‘3ป.’เคลียร์ไม่ปรับครม. ป๊อกแจงปากน้ำงบเยอะ

"ประวิตร" ปัดตอบนั่งมท.1 เผย "3 ป." คุยกันแล้ว ขณะที่ "บิ๊กป๊อก" ยอมรับ ส.ส.ปากน้ำไม่ไว้วางใจเหตุดูแลงบไม่ดี โยนนายกฯ ตัดสินใจปรับครม. ไม่แตกกันถ้าหลุดเก้าอี้  "วราวุธ" เคลียร์ใจ "จุรินทร์" ยกเป็นผู้ใหญ่ ไม่ติดใจปม 3 ส.ส.ชทพ.โหวตสวน ด้าน "พรรคเล็ก" รุดเคลียร์ปมสลิปแจก-รับกล้วยหวั่นตายหมู่ “เลขาฯ ป.ป.ช.” เผยไม่เหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีสีหน้าหงุดหงิดกับข่าว ส.ส.สมุทรปราการ 6 คนซึ่งโหวตสวน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาเรียกร้องให้ปรับ ครม. และเสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โยกไปเป็น รมว.มหาดไทย แทน พล.อ.อนุพงษ์ โดยมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์สงสัยว่าเหตุใด ส.ส.สมุทรปราการ 6 คนถึงกล้าแสดงออกขนาดนี้

ขณะที่ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ได้นั่งจิบกาแฟหารือกันในห้องเล็กตามปกติเหมือนทุกครั้ง โดยมีรัฐมนตรีสลับกันเดินเข้าไปพูดคุย ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ที่ปกติมีท่าทีนิ่งเงียบอยู่แล้ว แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าดูเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าปกติ ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานเองพยายามหลีกเลี่ยงให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณี 6 ส.ส.สมุทรปราการโหวตสวน 

พล.อ.อนุพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกดดันให้ปรับ ครม. ในตำแหน่ง รมว.มหาดไทยว่า เป็นการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี ส่วนการที่ ส.ส.สมุทรปราการต้องการให้ รมว.มหาดไทยเข้าไปดูแลพื้นที่ จ.สมุทรปราการมากขึ้นนั้น อยากให้เข้าใจว่าการดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเรื่องซับซ้อน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ของบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และทางจังหวัด จะเป็นเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาลตำบลเท่านั้น ส่วนเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร ทาง อบจ.เขาขอตรงกับสำนักงบประมาณ ดังนั้นเทศบาลกับ อบจ.ของบอุดหนุนกว่าแสนล้านบาท ซึ่งงบปี 66 ที่สำนักงบประมาณกำลังพิจารณาให้ประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าคิดสัดส่วนก็ถูกตัดไป 2 ใน 3 ซึ่งเกณฑ์การตัดก็เป็นเกณฑ์ของสำนักงบประมาณ ในส่วนของจังหวัดสมุทรปราการ ปกติไม่ค่อยของบประมาณ เพราะมีงบประมาณมากอยู่แล้ว ปีนี้ขอมา 40 ล้านบาท ก็ผ่านการพิจารณาของสำนักงบประมาณไปบ้างแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จะแปรญัตติหรือจะตัดอย่างไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้จะต้องพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ไปคุย เพราะก็น้อมรับอยู่แล้ว ส.ส.ต้องการทำงานในพื้นที่ ต้องการได้โครงการ แต่งบประมาณมีจำกัด ต้องพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งเราก็มีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจเขา

"ไม่มีปัญหา แต่สื่อถามไปถึงเรื่องเลือกตั้งเลยหรือ ผมไม่เกี่ยว ถ้าจะมีการปรับอะไรอยู่ที่นายกฯ และก็ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะปรับอย่างไร 3 ป.ไม่มีแตก ไม่มียึดติดกับเรื่องที่จะต้องแตกหรืออะไร 3 ป.อยู่กันมาค่อนชีวิตแล้ว 50 กว่าปีที่อยู่กันมาก็รู็ดี รองนายกฯ เป็นทั้งเจ้านายเก่า เป็นทั้งพี่เลี้ยงที่สอนผมมา เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา  ถ้านายกฯ จะปรับอย่างไรท่านก็ปรับได้เต็มที่เลย ผมก็ไม่มีอะไร” รมว.มหาดไทย ระบุ

เมื่อถามว่า น้อยใจหรือไม่ที่นักการเมืองไม่เข้าใจสไตล์การทำงาน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่น้อยใจ เป็นเรื่องการเมือง เราก็ทำไปตามกฎเกณฑ์ แต่ถ้าจะพูดอีกมุมหนึ่ง ถ้าตนทำอย่างนี้พรรคฝ่ายค้านทั้งหมดก็ต้องนับถือตน แต่เราต้องเข้าใจการเมือง เพราะทาง ส.ส.ก็ต้องการโครงการไปดูแลพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องปกติ ตนก็น้อมรับในส่วนนี้ ส่วนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ในการอภิปรายตนก็ชี้แจงได้ ไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ แต่เป็นเรื่องที่ ส.ส. คิดว่าเราจะต้องดูแลให้ดีกว่านี้เท่านั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งต้องขอบคุณที่ได้ช่วยกันทำข้อมูลให้รัฐบาลชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนเข้าใจ และรับทราบให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในหลายๆประเด็นด้วยกันตามเวลาที่มีอยู่ในการชี้แจงต่อสภา และเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ก็จะนำไปแก้ไขปรับปรุงการทำงานของรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมากขึ้นต่อไป เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคนทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ตนจะขอใช้เวลาที่มีอยู่หลังจากที่ต้องใช้เวลาไปมากพอสมควรในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในการเตรียมการอภิปรายอะไรก็แล้วแต่ ฉะนั้นงานต่างๆ ก็ยังมีเยอะ อยู่ที่เราต้องแก้ไขและต้องทำอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นขออย่างเดียว ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็แล้วกัน ช่วยกันรักษากฎหมาย ตนไม่ไปก้าวล่วงอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องไปรับผิดชอบกันเอาเอง

 “ดังนั้นการจะทำอะไรก็ตาม ผมก็เป็นประชาชนเหมือนกัน ผมไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือคนอื่นเลย เป็นเรื่องของกฎหมาย ผมรับการตรวจสอบทุกประเด็นทุกกรณี คดีต่างๆ ผมก็มีอยู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่มี ก็ต่อสู้ไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ว่าไม่ต้องรับการตรวจสอบอะไรทั้งสิ้น คงไม่ใช่เพราะผมก็มีสิทธิ์เท่ากับท่าน เพียงแต่ผมมีหน้าที่มีความรับผิดชอบมากหน่อย แต่ผมไม่ได้เรียกร้องจากใครในสิทธิพิเศษ ไม่เหมือนคนอื่นก็ไม่ได้ ก็ต้องเท่าเทียมกันทางด้านกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

เมื่อถามว่า ใน ครม.กำชับรัฐมนตรีเรื่องการทำงานอย่างไรในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้ทำงานให้เร็วขึ้น และปลอดภัย สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ถ้ามีเรื่องใดที่ไม่ชอบมาพากล หรือมีเรื่องร้องเรียนสั่งให้หยุดการกระทำ ตนก็หยุด ไม่ใช่ว่าเขาบอกให้หยุดแล้วไม่หยุด มันก็จะมีเรื่องต่อๆ ไป ตนก็หยุดเท่านั้นเอง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขอความชัดเจนเรื่องการปรับ ครม.จากปากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์แล้ว แต่ไม่บอกว่าคุยอะไร แต่คุยกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนมีการคุยเรื่องการปรับ ครม.หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่มี ไม่รู้

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรจะไปนั่งตำแหน่งว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ที่คุยไม่ได้คุยเรื่องนี้

นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุผลในการโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ว่า ตลอดกว่า 3 ปี ส.ส.ในกลุ่มพยายามผลักดันการพัฒนาพื้นที่มาตลอด แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ประชาชนก็มีคำถามว่ามี ส.ส.ตั้งหลายคน แต่ทำไมไม่มีผลงานเลย ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าใจ ส่วนการที่ พล.อ.ประวิตรระบุว่าปรับ ครม.ครั้งหน้า สมุทรปราการ จะได้รัฐมนตรีนั้น ทำให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตา การที่ ส.ส.อยากให้ท่านมีตำแหน่งที่ดีที่สุดในรัฐบาล หรือสนับสนุนให้เป็น รมว.มหาดไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 3 ส.ส.ของพรรค ชทพ.ลงมติงดออกเสียงนายจุรินทร์ว่า พรรค ชทพ.และพรรค ปชป.ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้นเป็นรัฐบาล ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ตอนลงคะแนนให้นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไปในทิศทางเดียวกันหมด ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเราได้ทำความเข้าใจกัน ซึ่งนายจุรินทร์เป็นผู้ใหญ่มาก ไม่ได้ติดใจอะไร ในส่วนของพรรคชทพ. คงไปหารือกันกับทางผู้ใหญ่ในพรรคอีกครั้งว่าจะมีมาตรการอย่างไร เพราะตอนที่เกิดขึ้นก็ตกใจพอสมควร

