ขับ‘เอกราช’พ้น‘ภท.’

ภูมิใจไทยตัดเนื้อร้าย! มติเอกฉันท์ขับ “เอกราช” พ้นพรรค เผยเคยเรียกให้ชี้แจงแล้วแต่เบี้ยว เจ้าตัวเดินหน้าทำหน้าที่ สส. ยังไม่ตอบอนาคตการเมือง “ภูมิธรรม” บอกปมปรับ ครม.ต้องถามนายกฯ อิ๊งค์ “อดีต สว.วันชัย” ฟันธงเชื่อ ภท.ไม่กล้าหือ พท.แน่ เพราะหากถูกเขี่ยทิ้งเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ร่วมพรรคส้มไม่ได้

เมื่อวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. ยังมีความต่อเนื่องกรณีศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 5 ปี 93 เดือน และให้ชดใช้เงิน 405 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นที่ยักยอกไปให้ครบเต็มจำนวน

โดยเมื่อเวลา 09.30 น. นายเอกราชพร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุสะพานข้ามลำห้วยค้อชำรุด หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง โดยระหว่างเดินทางมาถึง บ.คำนางปุ่ม ม.11 ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง ได้เกิดเหตุรถจักรยานยนต์พ่วงข้างพลิกคว่ำกีดขวางการจราจร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ นายเอกราชพร้อมคณะได้ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนายเอกราชได้สวมบทบาท อสม. ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

นายเอกราชกล่าวว่า ยังคงมีกำลังใจในการลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพราะยังคงมีปัญหาและความเดือดร้อนต่างๆ ที่ได้รับร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ขอไม่ตอบประเด็นคำถามใดๆ ตามที่หลายคนสงสัย ทั้งเรื่องคดีความ เรื่องพรรคการเมืองที่สังกัด และอนาคตทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้หลายคนก็วิจารณ์และพูดไปต่างๆ นานา ในฐานะผู้แทนของประชาชน จะยังคงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนยังมีอยู่มาก ต้องทำและแก้ปัญหาทุกวัน

ต่อมาในช่วงเย็น พรรค ภท.ได้ออกเอกสารชี้แจงในเรื่องนี้ว่า พรรค ภท.โดยมติที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ภท.  ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้นายเอกราชพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค ภท. ตามที่คณะกรรมการจริยธรรมพรรค ภท.เสนอ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) ประกอบข้อบังคับพรรค ภท.ข้อ 56 วรรคสาม และข้อ 88 เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 สมาชิกพรรค ภท.จังหวัดขอนแก่น 20 คน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อพรรค ภท.ให้พิจารณากรณีที่นายเอกราชตกเป็นจำเลยในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งพรรค ภท.ให้นายเอกราชชี้แจงข้อกล่าวหา แต่นายเอกราชไม่ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในเวลาที่กำหนด จนกระทั่งศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาดังที่ปรากฏแล้ว

“พรรคภูมิใจไทยจะได้แจ้งมติพรรคให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงปลายเดือน เม.ย. มีสัญญาณอะไรจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่าเจอนายกฯ ก็สอบถามท่านได้เลย เรื่องนี้ต้องถามนายกฯ ไม่มีใครสามารถตอบได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือจะปรับใครหรือไม่ ซึ่งนายกฯ ไม่เคยพูดถึง

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นดีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด เวลาเป็นข่าวก็ล้วนเป็นมุมมองของผู้สื่อข่าวและคอลัมนิสต์

ถามว่า หลังสงกรานต์นายกฯ จะนัดรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกรอบหนึ่งหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การนัดทานข้าวร่วมกันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉลี่ยเดือนละครั้งอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ปกติเวลาจะปรับ ครม. นายกฯ ได้มาปรึกษาหรือไม่ ว่ากระทรวงนี้กระทรวงนั้นทำงานเป็นอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็แล้วแต่นายกฯ ว่าจะสงสัยเรื่องไหน หรือมีข้อมูลเรื่องไหนก็จะคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงนั้น แต่สำหรับตนเองนายกฯ ยังไม่เคยมาปรึกษาอะไร

