หยุดกังวล หยุดหงุดหงิด เกี่ยวกับปัญหาการเมืองเรื่องยุ่งๆ แล้วลองหาหนังสือนิทานมาอ่าน จะพบว่า การย้อนเวลากลับไปสู่อดีต ก็ช่วยให้เราผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญ ก็ให้แง่คิดกับเราได้หยุดทบทวนว่า ทางเลือกที่จะสร้างความสุขให้กับตัวเองนั้น อยู่ที่ตัวเรานั่้นแหละ ไม่มีใครมาบังคับกะเกณฑ์ได้ ถ้าเรามีมุมมองแสวงหาความสุข
นิทานคนละเรื่องแรก แต่เป็นเรื่องราวของมุมมองของคนเรา หากแต่ละมุมมองที่แตกต่าง ก็ย่อมตีความแตกต่างกันไป ...มาลองอ่านกันค่ะ
เรื่องแรก ..ย้อนกลับไปกว่า 50 ปี มีบริษัททำรองเท้าแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ คิดจะไปบุกเบิกการค้าที่กลุ่มคนป่าในทวีปแอฟริกา จึงได้ส่งพนักงานฝ่ายการตลาด 2 คนไปตรวจสอบว่า ตลาดรองเท้าสำหรับคนพื้นเมืองที่แอฟริกานั้นเป็นอย่างไรบ้าง
หลายเดือนผ่านไป พนักงานฝ่ายการตลาดทั้ง 2 คนก็นำรายงานกลับมา แต่คนทั้งสองมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน รายงานการตลาดที่ทั้งสองนำเสนอต่อบริษัทแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
คนแรกเห็นว่า “ไม่มีหวังจะขายรองเท้าของเราเลยครับ คนป่าที่นั่นไม่ได้ใส่รองเท้ากันเลยสักคน”
ส่วนคนที่สองบอกว่า “คงไปได้สวยทีเดียวที่เราจะไปบุกเบิกขายรองเท้าที่นั่น เพราะมนุษย์กินคนที่นั่นยังไม่มีรองเท้าใส่กันเลย และบริษัทคู่แข่งของเราก็ยังสำรวจไปไม่ถึง”
ถ้าเราเป็นผู้บริหารฟังแล้ว คิดว่าจะเลือกมองในมุมไหนดีล่ะ!!!
เรื่องที่สอง...มีหญิงชราคนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียว เมื่อเวลาที่ฝนตกเธอก็ร้องไห้ เมื่อเวลาอากาศดีฝนไม่ตกเธอก็ร้องไห้ ชายหนุ่มคนหนึ่งแปลกใจจึงถามหญิงชราผู้นี้ว่า “เพราะอะไรครับ เมื่อเวลาฝนตกยายก็ร้องไห้ เวลาอากาศดีฝนไม่ตกก็ร้องไห้”
หญิงชราตอบว่า “เพราะว่าป้ามีลูกชาย 2 คน ลูกชายคนโตขายน้ำแข็ง ลูกชายคนเล็กขายร่ม”
“เวลาที่อากาศดีฝนไม่ตก ป้าจึงคิดถึงลูกชายคนเล็กว่าต้องขายร่มไม่ดีแน่นอน และเวลาที่ฝนตกป้าก็คิดถึงลูกชายคนโต ว่าน้ำแข็งของเขาต้องขายไม่ดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกๆ วัน ป้าจึงได้กลุ้มใจและทุกข์ใจอยู่อย่างนี้”
ชายหนุ่มจึงบอกกับหญิงชราผู้นี้ว่า “ยาย..ยายมองอีกมุมหนึ่งไหมครับ วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศปลอดโปร่ง ฝนไม่ตก ยายควรจะดีใจกับลูกชายคนโตสิ ที่น้ำแข็งขายดี แต่ถ้าวันไหนฝนตก ยายก็ควรดีใจไปกับลูกคนเล็กด้วย ที่ร่มเขาขายดี”
ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร หญิงชราผู้นี้ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข
เป็นไงล่ะ...การเมืองเรื่องดรามาทั้งหลายที่มนุษย์ลุงมนุษย์ป้ากำลังเครียด เพราะผลลัพธ์ไม่ได้ดั่งใจ หากเราเลือกมองมุมที่จะช่วยให้เราสบายใจ ก็ควรรีบๆ ทำเสียแต่วันนี้ มิเช่นนั้น เงินออมที่เก็บไว้จะไปลั้ลลาที่นั่นโน่นนี่ อาจจะต้องไปอยู่ในกระเป๋าหมอแทนนะคะ.
"ป้าเอง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คำคม..น่าคิดตาม
จากเพื่อนส่งต่อเพื่อน สำหรับวัยเกษียณโดยเฉพาะ ซึ่งฝรั่งมังค่าได้เขียนไว้ และมีคนนำมาแปล ลองอ่านแล้วคิดตามนะคะ ว่า ถูกทุกข้อ...หรือเปล่า?!?
รถไฟ(ปู๊นๆ)..มาหานะเธอ
ต้องขอบคุณรัฐบาล "ลุงตู่" ไว้ในโอกาสนี้ ที่ทำให้การสัญจรเดินทางไปไหนมาไหนของมนุษย์ป้า ในวันที่ไม่อยากขับรถสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปตามเส้นทางรถไฟสายสีต่างๆ ตื่นตาตื่นใจกับโครงข่ายเหมือนใยแมงมุม
เดินเพลินๆ@ศูนย์ฯสิริกิติ์
รู้กันหรือเปล่าว่า ไม่มีงาน!! ศูนย์ฯ สิริกิติ์ก็เข้าไปใช้บริการได้
โลกหรือคน..เปลี่ยนไป?!?
อ่านเรื่องราวดรามาเกี่ยวกับเนื้อหาเพลง "คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ" ในวันนี้ ก็ให้รู้สึกมีอารมณ์ต้องรำพึงถามตัวเองว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หรือว่า คนนั่นแหละที่เปลี่ยน!!
วัฒนธรรมครอบครัว..วันนี้
สังเกตไหมว่า เดี๋ยวนี้เห็นพ่อแม่ลูก หรือครอบครัวไปนั่งรับประทานอาหารในร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในห้างหรือภัตตาคารดั้งเดิมตามตึกแถวซอกซอยต่างๆ นั้น เมื่อจับเมนูสั่งอาหารกันแล้ว มือของทุกคนก็จะมีสมาร์ทโฟนคนละเครื่องออกมาส่องๆ จิ้มๆ แล้วท่องอยู่ในโลกส่วนตัว
สุขภาพดี..อยู่ที่เรา
เป็นเรื่องแชร์กันต่อๆ ในโลกโซเชียลมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า ต้อนรับวันเกษียณอายุราชการแบบคึกคักก็ว่าได้ สำหรับข้อเขียนของ คุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ ที่ตอบข้อถามของคนวัยเกษียณท่านหนึ่งที่บอกว่า