‘ดีเอสไอ’ทุ่มเทคโนโลยี! หวังมัดฮั้วเลือกสว.-อั้งยี่

“ดีเอสไอ” จัดเต็มลุย “อิมแพ็คฟอรัม” จำลองฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ ใช้เครื่องเลเซอร์สแกน 3 มิติ สแกนทั่วอาคาร-ห้องน้ำ หวังได้ข้อมูลสำคัญสังเคราะห์พฤติกรรมผิดวิสัยประกอบฐานความผิดอั้งยี่-ซ่องโจร 

เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ยังคงมีความเคลื่อนไหวในคดีพิเศษความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยล่าสุดพบว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการในหลายประเด็นแล้ว เช่น สอบปากคำพยานไปแล้ว 30 ปาก ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารของบุคคลในขบวนการ 1,200 ราย และตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ 20,000 เลขหมาย รวมถึงฐานข้อมูลทางดิจิทัล

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเผยว่า ในการตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่เพียงแต่สอบสวนปากคำและรวบรวมพยานเอกสาร พยานวัตถุเท่านั้น แต่ดีเอสไอได้เล็งเห็นถึงพยานหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ จึงต้องมีการจำลองเหตุการณ์ที่ได้ประมวลมาจากภาพกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) โดยเฉพาะสถานที่สำคัญอย่างอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567

“ที่ผ่านมาดีเอสไอได้รับไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี เรียบร้อยแล้ว จึงต้องนำมาสู่การจำลองสถานการณ์และจัดทำแผนที่การแสดงพฤติกรรมกลุ่มบุคคลที่ปกปิดวิธีการดำเนินการและความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายในการเลือกตั้ง สว. ด้วยเทคโนโลยี GEO-AI ซึ่งการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และระบบภูมิสารสนเทศในการแสดงเหตุการณ์การเลือกตั้ง สว.ระดับประเทศ จะมีการใช้เครื่องเลเซอร์สแกนอาคารอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี เพื่อสร้างแบบจำลองสถานที่เลือกตั้งเป็นแบบ 3D Mapping หลังจากนั้นจะใช้ AI วิเคราะห์ภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด”

ต่อมาเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.ธรรศ เลาห์ทวี เลขานุการดีเอสไอ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์และสำรวจพื้นที่โดยรอบของอาคารอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี โดยได้เดินสำรวจและใช้เครื่องมือพิเศษ เลเซอร์สแกน 3 มิติ  เพื่อจัดทำ Mold เป็นแบบ 3D Mapping ให้เห็นภาพโดยรวมของห้องอาคารและภายในห้องน้ำ  รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่จะมีการจับภาพใบหน้าในลักษณะ AI CCTV โดยจะช่วยให้โฟกัสกลุ่ม 140 สว. ว่าแต่ละคนในวันเกิดเหตุมีพฤตินิสัยรวมกลุ่มกันอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยังเตรียมเก้าอี้ พร้อมแปะกระดาษหมายเลข จำนวน 154 ตัว สำหรับตัวแทน สว. 150 ตัว และกรรมการ 4 ตัว รวมถึงมีการเตรียมหีบบัตรเลือกตั้ง ใช้สำหรับจำลองสถานการณ์ 1 กล่อง และคูหาสำหรับจำลองสถานการณ์ 1 กล่อง เพื่อจำลองเพียง 1 กลุ่มอาชีพ หรือ 1 บล็อกกิ้ง

วันเดียวกัน นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) กล่าวถึงกรณที่นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ในฐานะประธาน กมธ. จะเชิญคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาชี้แจงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจร ว่าไม่ได้เป็นมติของ กมธ. และไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ สว. ซึ่งอาจเป็นการก้าวก่ายงานบริหารผิดข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา  จึงขอเตือนในฐานะนักการเมืองมืออาชีพ

“ที่หมอวีไปก้าวก่ายจะเรียกคนนั้นคนนี้มาชี้แจง ไม่ใช่มติของที่ประชุม กมธ. แต่เป็นความเห็นส่วนตัว ถ้าโดนเรื่องการก้าวก่ายงานบริหาร ให้หมอวีโดนคนเดียว และคนที่สองที่โดนคือ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพราะเป็นคนส่งหมอวีมาเป็นประธาน กมธ. โดยไม่ดูข้อบังคับของวุฒิสภา” นายสรชาติกล่าว

ส่วนนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ สว.ตั้ง กมธ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า กมธ.ส่วนใหญ่เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และที่ผ่านมามีการแสดงท่าทีหรือให้ความคิดเห็นต่อสาธารณะที่เป็นทั้งเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล ดังนั้นหวังว่าการพิจารณาของ สว.จะเห็นถึงความจำเป็นและยึดผลประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ไม่นำอคติส่วนตัวมาเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณา เพราะจะส่งผลกระทบที่รุนแรงกับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในระยะยาว รวมทั้งกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจและประชาชนทั้งประเทศด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.สีน้ำเงิน รอซอยรางน้ำ ส่งสัญญาณ ยืนซดดีเอสไอ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

หลังผ่านพ้นวันหยุดยาวราชการ 4 วันติดต่อกัน 9-12 พ.ค. คาดว่าเมื่อเข้าสู่โหมดปกติ ในสัปดาห์นี้ คงได้เห็นแอ็กชันมันส์ๆ ของ สว.สีน้ำเงิน ที่คือกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ที่อยู่ใน 55 รายชื่อ สว.ที่ถูกคณะอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.และดีเอสไอออกหมายเรียกให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในสัปดาห์หน้าช่วง 19-21 พ.ค. ที่สำนักงาน กกต.

‘อังคณา’ ชี้ คดีฮั้วสว. ขึ้นอยู่กับเจรจาทางการเมือง เชื่อเอาผิดส่งฟ้องได้ไม่กี่คน 

ถ้า สว. ไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นกลาง และมีที่มาจากการคอรัปชั่น จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสังคม และถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบนิติธรรม