ประชุมสุขภาวะคนข้ามเพศ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

เปิดเวทีประชุมวิชาการสุขภาวะของคนข้ามเพศครั้งแรกในไทย!! ระดมความคิดเห็น เกย์ กะเทย ทอม ดี้  ชายรักชาย หญิงรักหญิง ร่วมกำหนดทิศทางสุขภาพ-สิทธิประโยชน์พื้นฐาน หวังลดความเหลื่อมล้ำในสังคม  ลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพของประชา000000000กรที่มีความหลากหลายทางเพศ อันตรายจากยาฮอร์โมนบางชนิดที่ซื้อหามารับประทานเอง หรือการผ่าตัดแปลงเพศ

สถานการณ์การถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และการถูกละเมิดสิทธิต่างๆ ในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) และเพศวิถี (Sexual Orientation) เลสเบียน เกย์ ไบเซ็กชวล บุคคลข้ามเพศ และคนที่มีลักษณะทางเพศทางชีววิทยาไม่ชัดเจน หรือเรียกโดยรวมว่า LGBTls สำหรับในสังคมไทยอาจจะมีการยอมรับพฤติกรรมรักเพศเดียวกันและบุคคลข้ามเพศมากกว่าประเทศอื่นๆ แต่ความชิงชังและการมีอคติที่มีต่อกลุ่ม LGBTls ก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ อีกทั้งมีการเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้แอบแฝงอยู่ในสังคม ชุมชน และองค์กรต่างๆ มีการกีดกัน ปฏิเสธ ไม่ให้ได้รับความก้าวหน้า หรือผลักออกนอกระบบ อีกทั้งนำเสนอว่าคนกลุ่มนี้เป็นพวกที่มีปัญหาเชิงลบ เป็นคนไม่ปกติ ถูกตีตรา เพราะมีความเบี่ยงเบนทางเพศ มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว ฯลฯ

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดการประชุมสุขภาวะของคนข้ามเพศ “ข้ามเพศมีสุข” ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่ รร.แมนดาริน สามย่าน กรุงเทพฯ ว่า งานนี้เสมือนหนึ่งเป็นงานรวมรุ่น “ผมอยู่กับงานโครงการรณรงค์แก้ไขปัญหาโรคเอดส์มา 20 ปี ในวันแรกๆ เราต่อสู้กับยาต้าน HIV-AIDS ยุควิกฤติสุขภาวะทางเพศด้วยระบบวิธีคิดเชิงการแพทย์ ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ากลุ่มคนหลากหลายทางเพศเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV มากที่สุด ส่งผลทำให้มิติการใช้ชีวิตถูกผลักดันเข้าไปเกี่ยวข้องกับ HIV-AIDS ทั้งหมด" 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สสส.สนับสนุนเข้าใจเรื่องการมีสิทธิ เข้าใจสิทธิและรู้ด้วยว่าสิทธิเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด เราต่อสู้กันมาเรื่องความเหลื่อมล้ำ ใช้ยุทธศาสตร์การทำงานของ สสส.ด้วยคีย์เวิร์ดสำคัญคือ จะแก้ไขความเหลื่อมล้ำเพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของการบริการด้านสาธารณสุข โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะต้องไม่ตีตรา ไม่ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ด้วยกัน การจัดการปัญหาเพื่อให้เข้าถึงบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้อย่างเป็นมิตร ทำอย่างไรให้หลายโครงการดำเนินไปด้วยดี การรับถุงยางอนามัย ยาต้าน HIV-AIDS

ปัจจุบันนี้เมืองไทยได้รับการยอมรับแล้วว่า เป็นดินแดนที่ยอมรับเรื่องความแตกต่างหลากหลายทางเพศ แต่ก็ยังมีการถูกเลือกปฏิบัติด้วยความเชื่อและทัศนคติแง่ลบ รวมถึงมิติทางสุขภาพ สถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องความหลากหลายทางเพศยังมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ จากข้อมูลการศึกษาในต่างประเทศพบว่า ประชากรที่มีความหลากหลายทางเพศเสี่ยงมีปัญหาสุขภาพ เช่น กลุ่มชายรักชาย ชายรักสองเพศ และหญิงข้ามเพศ พบความเสี่ยงสูงในการได้รับเชื้อ HIV,  มะเร็งทางทวารหนัก และโรคตับอักเสบ A และ B ส่วนหญิงรักหญิง และหญิงรักสองเพศ เสี่ยงเป็นโรคอ้วนสูง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) อื่นๆ รวมทั้งในบุคคลข้ามเพศที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายเพื่อให้เป็นเพศที่ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง ส่วนใหญ่จะมีการใช้ฮอร์โมน ทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ฮอร์โมนเกินขนาด ใช้ผิดประเภท และใช้อย่างผิดวิธี โดยเฉพาะจากการซื้อหาตามท้องตลาดโดยไม่มีแพทย์ให้คำแนะนำ

