก็ดูแนวทางมาว่าประมาณไหนบ้าง ก็ปรึกษากัน" น.ส.แพทองธารกล่าว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพูดคุยคณะกรรมการสันติสุขชุดใหม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดในเรื่องของทีมงานจะให้สนับสนุนกันมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องของรายละเอียดต่อไป ส่วนเรื่องการพูดคุยในระดับรัฐมนตรี ระดับนายกรัฐมนตรี ลงไปในทีมทำงานขอให้ราบรื่นและมีความต่อเนื่อง  เพราะบางครั้งถ้าเราไม่ได้คุยกันในทุกระดับก็จะมีความท้าทายในการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ได้บอกไปแล้วว่าจะให้ทุกระดับพูดคุยกันให้ชัดเจน เมื่อถามว่ายังให้มาเลเซียเป็นผู้อำนวยการความสะดวกในการพูดคุยเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ค่ะ

ทักษิณดินเนอร์ 2 ผู้นำอาเซียน

ที่โรงแรมโรสวูด เพลินจิต กรุงเทพฯ นายทักษิณ ในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน เป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรอง ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และคณะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ในช่วงค่ำ (17 เม.ย.) โดยมีรายงานว่าการหารือครั้งนี้มี พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ร่วมรับประทานอาหารด้วย ซึ่งไม่มี น.ส.แพทองธารร่วมวงแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนถึงกำหนดนัดเลี้ยงรับรองดังกล่าว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบโรงแรม รวมทั้งมีรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตำรวจสแตนด์บายหากเกิดเหตุกรณีฉุกเฉิน ขณะที่ทีมล่วงหน้าของมาเลเซียได้มีการเดินสำรวจตรวจความพร้อมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่านายทักษิณได้รออยู่ภายในโรงแรมแล้วตั้งแต่เวลา 14.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถนายกฯ  มาเลเซียเดินทางถึงโรงแรมโรสวูด เวลา 14.45 น. จากนั้นเวลา 14.55 น. ขบวนรถซึ่งคาดว่าเป็นของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เข้าไปในโรงแรม ซึ่งมีขบวนรถนำ VIP รถประจำตำแหน่งของเอกอัครราชทูตเมียนมา และรถตู้ที่มีป้ายเขียนตัวย่อป้ายว่า MMR 04 ซึ่งเป็นชื่อย่อประเทศเมียนมา Myanmar

อย่างไรก็ตาม เวลา 15.00 น. รถของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความปรองดองแห่งเอเชีย (APRC) ได้ขับสวนออกจากโรงแรม

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในโรงแรม ให้ปักหลักสังเกตการณ์ริมถนนด้านหน้าโรงแรมเท่านั้น

ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธารหารือกับนายกฯ มาเลเซียว่า ทิศทางใหญ่ๆ คิดว่าเห็นตรงกัน การสร้างอำนาจต่อรอง การร่วมมือกันในภูมิภาค เช่น เวทีอาเซียน และสิ่งสำคัญคือรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร

ถามถึงบทบาทนายทักษิณที่พยายามดึงอาเซียนร่วมเจรจากับสหรัฐ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า  ทุกการเจรจา อยากให้กำลังใจรัฐบาลในการเจรจาทุกรอบ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด แต่สิ่งสำคัญการเจรจาขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของนายกฯ เป็นหลัก

ย้ำว่ามองว่านายกฯ มาถูกทางแล้วใช่หรือไม่  นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คิดว่าหลักๆ คือรายละเอียดที่จะพูดคุย ขอย้ำว่าการพูดคุยเรื่องความเป็นประชาธิปไตยและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของเมียนมาก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่นของอาเซียนให้ได้รับการยอมรับมากขึ้นในเวทีสากล

"ในเวทีระดับนานาชาติเราไม่อยากให้เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ว่าจีนหรือสหรัฐ เราก็ได้รับผลกระทบ ดังนั้นถ้าเรายึดหลักความเป็นประชาธิปไตย ยึดหลักสร้างความร่วมมือในอาเซียน จะทำให้เรามีอำนาจต่อรองมากขึ้นในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ" นายณัฐพงษ์กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีนายกฯ พบกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหัวหน้ารัฐบาลทหารเมียนมาว่า เรื่องนี้รัฐบาลต้องระมัดระวังท่าที เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าทีของไทยที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน การที่เราจะเจรจากับมิน อ่อง หล่าย ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารเมียนมา ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยเช่นเดียวกัน

"ผมอาจจะให้ความเห็นอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่ทราบรายละเอียด แต่ในหลักการเมื่อได้คุยกันก็ต้องหนีไม่พ้นที่จะได้พูดคุยถึงการฟื้นฟูประชาธิปไตยในเมียนมา" ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว

ธปท.ห่วงภาษีทรัมป์กดจีดีพี

วันเดียวกัน นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Media Briefing หัวข้อ “วิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย” ว่า จากมาตรการภาษีของสหรัฐ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย โดยคาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ ทำให้มีผลกระทบส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทยในหลายช่องทาง

นายสักกะภพกล่าวว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยในอัตรา 36% ของสหรัฐ มีผลให้ต้องปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2568 จากปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% โดยเชื่อว่าจะเหลือต่ำกว่า 2.5% อย่างแน่นอน ซึ่งจะเห็นผลกระทบชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบวันที่ 30 เม.ย.2568 จะมีการพิจารณาปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 ใหม่อีก

ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน  ธปท. กล่าวว่า ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐจะส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทย และใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน โดยในระยะสั้นมองว่าตลาดการเงินผันผวนขึ้น เริ่มเห็นการผลิต การค้าและการลงทุนบางส่วนชะลอเพื่อรอความชัดเจน ขณะที่จะเห็นผลของ tariff ต่อการส่งออกมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

ทั้งนี้ ผลต่อเศรษฐกิจการเงินไทยจะมีผ่าน 5 ช่องทางหลัก 1.ตลาดการเงิน ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินโลกและไทยผันผวนมากขึ้น ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนวันที่ 2 เม.ย.เล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นปรับลดลงสอดคล้องกับภูมิภาค ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่เห็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ในส่วนของภาวะการระดมทุนผ่านหุ้นกู้โดยรวมยังเป็นปกติ 2.การลงทุน ความไม่แน่นอนที่ยังสูงต่อเนื่องทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุนชะลอออกไป โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปสหรัฐเป็นหลัก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และยานยนต์ เริ่มเห็นผลดังกล่าวบ้างแล้ว

3.การส่งออก เป็นช่องทางหลักที่ได้รับผลกระทบจาก tariff แต่ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี เพราะมีการชะลอการบังคับใช้ reciprocal tariff ออกไป 90 วัน จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีเป็นต้นไป และน่าจะเห็นการเร่งส่งออกในไตรมาส 2/2568 เช่น อาหารแปรรูป โดย exposure ของการส่งออกไทยไปสหรัฐ คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และคิดเป็น 2.2% ของจีดีพี โดยกลุ่มหลักๆ ที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป 4.การแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น สินค้าไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่ส่งออกไปสหรัฐได้น้อยลง และหันมาส่งออกไปยังตลาดเดียวกับไทย และ 5.เศรษฐกิจโลกที่จะชะลอลง การส่งออกโดยรวมและรายรับการท่องเที่ยวอาจถูกกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัว  รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าและเงินเฟ้อของไทยชะลอลงจากปัจจัยด้านอุปทาน

"นโยบายการค้าโลกที่เปลี่ยนไป ถือเป็นปัจจัยที่จะเปลี่ยนโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยและโลกอย่างถาวร ทำให้ต้องเร่งปรับตัว โดยในระยะสั้น นอกจากเรื่องการเร่งเจรจากับสหรัฐ  ไทยควรมีมาตรการรับมือ ทั้งการแข่งขันของสินค้าจากต่างประเทศ และป้องกันการนำเข้าสินค้ามาเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐผ่านไทย ส่วนในระยะยาว ไทยควรขยายตลาดและเสริมสร้าง supply chain โดยเฉพาะกับประเทศในภูมิภาค  และต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อให้แข่งขันในห่วงโซ่อุปทานของโลกได้ เช่น ยกระดับภาคการผลิตและภาคบริการที่ไทยมีศักยภาพ เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป อาหาร การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ โดยเฉพาะการวิจัยและนวัตกรรม ทักษะแรงงาน และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค" ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน  ธปท.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งเทศบาลซื้อเสียงกันเดือด

โกงกันเดือด! ประธาน กกต.ลงพื้นที่ประจวบฯ-เพชรบุรี ตรวจความพร้อมก่อนเลือกตั้งเทศบาล ล่าสุดมีคำร้องทั่วประเทศ 338 เรื่อง เป็นเรื่องซื้อเสียง-ให้เงิน

มันกลับมาแล้ว โควิดระบาดซํ้า ห่วง‘เปิดเทอม’

กลับมาแล้ว! รัฐบาลเตือนโควิดพุ่ง 8 พันรายภายในหนึ่งสัปดาห์ ห่วงใกล้เปิดเทอม ระบาดหนักกว่าไข้หวัดใหญ่ 2 เท่า เปิด 4 ข้อปฏิบัติหยุดเชื้อกระจาย

‘ไอ้โม่ง’ อมเงินฮั้ว หึ่งเลือกสว.นครศรีฯจ่าย2แสน/เปิดชื่อ55วุฒิฯถูกเรียกรับข้อกล่าวหา

ประธาน กกต.ยืนยันการเรียก สว.ชี้แจงเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อมีหลักฐานจึงดำเนินการได้เร็ว หายนะ! คนรับผิดชอบการเลือกตั้ง แต่มีข้อมูลน้อยกว่า