ด้านนายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาต่อกันในประเด็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากการอภิปรายของนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งได้ติดตามรับฟังแล้วเห็นว่านายไชยชนกไม่รู้ตัวว่ากำลังพูดอะไร  พูดกับใคร หรือพูดเพื่ออะไร จากภาษากายและภาษาพูดทั้งหมดเป็นการหลุด จึงไม่มีอะไรไม่มีประเด็น

 “เป็นเรื่องของเด็กเจนวาย คบเด็กสร้างบ้านไม่มีอะไร ภูมิใจไทยไม่ใช่เรื่องการลองของหรือแข็งข้อ หรือแสดงความเหนือกว่า ที่พูดกันไปว่าหากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวรัฐบาลจะพัง ทั้งที่การหลุดของนายไชยชนกนั้นไม่ได้ทำให้เกิดแรงกระเพื่อม เป็นเพียงเรื่องที่ทำให้ผู้ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยเนื้อเต้นเส้นกระตุกเบาๆ เท่านั้น”   นายวันชัยกล่าว

นายวันชัยกล่าวต่อว่า ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ  รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  กับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่มีปัญหาระหว่างกัน  เชื่อว่านายอนุทินและนายเนวินเข้าใจว่าเป็นการพลาดของนายไชยชนก ขณะที่นายไชยชนกก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาด ทำไปโดยไม่รู้ตัวและไม่มีใครเตือนมาก่อน

นายวันชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีคนวิจารณ์ว่ารัฐบาลไปไม่รอด มองว่าเป็นการวิเคราะห์ของคนที่มีอคติและเกลียดรัฐบาล โดยไม่มีฐานของข้อเท็จจริง เพราะหากดูตัวเลขทางการเมืองขณะนี้มี สส. 494 เสียง ครึ่งหนึ่งคือ 247 เสียง ขณะนี้รัฐบาลมี 320 เสียง เป็นรัฐบาลที่แข็งแกร่ง หากพรรค ภท.แข็งข้อถอนตัวไป 70 เสียง รัฐบาลยังคงเหลือ 250 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งมา 3 เสียง หากมองว่าไม่มีเสถียรภาพก็ดึงพรรคพลังประชารัฐ 20 เสียงเข้าร่วมรัฐบาล เป็นรัฐบาลที่มั่นคงมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ เคยบอกว่าพรรคเพื่อไทยอยู่เหนือพรรคภูมิใจไทย จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด   หากพรรค ภท.แข็งข้อก็จะได้เป็นฝ่ายค้าน เพราะชาตินี้เสียงไม่ถึงเป็นรัฐบาลได้

 “หากผมเป็นพรรคเพื่อไทยแล้วพบว่าในพรรคภูมิใจไทยมีท่าทีแบบเลขาธิการพรรค ผมจะเขี่ยออกจากรัฐบาล ริบเก้าอี้รัฐมนตรีทุกกระทรวง แล้วให้ไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาชน ดูน้ำหน้าว่าจะเป็นฝ่ายค้านได้หรือไม่ ผมเชื่อว่าจะไม่มีบทบาทและไม่ผสมกับพรรคสีส้มแน่นอน เพราะเขาประกาศว่าเป็นพรรคสีน้ำเงิน และหากไปเป็นฝ่ายค้านจริงก็จะไม่มีผลงาน เลือกตั้งครั้งหน้าจะเหลืออะไร ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยไม่โง่ ไม่มีทางหลุดจากเก้าอี้ และต้องง้อพรรคเพื่อไทย” นายวันชัยกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สมศักดิ์’พึ่ง10อรหันต์

มติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต 2  หมอ 3 เดือนกับ 6 เดือน “สมศักดิ์” หาหลังพิงตั้ง 10 อรหันต์ช่วยกรองก่อนส่งความเห็นกลับ