ที่รัฐสภา นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะเข้าพบ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. และ นายพีระวิทย์  เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ว่า จะเข้าพบในเรื่องให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย หยุดเรื่องการปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับการรับเงินในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจทำให้เกิดการยื่นร้องยุบ พปชร.ได้ เพราะในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างที่ ร.อ.ธรรมนัสเป็นเลขาธิการพรรค พปชร.

นายคฑาเทพยืนยันว่า ไม่ได้มีการรับกล้วย และไม่มีการรับเงินรายเดือนใดๆ ซึ่งเอกสารที่ถูกเผยแพร่ออกมาทางไลน์ เป็นเอกสารเกี่ยวกับการเซ็นยืนยันเพื่อเข้าการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเล็ก ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า ในการเซ็นร่วมประชุม มีทั้ง ส.ส.พปชร.ด้วย แต่ทำไมไม่มีเอกสารเผยแพร่ออกมา มีแต่ของพรรคเล็กร่วมรัฐบาลกลุ่ม 16 ซึ่งเห็นว่าอาจเป็นปัญหาขัดแย้งส่วนตัว แล้วทำให้กระทบกันหมด ส่วนที่มีข้อมูลว่าเป็นการกู้ยืมนั้นขอให้ไปถามนายพีระวิทย์ โดยมั่นใจหากกระบวนการไปถึงศาลก็สามารถที่จะชี้แจงในข้อเท็จจริงได้ และชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง ยอมรับว่ารู้สึกโกรธเคืองที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโสเภณีทางการเมือง “ใครกล้ายื่นร้องก็ยื่นไป เพราะไม่กลัว ยื่นเสร็จพรรคคุณก็ตาย เพราะชี้แจงก็อยู่แล้ว ให้เอาไหมจะวุ่นนะ พรรคการเมืองใหญ่ไปหมด เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก็จะทำให้ลุงตู่อยู่ต่ออีก 8 ปี"

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ในฐานะนายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย เปิดเผยว่า พรรคเศรษฐกิจไทยให้โอกาสกรณี ส.ส.ของพรรคจำนวน 3 ราย  ได้แก่ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์, นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี และนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก ที่ฝ่าฝืนมติพรรคในการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวม 11 คนนั้น ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยได้ส่งหนังสือไปยัง ส.ส.ทั้ง 3 รายดังกล่าว เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากปรากฏว่าในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีพฤติการณ์ที่ไม่ร่วมกิจกรรมของพรรค และมีการแสดงออกที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรค ทั้งบทบาทในสภาผู้แทนราษฎรและบทบาทนอกสภาผู้แทนราษฎร จึงขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งไปที่สำนักงานใหญ่ของพรรค ภายในวันที่ 1 ส.ค.นี้ หากไม่ส่งคำชี้แจงภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าไม่ประสงค์จะชี้แจง

วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบกรณีไลน์หลุดประเด็น ส.ส.กลุ่มพรรคเล็กรับเงินว่า ป.ป.ช.ได้ให้สำนักการข่าวและกิจการพิเศษรวบรวมข้อมูลอยู่ ตั้งแต่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีการตั้งวอร์รูมอยู่เพื่อเฝ้าติดตามรับฟังว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นใดบ้าง รวมทั้งมีกระแสข่าวที่มีความต่อเนื่อง เช่น กรณีที่มีสลิปการโอนเงินหลุดออกมาจนทำให้สื่อมวลชนสนใจ เราก็มีการมอนิเตอร์อยู่ และรวบรวมข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ หากถามว่าจะมีการเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เมื่อไหร่นั้น ก็ต้องรอดูรายละเอียดข้อเท็จจริงที่จะต้องรวบรวมมาว่าจะต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ก็จะเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถ้ามีคนมาร้องเรียนเราก็จะหยิบหยกเรื่องนี้มารวมกัน แต่ถ้าไม่มีคนมาร้องเรียนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็สามารถยกเหตุที่สงสัยขึ้นเพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไปได้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าว ป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคนมาร้องใช่หรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่าต้องดูก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ฟังจากข่าวเป็นการยืมเงิน เราก็ต้องไปดูว่าเป็นการยืมเงินจริงหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นการยืมเงินจริง เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะทุกคนสามารถมีสิทธิในการกู้ยืมเงินได้ ในกรณีที่มีความจำเป็น แต่หากไม่ใช่เรื่องการกู้ยืม เป็นเรื่องของการให้ จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากเป็นเรื่องการให้ ก็ต้องไปดูว่าให้เพราะสืบเนื่องจากอะไร ถ้าให้เฉยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องไปดูกรอบกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช.ประกาศ และทางสมาชิกสภาฯ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายนี้

นายนิวัติไชยกล่าวต่อว่า หากจะรับเงินเกินกว่า 3,000 บาท ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและอนุญาตเพื่อถือครองทรัพย์สินนั้นได้ แต่ถ้าเกิดเป็นการให้เพื่อจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ อาจจะเป็นกรณีการรับหรือมีการเรียกรับไว้เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง ก็ต้องไปดูว่าตำแหน่งในสมาชิกสภาฯ มีหน้าที่อะไร ซึ่งก็มีหน้าที่ในการลงคะแนนเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หรือมีหน้าที่ในการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ดังนั้น หากไปรับเงินโดยมีมูลเหตุจูงใจ อาจจะต้องเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ได้ ซึ่งต้องดูเป็นกรณีไป นอกจากนี้ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณาดูอีกครั้ง ส่วนข้อเท็จจริงตอนนี้เท่าที่ทราบเป็นการยืมเงินเฉยๆ หากเป็นการยืมเงินเฉยๆ ยังไม่ต้องหยิบยกอะไรมาพิจารณา

เมื่อถามว่า แชตไลน์หลุดถือเป็นหลักฐานหรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่า ถือเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาได้ แต่ทั้งนี้เราต้องมีการรวบรวมประเด็นในการพิจารณาก่อน ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการกู้ยืมหรือการให้ อย่างไรก็ตาม เราต้องเคลียร์ประเด็นนี้ก่อน ส่วนกรณีที่สังคมมองว่าคดีนี้ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อนหรือไม่นั้น คงไม่เหมือนกัน เพราะคดีนั้นมีการวินิจฉัยที่ชัดเจนแล้ว ฉะนั้นบรรทัดฐานในเรื่องนี้ต่างกัน เรื่องการยืมนาฬิกาเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องการให้ มันแตกต่างกัน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กลุ่มพรรคเล็กชี้แจงยืนยันประเด็นไลน์หลุดว่าเป็นการยืมเงินกันนั้น นายนิวัติไชยกล่าวว่า การให้มีหลายแบบ เช่น การให้แบบให้ไปเลย ให้รถยนต์ ให้เงิน แต่หากให้กู้ก็จะมีเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนมา ส่วนนี้จะเป็นไปเพื่อประโยช์ทางพาณิชย์หรือประโยชน์ของตัวผู้ให้กู้และตัวผู้กู้เอง ซึ่งจะต้องมีการตกลงเป็นข้อสัญญา ซึ่งก็แล้วแต่กรณีต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจนก่อน จะมาเหมารวมไม่ได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

เมื่อถามว่า หากกรณีผิดทั้งผู้ให้และผู้รับจะเป็นอย่างไร นายนิวัติไชยกล่าวว่า อยู่ที่ว่าผู้ให้นั้นให้เพื่ออะไร เช่น ให้เพื่อจูงใจเพื่อให้เขาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติในหน้าที่แบบนี้ ผู้ให้ถือว่าผิด ถือเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ให้ถือว่าผิด เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง มีมูลเหตุจูงใจว่าจะให้เขากระทำอะไร เช่น เพื่อให้เขาออกใบอนุญาตให้ ซึ่งแบบนี้ก็จะผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่ความผิดจะแตกต่างกันเพราะใช้กฎหมายคนละมาตรา ส่วนจะขยายผลเพื่อยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่นั้น ตนไม่ขอก้าวล่วงไปถึงเรื่องยุบพรรค เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์