“สสส.มุ่งหวังลดความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพในกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ สนับสนุนโครงการ 'ส่งเสริมสุขภาวะและลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนข้ามเพศในประเทศไทย' จึงอยากเชิญชวนคนทำงานเรื่องสุขภาวะของคนข้ามเพศ คนข้ามเพศ ทั้งภาคประชาสังคม หน่วยงานภาคีผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมกันออกแบบการสร้างระบบบริการด้านสุขภาวะแบบองค์รวม ที่เป็นธรรมและเข้าถึงได้ของบุคคลข้ามเพศในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ทำงาน หรือชีวิตของคนข้ามเพศ จะช่วยเปิดมุมมอง พัฒนาบริการและการเข้าถึงอย่างได้มาตรฐานและเป็นมิตร รวมทั้งสร้างความเข้าใจด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมมากขึ้น ทำอย่างไรในการสื่อสารทำความเข้าใจให้ความรู้ทางประสบการณ์ข้ามเพศคุยกันได้ เพื่อความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้” นายชาติวุฒิกล่าว

นางชนาทิพย์ มารมย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามเจตนารมณ์การดำเนินงานของ สปสช.เน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน  เพื่อนำความเห็นต่างๆ มาขับเคลื่อนในระบบหลักประกันสุขภาพ ทั้งในรูปแบบของการให้ความรู้คุ้มครองสิทธิ์ ช่วยให้เข้าถึงสิทธิ์ และไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิ์ ซึ่งในส่วนของเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ แม้จะเพิ่งร่วมงานกันอย่างจริงจังในปี 2566 นี้ แต่ที่ผ่านมาเคยทำงานร่วมกันผ่านเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี จึงเชื่อว่าเมื่อทำงานร่วมกันในฐานะภาคีอีกด้านหนึ่ง จะช่วยรวบรวมความเห็นในแง่มุมสุขภาพและบริการ ที่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศต้องการนำมาเสนอเป็นสิทธิประโยชน์ในอนาคตได้ ทั้งเรื่องการเข้าถึงยาฮอร์โมนบางชนิด ดีกว่าไปซื้อหามารับประทานเองแล้วเกิดอันตราย หรือแม้แต่การผ่าตัดแปลงเพศ เรื่องเหล่านี้ก็จะได้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกันต่อไป

ณชเล บุญญาภิสมภาร ตัวแทนคณะทำงานจัดงานประชุมสุขภาวะของคนข้ามเพศ ข้ามเพศมีสุขครั้งที่ 1 กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมเสียงของคนในชุมชน คนข้ามเพศ ภาคีเครือข่าย ภาคประชาสังคม ภาครัฐและผู้ให้บริการสุขภาพกับคนข้ามเพศที่เชื่อว่า “สุขภาพที่เกี่ยวกับการข้ามเพศเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นสำหรับคนข้ามเพศ”  มาร่วมกันส่งเสียงให้คนกำหนดนโยบายให้ความสำคัญกับสุขภาวะของคนข้ามเพศ โดยงานประชุมนี้เปิดพื้นที่ให้เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และถ่ายทอดสำหรับภาคีจากชุมชนคนข้ามเพศ คนทำงาน และผู้ให้บริการสุขภาพได้มาฟังเจ้าของชุดประสบการณ์ตรง เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนในการพัฒนาบริการสุขภาพที่เกี่ยวกับการข้ามเพศ และลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการเหล่านั้นให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในประเทศไทย จุดสำคัญของงานประชุมข้ามเพศมีสุขคือ การฉายภาพความร่วมมือจากภาคีหลายฝ่ายที่มีเป้าหมายเพื่อการหนุนเสริม และสนับสนุนบริการสุขภาพที่เกี่ยวกับการข้ามเพศเป็นบริการที่เข้าถึงได้ง่าย มีคุณภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย

“เราพบปัญหาคนข้ามเพศรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อกลายเป็นคนไร้บ้าน และไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว สุขภาพของคนข้ามเพศเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ทุกคนจะเดินเข้าไปรับการบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียมกัน สำหรับคนข้ามเพศที่ทำงานด้านบริการ ยิ่งเด็กบางคนมาจากต่างจังหวัด ต้องทำให้เขารู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานทั้งเรื่องสุขภาพกาย ใจ สังคม จิตวิญญาณ ความมีคุณค่าเป็นหลักของชีวิต การที่จะทำให้คนหนึ่งคนมีสุขภาวะที่ดีคืองานของเราที่จะต้องครอบคลุมในทุกเรื่อง"

