ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ผู้ตรวจสอบการปฏิบัติงานในการจัดการการเลือกตั้ง ป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด เป็นตำแหน่งที่เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 28 และมาตรา 29 โดย
“ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อไว้
“ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด” หมายความว่า ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร
หน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด
ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด มีหน้าที่และอำนาจในจังหวัดที่ได้รับการแต่งตั้ง ดังต่อไปนี้
(1) ตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีอำนาจแจ้งเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องได้ ถ้าไม่มีการดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้รายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว
(2) ตรวจสอบการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือการกระทำใด ที่จะเป็นเหตุทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
(3) เข้าไปในที่เลือกตั้ง หรือสถานที่นับคะแนนเลือกตั้ง
(4) ปฏิบัติงานอื่นตามระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และตามที่ได้รับมอบหมาย
คุณสมบัติของผู้ตรวจการเลือกตั้ง
ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปี แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปี นับถึงวันสมัคร
(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับถึงวันสมัคร
(4) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
(5) มีความเป็นกลางทางการเมือง
(6) มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสีย
(7) มีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลักษณะต้องห้ามของผู้ตรวจการเลือกตั้ง
ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(2) เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง หรือกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
(3) เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในเวลาห้าปีที่ผ่านมาก่อนการแต่งตั้ง
(4) ติดยาเสพติดให้โทษ
(5) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(6) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
(7) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(8) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
(9) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(10) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
(11) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
(12) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี นับถึงวันสมัคร เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(13) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
(14) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษให้จำคุกเพราะกระทำความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(15) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
(16) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
(17) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(18) เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี
(19) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
(20) อยู่ระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(21) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ
(22) มีบุพการี คู่สมรส หรือบุตร เป็นหรือสมัครรับเลือกตั้งหรือรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(23) เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด แต่ได้ลาออก หรือ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติให้พ้นจากตำแหน่ง
***
ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ และการพ้นจากตำแหน่งของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด
ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด มีระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง ซึ่งต้องไม่ช้ากว่าสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง หรือการเลือกมีผลใช้บังคับ แต่ต้องไม่เร็วกว่าสามสิบวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ จนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของเขตเลือกตั้งทั้งหมด หรือวันประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี
การพ้นจากตำแหน่ง
ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก โดยยื่นหนังสือลาออกต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือกรรมการการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมาย
(3) คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดผู้ใด ขาดความสุจริต ขาดความเที่ยงธรรม มีความประพฤติเสื่อมเสีย ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ละทิ้งหน้าที่ หรือไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทำการขัดต่อระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สามารถ Add Friends (เพิ่มเพื่อน) เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ได้ที่ LINE Official Account : ECT Thailand https://lin.ee/jETxaeu
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต.อวยคณะก้าวหน้า ‘ธีรยุทธ’ชงปมเลือกสว.
“อิทธิพร” เปิดติวเข้มเลือกตั้งสภาสูง ย้ำอย่าพยายามฝ่าฝืนกฎหมายเพราะโทษหนัก
ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ
'ไอติม' ถาม กกต.เมื่อไหร่ระเบียบ-ประกาศเรื่องเลือก สว.จึงจะเสร็จ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
วุฒิสภา นัดถกรายงานเสนอ กกต. แก้กฎหมายเลือกตั้ง-พรรค ใช้โซเชียลหาเสียง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมในวันที่ 9 เม.ย. โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจ คือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.
'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' พูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค
“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” เป็นถึงทนายควรดูข้อกม.ให้ชัด อย่าพูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค มอง ตั้งใจลดทอนความเชื่อมั่นปชช.ต่อศาล ถาม มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ชี้ ใครทำผิดต้องยอมรับ ขออย่าก้าวล่วง
ไปอีกพรรค กกต.ประกาศให้สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง พรรคพลังไทรุ่งเรืองสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง