ไทยตามก้นกัมพูชา เขมรชิงแถลงผลถกเจบีซี/ปชช.เชื่อใจกองทัพมากกว่ารบ.

"รัฐบาลกัมพูชา" ถือฤกษ์ครบรอบ 63 ปี ชนะคดี "เขาพระวิหาร" ยื่นเรื่องต่อศาลโลก ขอให้ตัดสินปัญหาพิพาท 4 พื้นที่ "ฮุน เซน"  กระตุ้นให้แรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ อ้างกลุ่มหัวรุนแรงและกองทัพไทยจะทำร้าย ชมลูกชายจัดมาตรการรองรับแรงงานกลับ ถก  "JBC" จบแล้ว พิลึก! ไทยยันราบรื่นคืบหน้าจัดทำหลักเขตแดน 800 กม. แต่เขมรระบุข้อสรุป 4 ข้อ  อ้างพื้นที่ 4 แห่งจะไม่ถก JBC อีก 2 ฝ่ายตกลงยึดแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน “อิ๊งค์” แจงไม่ผลักดันแรงงานต่างด้าว ให้คำมั่นยึดประโยชน์ประเทศเหนือความสัมพันธ์ "มท.1" ย้ำไม่ยอมรับศาลโลก สั่งผู้ว่าฯ รับมือเหตุตึงเครียด สมช.นัดถกด่วน 16 มิ.ย. "นิด้าโพล" เผย ปชช.ไว้วางใจกองทัพแต่ไม่ไว้วางใจรัฐบาล

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน มีความคืบหน้าระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 ที่กรุงพมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยเวลา 07.00 น.  พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมโชว์ภาพหนังสืออย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ระบุว่า วันนี้ 15 มิถุนายน  2025 รัฐบาลกัมพูชาได้ส่งหนังสือทางการไปยัง ICJ เพื่อช่วยหาทางออกปัญหาพัฒนาชายแดนในปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด  ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบแล้วในวันที่ 15  มิถุนายน 1962 เป็นวันประวัติศาสตร์เมื่อ ICJ ตัดสินว่ากัมพูชาชนะประเด็นวัดพระวิหาร

แม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นห่างกัน 63 ปี  แต่มันก็เป็นความจริงที่จิตวิญญาณและวัตถุประสงค์เดียวกัน กัมพูชาเลือกที่จะตั้งถิ่นฐานอย่างสงบสุขบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศผ่านกลไก ICJ สําหรับการแก้ไขปัญหาชายแดนในพื้นที่ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ของความขัดแย้งติดอาวุธ ซึ่งกลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับในเขตวัดพระวิหาร เมื่อ 60 ปีก่อน และบริเวณบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด  ปราสาทตาควาย และบริเวณมุมไบ วันนี้

กัมพูชาต้องการความยุติธรรม ยุติธรรมชัดเจนเท่านั้น ที่จะกําหนดแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ประสบปัญหาด้วยกันไม่สิ้นสุด

"ขอความกรุณา เพื่อนร่วมชาติทุกท่าน เชื่อมั่นในรัฐบาลในการทํางานนี้ด้วยความเต็มใจและรับผิดชอบอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องความมั่นคงของแผ่นดิน และประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนชาวกัมพูชา" ฮุน มาเนต ระบุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญเช่นเดียวกันว่า รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ ยืนยันการส่งหนังสือถึงไอซีเจ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อขอให้มีการพิจารณาและคลี่คลายข้อพิพาทชายแดนกับไทย  กัมพูชายังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี ไม่เลือกใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า แม้พื้นที่พิพาทเหล่านั้นจะมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงต่อการปะทะทางทหาร กลไกทวิภาคียังไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ รัฐบาลจึงตัดสินใจพึ่งกลไกของไอซีเจ ซึ่งถือเป็นเวทีที่โปร่งใส เป็นกลาง และน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ

ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก เรียกร้องแรงงานชาวกัมพูชาให้เดินทางกลับประเทศ โดยอ้างว่า ประชาชนควรเดินทางกลับก่อนรัฐบาลไทยมีคำสั่งเนรเทศ “ซึ่งจะทำให้พี่น้องได้รับความอัปยศ”

สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า ข้อพิพาทเรื่องชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยมีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชายื่นเรื่องต่อไอซีเจ ซึ่งในระหว่างนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่กลุ่มหัวรุนแรงในไทยและบุคคลบางกลุ่มภายในกองทัพไทยจะหาทางทำร้ายแรงงานชาวกัมพูชา

ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน อ้างว่า มีแรงงานชาวกัมพูชาในไทยจำนวนหนึ่งแสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับ แต่ไม่มีเอกสารที่จำเป็น สามารถเดินทางกลับมาได้เลย ไม่ว่าจะมีเอกสารครบถ้วนหรือไม่ โดยยืนยันว่ารัฐบาลของ พล.อ.ฮุน มาเนต มีมาตรการรองรับและเยียวยาอย่างทั่วถึง

เพจกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกันที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี

โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน โดยฝ่ายไทยจะจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้

เขมรอ้าง 2 ฝ่ายยึดแผยที่ 1 ต่อ 2 แสน

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่า การประชุมเห็นพ้องที่จะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อดังต่อไปนี้ 1.ทบทวนและอนุมัติรายงานการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะอนุกรรมการเทคนิค ร่วมกัมพูชา-ไทย (JTSC) ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ณ เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา 2.ทบทวนและหารือเกี่ยวกับการแก้ไข TOR ปี 2546 เกี่ยวกับการผลิตแผนที่ภาพถ่าย Auto Photo (ขั้นตอนที่ 2 ในข้อ 4 ของ TOR) 3.หารือและอนุมัติการส่งคณะสำรวจร่วมไปสำรวจและกำหนดแนวเขตบนพื้นดินจริงระหว่างจุดที่ตั้งที่แน่นอนของจุดผ่านแดนที่ตกลงกันไว้ (ส่วนของเส้นเขตแดนตามแนวสันปันน้ำและส่วนของเส้นตรง) 4.หารือแนวทางการวัดเขตแดนใน Sector 6 (การประชุมครั้งที่ 4 และการประชุมพิเศษของ JBC ในปี 2549)

ฝ่ายกัมพูชาได้ขอให้ฝ่ายไทยร่วมมือกับฝ่ายไทยในการนำข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่มุมไบ (สามเหลี่ยมมรกต-ช่องบก) ประสาทตาเมือนธม  ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย เข้า ICJ และยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการเริ่มดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างอิสระ แม้ว่าฝ่ายไทยจะปฏิเสธ ICJ ก็ตาม

นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังยืนยันต่อฝ่ายไทยว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พื้นที่ทั้ง 4 แห่งนี้จะไม่เป็นหัวข้อในการหารือและการยุติข้อพิพาทภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป ขณะเดียวกัน และยึดถือตามเอกสารกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี พ.ศ.2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1  ต่อ 200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1907 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนและงานปักปันเขตแดน ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้วาดขึ้นโดยฝ่ายเดียว             

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตข้อความผ่าน  X ถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน โพสต์ข้อความเรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยเดินทางกลับมาตุภูมิ ก่อนที่จะถูกทางการไทยเนรเทศว่า ประเทศไทยเปิดรับความหลากหลาย ต้อนรับแรงงานต่างชาติ ให้ความดูแลสวัสดิการแรงงานที่เดินทางเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายตามสิทธิ และยึดหลักสิทธิมนุษยชนตลอดมา

นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีแนวคิดผลักดันแรงงานต่างด้าวประเทศใดออกนอกราชอาณาจักร แต่หากมีประเทศที่ออกมาตรการเรียกแรงงานกลับบ้านและมีงานรองรับ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่แรงงานแต่ละประเทศจะตัดสินใจ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลประเทศนั้น

 “ดิฉันให้คำมั่นว่าจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นการเมือง และขอเรียกร้องว่า มาตรการระหว่างประเทศใดๆ ที่เกิดขึ้น ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน เหนือผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศของตน โดยไม่ส่งผลดีต่อสถานการณ์”  น.ส.แพทองธารระบุ

ที่จังหวัดอุดรธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ให้ดูแลแนวหลังอย่างเต็มที่ เน้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตจังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา เร่งเตรียมความพร้อมในการดูแลประชาชน ความพร้อมของโรงพยาบาล จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม พร้อมการจัดเตรียมที่หลบภัย-หลุมหลบภัย ตอนนี้เร่งทำการสำรวจและปรับปรุงหลุมหลบภัยที่มีแล้ว ส่วนที่ขาดก็จะเร่งดำเนินการจัดเพิ่ม เพื่อเตรียมการป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณโรงเรียนหรือชุมชนที่มีพระ ผู้สูงอายุอยู่  ไม่ต้องกังวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่

สมช.นัดถกนัดไฟ-ตัดเน็ต

เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลก  นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็นในสิ่งที่รัฐบาลที่ไม่ใช่ประเทศไทยดำเนินการ จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา ส่วนเราก็ประกาศชัดเจนว่า “เราไม่รับอำนาจของศาลโลก ไม่มีใครมาบังคับเราได้”

นายสรพงค์ ศรียานงค์ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการฯ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังกรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะจัดหากระแสไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง ไม่ซื้อจากประเทศไทย จึงเชิญประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ และแนวทางการดำเนินการภายหลังรัฐบาลกัมพูชาประกาศยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย ในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.68 เวลา 14.00 น. ห้องประชุมประสงค์ สุ่นศิริ อาคาร 20 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้อำนวยการกองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน เป็นประธาน

สำหรับประเด็นหารือ 1.ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา 2.การดำเนินการภายหลังที่รัฐบาลกัมพูชามีมาตรการยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย 3.ผลกระทบจากมาตรการฯ ของฝ่ายกัมพูชา 4.ข้อกฎหมายและอุปสรรคการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง 5.ข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน หน่วยทหารในพื้นที่กองกำลังสุรนารี ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางบริเวณเนิน 469 และเนิน 745 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อใช้ในภารกิจลาดตระเวนและส่งกำลังบำรุง โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายในเขตราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน ระหว่างการปฏิบัติงาน ได้มีทหารกัมพูชาเข้ามาสอบถามและขอให้ชะลอการดำเนินการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดเกี่ยวกับเขตพื้นที่ ส่งผลให้ผู้บังคับบัญชาของทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกัน ทำให้ฝ่ายกัมพูชายอมรับว่า ถนนที่กำลังก่อสร้างอยู่ภายในเขตแดนของประเทศไทยอย่างถูกต้อง จึงสามารถตกลงกันได้  และหน่วยทหารไทยสามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ตามแผนที่วางไว้

"การดำเนินการของหน่วยทหารไทยทั้งหมดเป็นไปตามกรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา (MOU 2543)" โฆษกกองทัพบกระบุ

นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า เราขอย้ำว่าแนวทาง JBC เป็นกลไกที่เราเลือกใช้เพื่อในการเจรจาอย่างสันติ โดยมีหลักการเคารพในอธิปไตยซึ่งกันและกัน แต่ในการประชุมครั้งนี้ ยังไม่สามารถนำไปสู่ข้อยุติอย่างถาวรได้ แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทั้ง 2 ฝ่ายในการใช้เวทีนี้ในการเจรจาแทนการใช้ความรุนแรง พท.ขอเรียกร้องให้สนับสนุนการประชุม JBC ต่อไป เพราะปลอดภัยที่สุดในการแก้ไขปัญหาชายแดน และหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ของสองประเทศให้กลับมาไปสู่สถานการณ์เดิมเหมือนในปี 2567

ส่วนที่กัมพูชายื่นต่อศาลโลกไปแล้ว นายพายุกล่าวว่า ก็เป็นท่าทีที่เขาแสดงออกมาโดยตลอด ในส่วนของ พท. รวมถึงนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่ในรายละเอียดขอให้นายกฯ เป็นผู้แถลงต่อไป

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานที่ระบุว่า ในการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา มีการยอมรับให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในคดีเขาพระวิหาร และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญในอดีต หากมีการใช้แผนที่ดังกล่าวเป็นหลักฐานอ้างอิงอีกครั้ง ย่อมมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่ไทยจะเสียเปรียบซ้ำรอย และอาจถูกบีบให้ยอมรับเส้นเขตแดนที่ไม่ได้ยึดตามหลัก “สันปันน้ำ” ซึ่งเป็นหลักการที่บัญญัติไว้ชัดเจนในสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสตั้งแต่รัชกาลที่ 5 และยังเป็นแนวทางที่กฎหมายไทยหลายฉบับยึดถือเป็นบรรทัดฐาน

โพลไว้ใจทหารไม่ไว้ใจรัฐบาล

นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว. โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า 63 ปีวันแห่งชัยของกัมพูชา ผู้แทนไทยจะทำหน้าอย่างไรใน JBC ภายใต้บรรยากาศเฉลิมฉลอง กัมพูชาส่งหนังสือไปยังศาลโลกเรียบร้อยตามฤกษ์ครบรอบ 63 ปีคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ที่ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจเลือกวันนี้  สื่อกัมพูชาจัดทำแคมเปญเฉลิมฉลองวันประวัติศาสตร์นี้ งานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของฮุน มานี  ลูกสาวของสมเด็จฮุน เซน

 “เอ้อออ แล้ววันนี้พี่ๆ ผู้แทนไทยจะคุยอะไรกันใน JBC และผู้แทนไทยใน JBC จะทำหน้าอย่างไรในบรรยากาศเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือเราของประเทศเขา ไม่อยากคิดว่าเขาจงใจจัด JBC บนแผ่นดินเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไม่คุยเรื่อง 4 พื้นที่ และจะไม่เปลี่ยนใจเรื่อง ICJ ก็เพื่อให้ผู้แทนไทยเราตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ไม่อยากจะคิดว่าเป็นการจงใจหยามกันชัดๆ ไม่อยากจะคิดจริงๆ พี่ๆ น้องๆ คิดอย่างไรกันครับ ทั่นนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร คิดอย่างไร ช่วยบอกคนไทยทั้งประเทศหน่อย เป็นคนไทยต้องอดทน!” นายคำนูณระบุ

วันเดียวกัน “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” สำรวจระหว่างวันที่ 9-11 มิ.ย.2568 เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ พบว่า 1.กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 62.52 ระบุว่าไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 23.74 ระบุว่าค่อนข้างไว้วางใจ, ร้อยละ 8.85 ระบุว่าไม่ค่อยไว้วางใจ และร้อยละ 4.89 ระบุว่าไม่ไว้วางใจเลย 2.รัฐบาลไทย ตัวอย่างร้อยละ 37.48 ระบุว่าไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่าไม่ค่อยไว้วางใจ, ร้อยละ 18.85 ระบุว่าค่อนข้างไว้วางใจ และร้อยละ 11.99 ระบุว่าไว้วางใจมาก 3.กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่างร้อยละ 35.42 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ รองลงมา ร้อยละ 30.76 ระบุว่าไม่ไว้วางใจเลย