***

กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดี

การมีสุขภาวะที่ดีของคนข้ามเพศเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน คนข้ามเพศมีจำนวน 0.7-1% ของประชากร (จำนวน 7 แสน - 1 ล้านคน) คนกลุ่มนี้ควรมีโอกาสได้รับสิทธิและความเคารพในฐานะที่เป็นมนุษย์ปุถุชน  แม้ว่าร่างกายและจิตใจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เกิดความคับข้องใจการใช้ชีวิตในสังคมว่าจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย โดยเฉพาะการมองคนข้ามเพศว่าแปลกแยกจากสังคม  ส่งผลให้มีปัญหาสุขภาวะ ปัญหาความรุนแรง สุขภาพจิต  ความเหลื่อมล้ำทาง กม. ขาดความเข้าใจจากสังคม

“หมอขอยกตัวอย่าง ด.ญ.ส้ม เป็น ด.ญ.ข้ามเพศ ก่อนเจอหมอเป็นเด็กเรียนดีได้เกรด 3.5 เมื่อมาพบหมอได้เกรด 1.8 เด็กตอบว่าสมองหนูคงไม่ดี ผิดๆ เพี้ยนๆ เรื่องเพศเรียนไม่รู้เรื่อง หมอบอกว่าที่ รร.แพทย์เราก็มีคนข้ามเพศ คนที่มีความหลากหลายทางเพศมาเรียน เด็กเล่าว่าหนูถูกครูเรียกว่าอีตุ๊ดควาย หนูคิดว่าสมองหนูไม่ปกติ เก่งไม่เท่าคนอื่น หมอดูแลส้มทางจิตใจ ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเอง  เขาค่อยๆ เรียนดีขึ้นจากเกรด 1.8 เพิ่มเป็น 2.8 และ 3.2 ในวันสุดท้ายที่เจอกับหมอ หมอบอกว่าหมอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ส้มก็บอกว่าคุณหมอรอสอนหนูที่ รร.แพทย์ได้เลย หมอต้องขอบคุณ สสส.ที่เห็นความสำคัญของสุขภาวะของคนข้ามเพศ คลินิกแก้ไขปัญหาเกิดขึ้นใน กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา นครนายก ภาคตะวันออก เราต้องร่วมมือกันทำงาน สังคมต้องใช้ความกล้าหาญส่งเสียงเพื่อเข้าใจหัวใจคนอื่น ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นการสร้างความรักที่ยิ่งใหญ่”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ออมสุขภาพ” รับวัยเกษียณ เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย

สังคมไทยเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ขณะนี้มีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ล้านคน จากจำนวนคนไทย 66 ล้านคน และในอนาคตคืออีก 60 ปีข้างหน้า

เด็กไทย 1 ใน 10 น้ำหนัก/ส่วนสูงหลุดเกณฑ์ กระทบสมอง เสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต ป่วย NCDs

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2566 โดยกรมอนามัย

วิจัยพบสังคมไทยเหลื่อมล้ำทุกมิติ สื่อสารในครอบครัวลดช่องว่างได้

ผลสำรวจเด็กและเยาวชนไทยปลอดภัยจากความรุนแรงออนไลน์ รั้งท้ายโลกเป็นอันดับที่ 29 เหนือกว่าอุรุกวัยเพียงประเทศเดียวเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบ 30 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2022

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ

ไขคำตอบ..ออกกำลังกายเป็นนิจ ตัวช่วยอายุยืนยาวห่างไกล NCDs

อุบัติการณ์โรคในยุคนี้ปรากฏว่า "โรคไม่ติดต่อ (NCDs)" กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คิดเป็น 75% ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด หรือเกือบ 4 แสนคนต่อปี

เปิดผลสำรวจวัยโจ๋ ขีดเส้นสนามกีฬาฟุตซอล ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน

เครือข่ายงดเหล้า และสสส. ส่งเสริมกีฬาเยาวชนจัดฟุตซอล No-L ชิงถ้วยพระราชทานฯ รร. ราชวินิต มัธยม คว้าแชมป์ไปครองสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์ 6:0 ในขณะที่ผลสำรวจร้อยละ 90 ต้องการให้สนามแข่งไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน และร้อยละ 84.8 คิดว่ากีฬาฟุตซอลทำให้เยาวชนเห็นคุณค่าของตัวเอง