ผลักดันสิทธิผู้หญิง หยุดความรุนแรง : วันสตรีสากล

ตลอดเดือนมีนาคมทั่วโลกจะมีเรียกร้องยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศเนื่องในวันสตรีสากล วันที่ 8 มี.ค.ของทุกปี  ด้านสหประชาชาติกำหนดเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ในข้อ 5.2 ระบุให้การขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทั้งในที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนตัวเป็นเป้าหมายที่ประเทศต่างๆ ต้องให้ความสำคัญขับเคลื่อนทำให้บรรลุเป้าหมาย

ส่วนองค์การอนามัยโลกยืนยันความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ซึ่งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว คนใกล้ชิด  ทัศนคติของสังคมที่มองว่าความรุนแรงในบ้านเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหา  ในขณะเดียวกันพบผู้หญิงถูกทำร้ายในครอบครัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ผลพวงเศรษฐกิจฝืดเคือง คนตกงาน มีภาระหนี้สิน เครียดสะสม  

นางภรณี ภู่ประเสริฐ

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส. ) ขับเคลื่อนงานด้านสิทธิพื้นฐานผู้หญิงผ่านยุทธศาสตร์สุขภาวะผู้หญิง ทั้งการเข้าถึงบริการสุขภาพและการปกป้องคุ้มครองตนเองให้รอดพ้นจากความรุนแรงทุกมิติ วันสตรีสากลปีนี้ สสส. ร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่สมัครร่วมกิจกรรม แสดงความคิดเห็น และเสนอทางออกปัญหาการรุนแรงทางเพศผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.นับเราด้วยคน.com  โดยจะจัดกิจกรรมปลายเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ 

นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส. ) กล่าวว่า  สสส.ผลักดันสิทธิของผู้หญิง เราเน้นกลุ่มผู้หญิงที่มีลักษณะทางกายภาพหรือวัฒนธรรมเฉพาะที่เป็นชายขอบ ได้แก่ ผู้หญิงพิการ ผู้หญิงมุสลิม ผู้หญิงชาติพันธุ์ และกลุ่มผู้หญิงที่ด้อยโอกาสหรือถูกเลือกปฏิบัติ ได้แก่ ผู้หญิงต้องขัง ผู้หญิงบริการ และผู้หญิงรักผู้หญิง

เมื่อวิเคราะห์ช่องว่างในการพัฒนาสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของผู้หญิงกลุ่มเฉพาะ/ชายขอบหรือด้อยโอกาส พบว่า ผู้หญิงเป็นกลุ่มประชากรที่เผชิญความเหลื่อมล้ำในสังคมสูงจากอคติทางเพศที่ฝังในระบบคิด ติดอยู่ในจารีต และการปฏิบัติในวัฒนธรรมจนส่งผลต่อสุขภาวะผู้หญิง ทำให้เข้าไม่ถึงโอกาสทางสังคม เศรษฐกิจ และอำนาจการตัดสินใจในเรื่องส่วนตัว ครอบครัว และนโยบายสาธารณะที่กำหนดชะตาชีวิต

อ้างอิงตามสถิติ พบว่า ผู้หญิงไทยถูกละเมิดทางเพศ ถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกายหรือจิตใจไม่น้อยกว่า 7 คน/วัน  และมีสถิติผู้หญิงที่เข้ารับการบำบัดรักษาแจ้งความร้องทุกข์ปีละ 30,000 คน ขณะที่รายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) พบว่า กว่าร้อยละ 87 ของคดีการถูกล่วงละเมิดทางเพศไม่เคยถูกรายงาน

สสส.ขับเคลื่อนงานสิทธิผู้หญิงในพื้นที่ชายแดนใต้

นางภารณีกล่าวต่อว่า จากการสำรวจพบความชุกของความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัว เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.6 ในปี 2560 เป็นร้อยละ 42.2 ในปี 2563 ประเภทความรุนแรงสูงสุดคือ ความรุนแรงทางด้านจิตใจ คิดเป็นร้อยละ 32.3 รองลงมา ความรุนแรงทางร่างกาย ร้อยละ 9.9 และความรุนแรงทางเพศร้อยละ 4.5  เนื่องในวันสตรีสากล สสส. หวังว่า นอกจากส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคของสตรีแล้ว ทุกภาคส่วนควรร่วมกันลดและขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงทุกรูปแบบ ทั้งความรุนแรงในครอบครัว การข่มขืน ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ของสหประชาชาติ มีความเชื่อว่า ความเป็นธรรมทางสุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และทำให้คนในสังคมอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมที่เท่าเทียม

สสส. สนับสนุนทุนทำงานด้านสุขภาวะผู้หญิง เน้นลดความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาสำคัญต่อสุขภาวะผู้หญิงให้กับองค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ อาทิ สมาคมเพศวิถีศึกษา มูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม เป็นต้น รวมถึงหนุนหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการเดินหน้าโครงการต่างๆ ทั้งพัฒนาองค์ความรู้ และหลักสูตรแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่นำร่องระบบงานสหวิชาชีพเพื่อการจัดการกรณีปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง และความรุนแรงในครอบครัว ที่ครบวงจร รวมถึงสร้างพื้นที่ปลอดภัยนำร่องในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ  รวมถึงงานสื่อสารสาธารณะผ่านเพจ Free From Fear  เพจเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง Safe Cities for Women Thailand สร้างความตระหนักและไม่เพิกเฉยต่อปัญหา

พัฒนาศักยภาพแกนนำสตรี สานพลังเครือข่าย

นางสาววรรณกนก  เปาะอิแตดาโอะ นายกสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญปัญหาถูกลิดรอนสิทธิ ไม่มีส่วนร่วมระดับกลไกของรัฐหรือระดับการเมืองท้องถิ่น ถัดมาสถานการณ์โควิดทำให้ความรุนแรงในครอบครัวสูง การหย่าร้างเพิ่มขึ้น โดยกรณีเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องในครอบครัว คนนอกไม่ควรยุ่ง ขณะที่มีผู้หญิงจำนวนมากกล้าหาญไปขอความยุติธรรมจากหน่วยงาน แต่จะถูกบอกว่าให้อดทน แล้วยังมีการไม่ยอมรับให้ผู้หญิงเป็นผู้นำ ทั้งที่ในพื้นที่ผู้ชายน้อยลงเสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบ หลบหนีกระบวนการยุติธรรม หรือเจอคดียาเสพติด ไม่ให้โอกาสผู้หญิงร่วมตัดสินใจ จากปัญหาที่เพิ่มขึ้นจึงทำงานสิทธิผู้หญิงในชุมชน เคารพความเท่าเทียมกัน ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กกว่า 6 หมื่นคน  โดย สสส.สนับสนุน

“ เราทำงานกับผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้นำที่เป็นผู้หญิง และเด็กผู้หญิง ให้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีมากที่สุด เพื่อให้มีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น ปัจจุบันพบสัดส่วนผู้หญิงในระบบการศึกษาใน 3 จังหวัดแดนภาคใต้สูงกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ สร้างเสริมศักยภาพผู้หญิงมุสลิมเป็นแกนนำอยู่ในกลไกชุมชน กลไกท้องถิ่น จัดตั้งกลุ่มผู้หญิงที่ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือสำหรับผู้หญิงที่ต้องการเข้าถึงความยุติธรรม  รวมถึงขับเคลื่อนงานสุขภาวะเด็กเยาวชนและครอบครัวใน จ.ยะลา ร่วมกับ สสส. ดึงทุกภาคส่วนช่วยขับเคลื่อนสร้างความตระหนักเรื่องการแต่งงานของเด็กหญิง การปกป้องเด็กจากอันตราย ส่งเสริมให้เด็กได้รับวัคซีน ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย สร้างสัมพันธภาพในครอบครัว “  นางสาววรรณกนก ผู้หญิงที่มีบทบาทการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในพื้นที่ชายแดนใต้ย้ำยังต้องต่อสู้เคียงข้างผู้หญิงอีกหลายประเด็นเพื่อหยุดความรุนแรง การกีดกันในการทำงาน สู่ความเท่าเทียมอย่างแท้จริง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์ออฟฟิศ อ่วม! นั่งนาน เสี่ยงโรค สสส.

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ไทยมีประชากรวัยทำงาน อายุ 15-59 ปี ประมาณ 40.30 ล้านคน ต้องใช้ชีวิตในที่ทำงาน 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวัน กา

นวัตกรรม สสส. “Home Coming” นิทรรศการทางเลือก พาใจกลับบ้าน สุดเจ๋ง!! คว้ารางวัลแอดแมน อวอร์ส 2023

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า นิทรรศการสร้างประสบการณ์ Home coming

เริ่มแล้ว!! ประชุมระดับชาติ PM2.5 ครั้งแรกของประเทศ “สสส.–สกสว.–ศวอ.–มช.–สภาลมหายใจเชียงใหม่” สานพลัง 60 ภาคี เปิดเวทีถกประเด็น “อากาศสะอาด”

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ

อึ้ง!! ผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่เกือบครึ่ง เป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี วันเอดส์โลก ‘66 สสส.-สถาบันยุวทัศน์ฯ สานพลังภาคี ขับเคลื่อนนโยบาย 'พก ซื้อ ใช้' ลดอุปสรรคการเข้าถึงถุงยางอนามัยของเยาวชน ชงข้อเสนอรัฐบาล 'ลดราคาถุงยาง เพิ่มการเข้าถึง'

ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ สายด่วน 1663 เครือข่ายประชาชนขจัดการเลือกปฏิบัติ (MovED) และเครือข่ายสถานศึกษาในกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมขับเคลื่อนนโยบายวิถีชีวิตปกติกับถุงยางอนามัย “พก ซื้อ ใช้”

ประกาศปฏิญญากรุงเทพฯ ยกวาระสุขภาพสู่ระดับโลก

มิติสุขภาพในอนาคต โดยเฉพาะในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีการเปลี่ยนแปลงก้าวตามโลกสังคมเทคโนโลยี ทั้งนี้ เห็นได้จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะโรคโควิด-19 และยังต้องโฟกัสกับสภาวะโลกร้อนที่กลายเป็นโลกเดือด