ด้านความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ พบว่า 1.กองทัพ ตัวอย่างร้อยละ 61.76 ระบุว่าพอใจมาก รองลงมา ร้อยละ 23.97 ระบุว่าค่อนข้างพอใจ, ร้อยละ 10.30 ระบุว่าไม่ค่อยพอใจ และร้อยละ 3.97 ระบุว่าไม่พอใจเลย 2. รัฐบาลไทย ตัวอย่างร้อยละ 37.94 ระบุว่าไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 30.99 ระบุว่าไม่ค่อยพอใจ, ร้อยละ 20.76 ระบุว่าค่อนข้างพอใจ และร้อยละ 10.31 ระบุว่าพอใจมาก 3.กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่างร้อยละ 35.73 ระบุว่าไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.00 ระบุว่าไม่พอใจเลย

สำหรับการสนับสนุนข้อความในเพลงชาติไทยที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 69.39 ระบุว่าสนับสนุนมาก รองลงมา ร้อยละ 19.24 ระบุว่าค่อนข้างสนับสนุน,  ร้อยละ 7.02 ระบุว่าไม่ค่อยสนับสนุน, ร้อยละ 3.05 ระบุว่าไม่สนับสนุนเลย และร้อยละ 1.30 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อถามถึงการมีแนวคิดความเป็น “ชาตินิยม” ของประชาชน พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 48.24 ระบุว่ามีความเป็น “ชาตินิยม” มาก รองลงมา ร้อยละ 31.60 ระบุว่าความเป็น “ชาตินิยม” ขึ้นอยู่กับสถานการณ์, ร้อยละ 14.20 ระบุว่าค่อนข้างมีความเป็น “ชาตินิยม”, ร้อยละ 3.67 ระบุว่าไม่ค่อยมีความเป็น “ชาตินิยม” และร้อยละ 2.29 ระบุว่าไม่มีความเป็น “ชาตินิยม” เลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แก๊งศึกพระคึกคัก สีกากอล์ฟหลับดี อาจเจอ‘สีกาเก็น’

รองโฆษกราชทัณฑ์เผย "สีกากอล์ฟ" นอนคุกคืนที่ 2 นอนหลับดีขึ้นแต่ยังดูเครียด กินได้ปกติ โดยรวมทำใจได้ อาจเจอ "สีกาเก็น" ระหว่างพิจารณาคดี ด้าน "บิ๊กเต่า"

งงหมอชั้น14ไม่ได้รางวัล

"ทักษิณ" ไม่เข้าใจ ทำไมหมอรักษาคนหายไม่ได้รางวัล หลังแพทย์ใหญ่เจ้าของไข้ร่ำไห้กลางศาล ปมการรักษาตัวชั้น 14

เอาคืน‘ทักษิณ’ยังแค้น‘อนุทิน’ ‘เสืิอกทุกเรื่อง’สอนมารยาท!

“ทักษิณ” เตรียมลุยช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ ชี้เพื่อไทยมั่นใจมากรักษาเก้าอี้ สอนมารยาท “หนู” ได้ข่าวสั่งคนโทร.ให้นายอำเภอมารอรับ ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร

ร้องUNลงโทษเขมร ‘แม่ทัพภาค2’แฉแอบวางกับระเบิดฝั่งไทยนับร้อยลูกจ่อโต้เด็ดขาด!

เรื่องถึงสหประชาชาติ แม่ทัพภาคที่ 2 เผยหลักฐานเขมรแอบฝังกับระเบิดในผืนเแผ่นดินไทย 8 ลูก พบตัวอักษรชัดเจน เป็นของใหม่ทั้งหมด

นักวิชาการมธ.ชี้ ทุ่นระเบิดช่องบก ‘กัมพูชา’ ผิดอนุสัญญา ไม่สำคัญเก่าหรือใหม่

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด “กัมพูชา” ไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นทุ่นเก่า เพราะไม่ว่าเป็นทุ่นเก่าหรือทุ่นใหม่ หากตรวจสอบได้ว่ามาจากกัมพูชาก็ถือว่ามีความผิด ฐานละเมิดอนุสัญญาออตตาวา