ย้อนเกล็ดซักฟอกโชว์ผลงาน!

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ  ลงพื้นที่ไม่ใช่ส่งสัญญาณทางการเมือง   ยันพร้อมรับศึกซักฟอก แถมยังใช้เป็นเวทีโชว์ผลงานของรัฐบาลด้วย ลูกพรรคธรรมนัสประกาศลั่น ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ ไม่ร่วมลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ขณะที่เพื่อไทยตีปี๊บ "บิ๊กตู่" เข้าตาจนแล้ว

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกิจกรรม "เดินไล่ตู่" ที่กลุ่มมวลชนต่อต้านรัฐบาลจัดขึ้นว่า การจัดกิจกรรมเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่ขอให้ผู้จัดกิจกรรมคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นด้วย จึงควรวางแผนไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของพี่น้องประชาชนที่ใช้ชีวิตตามปกติและป้องกันควบคุมไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ที่ไม่เห็นด้วย การชุมนุมต้องเป็นไปตามกฎหมาย ชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ และให้เกียรติกัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายและทุกช่องทาง รวมถึงกระบวนการทางสภาผู้แทนฯ ที่มีตัวแทนของประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว

โฆษกรัฐบาลบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความห่วงใยผู้ชุมนุมและประชาชนที่สัญจรไปมา โดยขอให้ทุกคนเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน และฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ด้วย

นายธนกรกล่าวถึงการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ จ.สกลนคร วันที่ 15 มิถุนายนนี้ว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ ไม่ได้เป็นสัญญาณทางการเมืองอะไร เพราะตามปกติหากนายกฯ มีเวลาก็จะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่เคยสั่งการไปแล้ว ในครั้งนี้ที่ จ.สกลนคร เป็นการติดตามโครงการพระราชดำริที่เกี่ยวกับภาคการเกษตร ฉะนั้นการลงพื้นที่ของนายกฯ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย แต่เป็นการติดตามผลสัมฤทธิ์ของโครงการของรัฐบาล ซึ่งสำเร็จไปแล้วหลายโครงการ

เมื่อถามถึงกรณีการลงพื้นที่ร่วมกับพล.อ.อนุพงษ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีอย่างพร้อมหน้า ถือเป็นการเช็กกระแสความนิยมของตัวเองก่อนการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า คงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่อยู่ที่เวลาของทั้ง 3 คนว่างพร้อมกันหรือไม่ หากว่างพร้อมกันก็ไปด้วยกัน เพราะมีหลายโครงการที่ต้องบูรณาการร่วมกันหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ นายกฯ ยังชอบลงพื้นที่อยู่แล้ว เพราะต้องการพบปะกับพี่น้องประชาชน เพื่อดูทุกข์สุขของประชาชน ทั้งยังเป็นช่องทางหนึ่งที่พี่น้องประชาชนจะได้สะท้อนปัญหาให้นายกฯ โดยตรง

"คิดว่าวันนี้พี่น้องประชาชนให้การต้อนรับนายกฯ เป็นอย่างดี เพราะนายกฯย้ำเสมอว่าจะต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทุกกลุ่ม โดยไม่เลือกว่าจังหวัดใดจะเลือกพรรคการเมืองใด หรือจะช่วยประชาชนที่เคยเลือกพรรคเท่านั้นเหมือนที่อดีตนายกฯ คนหนึ่งพูด นายกฯ ไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด นายกฯมองประชาชนทุกคนคือคนไทยด้วยกัน จึงจะไปทุกพื้นที่ ผมเชื่อว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนได้เห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจของนายกฯ ในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด-19 ซึ่งทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว"

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่และการทำงานในช่วงนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ หมายความว่ามีความชัดเจนที่จะชิงตำแหน่งเพื่อเป็นนายกฯ ต่อไปใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติที่สามารถเป็นผู้นำได้ต่อไป เพราะมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีประสบการณ์ความสามารถในการบริหารงาน หากมองด้วยใจที่เป็นธรรม ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังทำงานได้ดี เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันเป็นภาวะที่ไม่ปกติ เพราะมีผลกระทบจากโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน และวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ประดังเข้ามาเยอะมาก สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ตนคิดว่าทำได้ดี

เวทีโชว์ผลงานรัฐบาล

ถามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์จนต้องสะดุดลงใช่หรือไม่ โฆษกรัฐบาลตอบว่า ไม่มีปัญหา เพราะการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา เห็นแล้วว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพและมีความมั่นคง ดังนั้นนายกฯ จึงมีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อยู่แล้ว และคิดว่าจะกลายเป็นเวทีหนึ่งที่ทำให้นายกฯ และรัฐมนตรีแต่ละคนได้ชี้แจงในสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายได้ รวมทั้งยังสามารถใช้เป็นเวทีนำเสนอผลงานของรัฐบาลได้ด้วย

 นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถามนายกรัฐมนตรีฟื้นหวยบนดินนั้นเป็นเพราะรัฐบาลต้องการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะหรือไม่ และเชื่อถ้าหวยบนดินยุคนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียังอยู่ รายได้จะเข้ารัฐเป็นแสนล้าน เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอกอีกหลายร้อยคนว่า ขอชี้แจงว่าที่ผ่านมาภาครัฐได้หามาตรการต่างๆ ออกมาแก้ไขปัญหาราคาสลากแพง เพื่อช่วยให้ประชาชนซื้อสลากได้ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งได้เดินมาถูกทางแล้ว 

ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงแล้วภายในปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์สลากตัวเลข 3 หลัก จะคล้ายกันกับหวยใต้ดิน 2 ตัว 3 ตัว อยู่ระหว่างการดำเนินการ ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบ ก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะมีการพิจารณาอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกันกับการออกหวยบนดินในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ 

“สมัยที่นายทักษิณออกหวยบนดิน แล้วเอามาอ้างว่าจะนำรายได้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ของเยาวชน แต่สุดท้ายถูกดำเนินคดี เพราะได้เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดิน แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับไม่ได้มีการยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้การบริหารงานขาดทุน ทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้ผู้ที่ถูกรางวัล ขณะเดียวกันเงินรายได้กว่า 80% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัล และส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคมนั้น มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล"

นายชนะศักดิ์กล่าวว่า เห็นแล้วว่ารัฐบาลยุคเพื่อไทยไม่ได้ตั้งใจที่อยากจะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยแท้จริง ซึ่ง น.ส.อรุณีอย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองเหมือนที่พรรคเพื่อไทยทำ อย่าใช้นิสัยฝ่ายค้านที่ดีแต่จะค้านทุกเรื่อง ไม่หันไปศึกษาย้อนอดีตที่พรรคตนเองทำเสียหายไว้อย่างไร ตรงกันข้ามรัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ไม่เหมือนรัฐบาลนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ทำอะไรก็มองเห็นแต่คนในครอบครัวและพวกพ้องญาติพี่น้องได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้า

ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะที่นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางและจุดยืนของพรรค ศท. หลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่าทิศทางและจุดยืนของพรรคเรามีความชัดเจนมาตลอดว่าพรรคเรายืนในหลัก ไม่ว่าจะเรื่องของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่หากเป็นประโยชน์ของประชาชน เราก็โอเคและสนับสนุน แต่หากไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ เราก็ไม่เห็นด้วย แม้วันนี้เราจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่มีรัฐมนตรีอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยังมี ส.ส.ของพรรคเป็นวิปร่วมรัฐบาลอยู่ แต่หากเรื่องนั้นขัดต่อแนวทางของพรรค เราจะไม่ตามทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า จากกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่ามีเพียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่น่าเป็นห่วง แต่ก็ยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร ตรงนี้จุดยืนของพรรค ศท.ในการลงมติรัฐมนตรีแต่ละคนจะเป็นอย่างไร นายบุญสิงห์กล่าวว่า เนื่องจากพรรค ศท.ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราคงไม่ร่วมลงชื่ออภิปราย จึงจะขอฟังข้อมูลการอภิปรายก่อน

ถามต่อว่า มองว่าพรรคฝ่ายค้านมีจุดมุ่งหมายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของการทำงานทั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้และรัฐบาลอย่างไร นายบุญสิงห์กล่าวว่า ฝ่ายค้านคงจะถือโอกาสนี้ ที่จะเอาสิ่งที่ฝ่ายค้านยังค้างคาใจอยู่ ที่อาจจะเป็นข้อมูลเด็ดตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งหากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ชัดเจนได้ ตนว่าสังคมก็สนใจ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะมีผลอย่างไรต่อรัฐบาลหรือนั้น ก็อยู่ที่ข้อมูลของฝ่ายค้านที่จะนำเสนอและสามารถชี้เรื่องจุดบกพร่องของรัฐบาลออกมาได้ ตนคิดว่าก็จะมีผลกระทบ แต่หากข้อมูลไม่มีน้ำหนักก็อาจจะไม่สามารถไปกระเทือนรัฐบาลได้เท่าไร

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุไม่อยู่จนตายคารัง อาจเป็นนายกฯ นานหน่อย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชน ว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจกำลังส่งสัญญาณแสดงถึงความไม่มั่นใจในการก้าวเข้าสู่ 3 สมรภูมิสุดท้าย ที่กลายเป็นอุปสรรคขวากหนามสำคัญ คือ

1.การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 151 2.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 3.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือน ส.ค.2565

มึงมาไล่ดูสิ”

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ถ้าไม่เข้าตาจน พล.อ.ประยุทธ์อาจไม่นึกถึงประชาชน ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่ออก “มึงมาไล่ดูสิ” มาวันนี้บอกว่าอยู่หรือไปขึ้นกับประชาชน สวนทางในสิ่งที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐบอกตั้งแต่แรกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การให้ ส.ว. 250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นหลักฐานยืนยันชัดว่า การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์สวนทางกับคำพูดหรือไม่ ถ้ามีความจริงใจควรแสดงความมุ่งมั่นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี เป็นทางออกประเทศ และอย่าไปโบ้ยให้เป็นหน้าที่ของสภา เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จริงใจ จะแก้ไขได้หรือไม่ ประชาชนทราบดี การเลือกตั้งที่ฟังเสียงของประชาชนโดยแท้จริง ประชาชนมีอำนาจในการกำหนดตัวบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง อย่างเช่นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันคึกคัก เมื่อได้ผู้นำที่ประชาชนเลือกมาเองกับมือ วันแมนวันโหวต ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร สง่างามและเป็นธรรม ประชาชนยอมรับมากเพียงใด

“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งรู้ตัวว่าการเป็นนายกฯ 8 ปีนานไปหน่อย ขอให้รู้ว่าประชาชนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคตและโอกาสมานานมากกว่าที่พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกมาก การแก้ไขกติกาให้เป็นธรรม สุจริต และเที่ยงธรรม ยึดโยงกับประชาชน ต้องลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อย” นายอนุสรณ์กล่าว

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า ในส่วนพรรค ก.ก. ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อมอย่างละเอียด ตามมาตรฐานของพรรค โดยมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ซึ่งเป็นการคัดเลือกข้อมูลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างดีที่สุด และยืนยันว่าเราทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอน เนื่องจากทุกครั้งที่เราทำ เราจะมีข้อมูลโยงถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะเป็นประเด็นที่ทางฝ่ายรัฐบาลจะไม่สามารถตอบได้ นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ และต้องมีการตรวจสอบหาความเชื่อถือว่าส่วนไหนที่สามารถโยงถึงตัวรัฐมนตรี (รมต.) อีกครั้ง

เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายค้านแบ่งการอภิปรายรัฐมนตรีและประเด็นกันเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อม ซึ่งประเด็นในการอภิปรายจะรวมกัน แต่ข้อมูลของแต่ละพรรคจะแยกกัน ในส่วนของรายละเอียดจะมีการเปิดเผยในวันอภิปรายจริง

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อถามว่า คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ รมต.ที่ถูกอภิปรายจะเคลื่อนไหวเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดต่อไปอย่างไร เพราะพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) และพรรคเล็กยังเป็นเสียงสวิงโหวต นายธีรัจชัยกล่าวว่า พรรค ศท.และพรรคเล็กถือเป็นตัวแปรสำคัญ เขาต้องการล็อกเสียงเป็นธรรมดา

“ผมขอเรียนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อยากให้ทุกพรรคอย่าคิดว่าเป็นฝักเป็นฝ่าย ถ้ารัฐมนตรีคนไหนที่ไม่สามารถตอบได้หรือนายกรัฐมนตรีไม่สามารถตอบได้ ก็ควรจะลงคะแนนอย่างตรงไหนตรงมา อย่าไปล็อบบี้หรือทำอะไร อย่างที่เคยมีมาในอดีต หากทำแบบนี้จะทำให้สภาเสียหาย และถ้าครั้งนี้ทุกฝ่ายได้ฟังข้อมูลอย่างละเอียด และขอให้ตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมาก” นายธีรัจชัย กล่าว

เมื่อถามต่อว่า จะเกิดการต่อรอง แจกกล้วย หรือต่อรองตำแหน่ง รมต.กันเข้มข้นหรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อตำแหน่งว่างจะเกิดการต่อรองขึ้น เพื่อเป็นเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จะเป็นอย่างไรไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ยังไม่มีเรื่องพรรคฝ่ายค้านหารือกับกลุ่มสวิงโหวตเพื่อโหวตไม่ไว้วางใจ

ถามว่า รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มถูกดำเนินคดี เช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า อาจเป็นเรื่องจังหวะพอดี แต่ทำให้ความเชื่อถือของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่าย รมต.ที่มีจะลดลงไป ซึ่งนั่นอาจเป็นประเด็นหนึ่งที่เป็นตัวเสริมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น แต่ไม่ใช่เพราะการเมืองที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าว

“ช่วงสมัยสุดท้ายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ รัฐมนตรีต้องเสียหายอย่างมาก อาจจะถึงขั้นหลุด ถ้าไม่สามารถตอบได้จริง อะไรก็เกิดขึ้นได้” นายธีรัจชัยกล่าว

สำหรับการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คนที่ใช้ชื่อกิจกรรมว่า “เดินไล่ตู่” เริ่มต้นขึ้นเวลา 15.30 น. นำขบวนด้วยรถจักรยานยนต์ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชูสามนิ้วไปตลอดทาง เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเส้นทางเดินขบวน ผ่านแยกผ่านฟ้าลีลาศ เข้าถนนหลานหลวง ไปยังแยกยมราช แล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเดินตรงแล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี เดินต่อไปใต้รถไฟฟ้า มุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมระยะทางเกือบ 5 กิโลเมตร โดยตลอดเส้นทางมีการตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์อยู่เป็นระยะๆ รวมถึงการบริหารงานที่ล้มเหลว นอกจากนี้ยังมีป้ายประท้วงเขียนข้อความยกเลิก ม.112 อีกด้วย.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง