ลากไส้“ดิ ไอคอน กรุ๊ป”แฝงแชร์ลูกโซ่ วัดฝีมือ“บิ๊กต่าย”ผบ.ตร.ป้ายแดง

ธุรกิจขายทางออนไลน์กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ไม่ต้องมีหน้าร้านเข้าถึงลูกค้าทางสมาร์ทโฟนได้ทุกช่องทาง ชำระเงินรับสินค้าสะดวกรวดเร็วส่งตรงถึงหน้าบ้าน แต่กลับกันก็เป็นอีกช่องทางของเหล่ามิจฉาชีพใช้หลอกลวงต้มตุ๋น สารพัดกลโกง หลอกลวงลงทุน ลวงโอนเงิน ลวงซื้อสินค้า มูลค่าความเสียหายจากภัยออนไลน์หลายหมื่นล้านต่อปี

"แชร์ลูกโซ่" เป็นอีกธุรกิจสีเทาที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมากในหลากหลายรูปแบบ แต่ที่เหมือนกันคือขายฝัน แอบอ้างสร้างความน่าเชื่อถือ เสนอผลตอบแทนที่สูงลิ่ว หาสมาชิกระดมทุน ที่มักจะแฝงมาในรูปแบบ “ธุรกิจขายตรง” เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่

ธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” ไม่ใช่เพิ่งเกิด มีทั้ง “แชร์แม่ชม้อย-แชร์ยูฟัน ล่าสุด “โฟร์เล็กซ์ ทรีดี” ใช้โมเดลเทรดเดอร์ซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศ โดยมีดาราสาวเบอร์ต้นๆ ของประเทศเป็นพรีเซนเตอร์ จนต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำช่วงหนึ่ง  “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” จดทะเบียนธุรกิจการตลาดแบบตรง กำลังถูกลากไส้ทำธุรกิจแฝง “แชร์ลูกโซ่” ฟันรายได้ปีละหลายพันล้านบาท โดยมี "บอสพอล" วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นซีอีโอบริษัท จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม โดยมีศิลปิน-ดาราชื่อดังอย่าง “แซม” ยุรนันท์, “กันต์” กันตถาวร, "มิน" พีชญา เป็นพรีเซนเตอร์หลัก

การดำเนินธุรกิจ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” มีสมาชิกในระดับต่างๆ  กว่า 368,257 ราย แบ่งเป็น “ร้านค้าปลีก” distributor (ลงทุน 2,500 บาท) จำนวน 285,833 ราย (714,582,500 บาท) “หัวหน้าทีม” Supervisor (ลงทุน 25,000 บาท) 43,976 ราย (1,099,400,000 บาท) “ตัวแทนจำหน่าย” Dealer (ลงทุน 250,000 บาท) 31,972 ราย (7,993,000,000 บาท) และตัวแทนจำหน่าย (เล็ก) Mini Dealer : 6,476 ราย

 “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ร้อนเป็นไฟเมื่อกลุ่มผู้เสียหายลงทุนไปแล้วแต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ แต่ในทางกลับกันกลับถูกชักชวนให้เพิ่มยอดการลงทุน ให้หาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้ได้รับค่าตอบแทน ยิ่งเดินหน้าธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ยิ่งตัน ไม่สามารถจำหน่ายได้ ค้างสต๊อกจนสินค้าหมดอายุ ไม่ได้รับการดูแล กลายเป็นว่าธุรกิจเน้นหาสมาชิกลงทุน ไม่ได้โฟกัสที่การขายผลิตภัณฑ์ สมาชิกหลายรายต้องสิ้นเนื้อประดาตัว บางรายฆ่าตัวตายหนีหนี้สินที่ไปกู้มาลงทุน หลายครอบครัวเดือดร้อนในลักษณะเดียวกัน จึงรวมตัวเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

 “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. “ป้ายแดง” โดดลงมาเล่นด้วยตัวเอง พลันที่เกิดเหตุ “บิ๊กต่าย” เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจไซเบอร์ ตำรวจ บก.ปคบ.เข้าประชุมทันที พร้อมตั้งคณะทำงานเร่งคลี่คลายคดี โดยมี “บิ๊กอ้อ” พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้ากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมออกคำสั่งตั้งศูนย์รับแจ้งความที่กองปราบ โดยจัดห้องประชุมขนาดใหญ่ไว้รองรับ ระดมเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน 70 นายต่อวันคอยรับแจ้งความ พร้อมกับมีหนังสือเร่งด่วนสั่งการไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้รับแจ้งความในคดีดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางมาให้เสียเงินเสียเวลา กำชับหากใครปัดความรับผิดชอบสั่งฟัน ม.157 ทันที

ซึ่งเวลาเพียงไม่กี่วันยอดผู้เสียหายทะลุพัน มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ตำรวจทำงานเชิงรุกขอหมายศาลเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐาน ทำให้ "บิ๊กบอส" ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่ทันตั้งตัว ดิ้นกันพล่านหวั่นถูกออกหมายจับชิงเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อน แต่ไม่ทัน “บอสพอล” ตกเป็นผู้ต้องหาทันที เช่นเดียวกันกับเหล่า "บอสดารา" เข้าวลีที่ว่า “หมาตายเห็บเหากระโดดหนี” ตกเป็นผู้ต้องหากันถ้วนหน้า

ถึงแม้จะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความ แต่ตำรวจมองเห็นแล้วว่าอาจจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หรือหลอกร่วมลงทุน “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ทำหนังสือถึง ปปง.ทันที เพื่อเบรกทรัพย์ที่อาจจะถูกโยกย้ายถ่ายเท พร้อมไปพบผู้เสียหายที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. ให้ความเชื่อมั่นเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครโดยไม่มีการช่วยเหลือกัน เป็นการซื้อใจเรียกความศรัทธาให้กับผู้เสียหาย ตำรวจยังเป็นที่พึ่งได้

การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อพยานหลักฐานมีครบชัดเจน เหลือเพียงประมวลหลักฐานว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานใด แต่โจทย์ของ “บิ๊กต่าย” ผบ.ตร.คนใหม่ จะไม่สิ้นสุดแค่นี้ ข้อมูลเชิงลึกพบว่าการดำเนินธุรกิจของ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ถึงแม้จะมีการจดทะเบียนกับ สคบ.เป็นธุรกิจขายตรงมาตั้งแต่ปี 61 แต่พบว่าเริ่มมีการซิกแซก ระดมทุน หาสมาชิกเครือข่าย ผิด พ.ร.บ.ขายตรง ทำให้เกิดช่องโหว่ เปิดแผลให้สัมภเวสีเข้ามาเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่ง "บอสพอล" เองก็ยอมรับว่ามีการจ่ายเงินให้กับนักร้อง ทนายความ นักการเมือง

ซึ่งก็ไม่แปลก ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถูกร้องเรียนไปที่ สคบ.ตั้งแต่ปี 62 ถึงความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินธุรกิจที่อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ แต่ธุรกิจกลับขยายใหญ่โตได้ถึงปี 67 ฟาดกำไรเป็นหมื่นล้าน มีรายงานว่าที่ผ่านมามีการจ่ายสินบนเทวดากันหลายหน่วย ทั้ง สบค. ดีเอสไอ รวมทั้งตำรวจไซเบอร์ ตำรวจ ปคบ. ซึ่งเป็นเจ้าภาพทำคดีอยู่ในขณะนี้ ลามไปยังสภา โดยมีคลิปเสียงของ "บอสพอล" สนทนากับนักการเมืองใน กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค เรียกรับสินบนวิ่งเคลียร์เปิดทางธุรกิจ

คดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกัน “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หัวขบวนต้นทางกระบวนการยุติธรรม ที่สังคมกำลังเฝ้าจับตามองการทำงาน ซึ่ง “บอสพอล” ก็ตั้งการ์ดสูงตั้งทีมทนายเข้าสู้ ถ้าไม่มีแบล็กใหญ่จริงคงอยู่มาไม่ได้จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหลายปีที่ผ่านมาล้วนมีตำแหน่งใหญ่โต หรืออาจจะมีนักการเมืองที่ใหญ่กว่าคนในคลิปเสียงคอยหนุนหลังก็เป็นได้ แล้วเมื่อการสอบสวนไปเจอตอจะกล้าแตะหรือไม่

 “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐพยายามเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่ถูกเด้งไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อมีรายงานว่ามีหน่วยงานของตำรวจอย่างน้อย 2 หน่วยคือ ตำรวจไซเบอร์ ตำรวจ ปบค. รับสินบนจาก “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ผบ.ตร.ต้องกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดเสียก่อน มะเร็งร้ายต้องตัดทิ้ง ถ้าทำได้คดีนี้จะเป็นผลงานชิ้นแรกในฐานะ “พิทักษ์ 1” อย่าให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเน่าเฟะด้วยผลประโยชน์ธุรกิจสีเทาเหมือนที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นโยบายที่“อิ๊งค์”ไม่กล้าพูด เรื่องสำคัญกว่าผลงาน90วัน

บรรดากองเชียร์รัฐบาลเพื่อไทยอาจจะชื่นชม หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เล่นใหญ่ เปิดสตูดิโอ 4 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ยืนเดี่ยวไมโครโฟน

แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?

ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม

กม.สกัดรัฐประหาร‘ส่อแท้ง’ พรรคร่วมไม่อิน-ไม่เอา

ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ฉบับ ‘หัวเขียง’ ที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเสนอ ส่อแวว ‘แท้ง’ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น

จับ“ไทย”ชน“เมียนมา” เด้งเชือกรับมือเกมมหาอำนาจ

หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง

พท.ยึดอำนาจกองทัพ สกัดลากรถถังตรึงทำเนียบฯ

เรียกเสียงครางฮือไปทั่วแวดวงทหารและแวดวงการเมือง กับการขยับของ สส.เพื่อไทย ที่เข้าชื่อกันเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เข้าสภาฯ ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์ของสภาฯ

เพื่อไทยแจกเงินรัฐถังแตก? แผนสะดุดอดปล้นแวต15%

แม้รัฐบาลเพื่อไทยจะมั่นอกมั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระหลังมีภูมิคุ้มกันด้วยพลังแฝง จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำรัฐบาล