"วุฒิสภา" เตรียมสถานที่รับรายงานตัว 200 สว.ชุดใหม่แล้ว "พรเพชร" นัดประชุมวุฒิสภา 8 ก.ค. ถกญัตติด่วน “สมชาย” ตั้ง กมธ.ศึกษาผลการเลือก สว.67 "ผู้สมัคร สว.สอบตก" ตามบี้ กกต.ทวงคำร้อง "นับคะแนนใหม่-สอบโพยฮั้ว" ขู่! เพิกเฉยเจอคุกแน่ "เทพไท" แนะเร่งตรวจคุณสมบัติ-ตรวจบล็อกโหวตก่อนรับรองผล "ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา’35" ยก 6 เหตุผลค้านสุดตัว หวั่นปล่อยผีส่งผลเลือกองค์กรอิสระป่วน "กกต.ปทุมฯ" เสนอชื่อ "ชาญ" นายก อบจ.ปทุมฯ" ให้ กกต.กลางพิจารณาแล้ว จับตาสนามท้องถิ่น “อยุธยา-ชัยนาท-พะเยา” หย่อนบัตร 4 ส.ค.นี้
ที่รัฐสภา วันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับการเข้ารายงานตัวของ 200 สว.ชุดใหม่แล้ว ที่ห้องริมน้ำ ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา และพร้อมรับการรายงานตัวได้ในวันถัดไปจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำป้าย “ห้ามเข้า” มาติดไว้ที่ประตูทางเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่
ทั้งนี้ ตามปกติสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะเปิดรับรายงานตัวประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าที่ สว.จะเข้ารายงานตัวจนครบ 200 คน จากนั้นจะนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้ สว. 200 คนกล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ และจะเป็นวาระการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ซึ่งมีผู้ที่คาดว่าจะเป็นแคนดิเดตประธานวุฒิสภาคือ นายมงคล สุระสัจจะ ว่าที่ สว.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง
นอกจากนี้ อาจมีประเด็นที่เป็นข้อหารือที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานเป็นวาระสำคัญ เช่น การตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่ สว.ชุดที่ผ่านมาได้ตั้งคณะทำงานไว้แล้ว เพื่อให้เกิดการทำงานที่สานต่อและต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งกรรมการเพื่อศึกษาร่างกฎหมายที่เป็นคู่ขนานกับสภา เช่น ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ สว.ชุดใหม่ 200 คนนั้น นับเป็น สว.ชุดที่ 13 ของการเมืองไทย มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการเลือกในราชกิจจานุเบกษา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ได้เรียกประชุมวิปวุฒิสภาในวันที่ 5 ก.ค. เพื่อหารือถึงการนัดประชุมในวันที่ 8 ก.ค.นี้ เนื่องจากมองว่าขณะนี้ กกต.ยังไม่มีกำหนดการประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่ อีกทั้งขณะนี้อยู่ในระหว่างสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2567 จึงถือว่า สว.ปัจจุบันยังต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยการหารือได้แจ้งถึงการกำหนดวาระการประชุมวุฒิสภา โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ พิจารณาญัตติของนายสมชาย แสวงการ สว. ที่เสนอให้วุฒิสภาตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาถึงการเลือกกันเองของ สว.ชุดใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 107
นายสมชายให้สัมภาษณ์ว่า การเสนอญัตติดังกล่าวเป็นการถอดบทเรียนการเลือก สว. เหมือนกับการเลือก สว.ปี 2562 ที่มีการศึกษาและถอดบทเรียนการเลือกเพื่อใช้เป็นข้อศึกษาในโอกาสต่อไป ทั้งในประเด็นการเลือกกันเอง การจัดเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม อย่างไรก็ดี ในการศึกษาเตรียมเชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเขียนรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกมาร่วมศึกษา ส่วนจะสามารถทำหน้าที่หรือศึกษาได้จำนวนเท่าไร หรือกี่วัน ก็ให้เป็นไปตามนั้น ทั้งนี้ การเสนอญัตติดังกล่าวเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในขณะที่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
"การศึกษาคือ เกิดอะไรกับการเลือก สว.ปี 2567 ที่พบปัญหามาก ขณะที่การเลือกกันเองของ สว.ปี 2562 นั้น ไม่มีการร้องและไม่มีปัญหา สิ่งสำคัญคือระเบียบของ กกต.อาจมีปัญหา โดยเฉพาะการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการเลือก ที่ปี 2567 มีข้อแตกต่างจากปี 2562 ที่กำหนดให้องค์กรหรือหน่วยงานลงนามรับรอง แทนให้ประชาชนรับรองกันเอง ทั้งนี้ จะมีข้อเสนอที่เป็นแนวทางแก้ไขประเด็นที่ไม่ถูกต้องในอนาคตด้วย รวมถึงประเด็นการฮั้วหรือจัดตั้งด้วย" นายสมชายกล่าว
ผู้สมัคร สว.สอบตกตามบี้ กกต.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายฯ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามคำร้อง หลังจากที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้ในการคัดค้านการประกาศรับรองผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. 200 คน และสำรอง 100 คน รวมถึงพบความผิดปกติในการลงคะแน นคล้ายมีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ และได้ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพยลงคะแนนของผู้สมัคร สว. และขอให้ กกต.ได้เปิดหีบนับคะแนนใหม่อีกรอบ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของ กกต. เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าตามข้อเรียกร้อง วันนี้จึงมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง
พล.ต.ท.คำรบระบุว่า ข้อเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เลื่อนลอย แต่ตนและเพื่อน สว.มีหลักฐาน พบโพยการลงคะแนนมีการลงคะแนนเป็นชุด และได้ถ่ายภาพบัตรเลือก สว.ไว้เป็นหลักฐาน หลังได้รับโทรศัพท์คืนจากเจ้าหน้าที่ในช่วงท้ายของการนับคะแนน ทั้งนี้ เห็นว่าตามมาตรา 25 และ 30 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ระบุว่าเลขาธิการ กกต.ในฐานะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ จะต้องดำเนินการเลือกให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
"หากผมยื่นไปแล้วท่านไม่ดำเนินการ อาจจะขัดต่อมาตรา 32 ซึ่งได้กำหนดโทษไว้ว่า หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี ผมจึงมายื่นคำร้อง เพราะถือว่าทั้งผมและผู้สมัครทั้งหมดเป็นผู้เสียหาย" พล.ต.ท.คำรบกล่าว
เช่นเดียวกับ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ก็เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้มีคำสั่งให้การเลือก สว.ครั้งนี้เป็นโมฆะ และจัดการเลือก สว.ใหม่
นายภัทรพงศ์กล่าวว่า กระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้มีการทุจริตคอร์รัปชัน มีการโกงมโหฬาร โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกากรณีที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. อ้างว่าคำพิพากษาของศาล 185/2567 ที่ระบุว่าใครจะมีอาชีพอะไรก็แล้วแต่ สามารถสมัครกลุ่มใดก็ได้ในจำนวน 20 กลุ่ม หากผู้พิพากษาตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นในทำนองเดียวกันกับที่นายแสวงได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็ถือว่างานนี้สนุกแน่นอน การเลือก สว.ครั้งนี้มีสารพัดปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว.ที่เข้าข่ายการทุจริต ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ที่ประสงค์อยากให้คนที่มีความรู้ความสามารถในหลากหลายอาชีพเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศในฐานะที่เป็น สว.
"มีหลายเหตุผลที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม ทั้งกรณีเรื่องบ้านใหญ่ การฮั้วกัน การลงคะแนนของผู้สมัครที่ไม่ลงให้ตัวเอง หรือเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร สว. วันนี้จึงอยากให้ทบทวนการเลือก สว. โดยประกาศให้เป็นโมฆะ และเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว อย่าให้ สว. 250 คนต้องยิ้มหวาน" นายภัทรพงศ์กล่าว
ทนายอั๋นกล่าวว่า กระบวนการเลือกที่ จ.บุรีรัมย์นั้น มีเหตุการณ์ที่มีพิรุธหลายคน เช่น คนขับรถให้ตระกูลดัง จ.บุรีรัมย์ได้เป็น สว. หรือแม้ผู้สมัครอายุ 51 ปี รับทำพิธีศาสนาทั่วไป ประวัติการศึกษาจบ ป.6 ประวัติการทำงานเป็นมัคนายก ซึ่งคนระดับนี้ผ่านการเลือกแต่ละระดับ ได้รับเลือกเป็น สว.บุรีรัมย์ รวมถึงคนอื่นๆ ที่มีประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาที่ไม่สอดรับกับความเหมาะสม จึงทำให้ จ.บุรีรัมย์กลายเป็นบุรีรัมย์โมเดล ที่มี สว.จำนวนมากที่สุดถึง 14 คน ทั้งนี้ โดยจะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่เป็นผู้สมัคร สว.ของ จ.บุรีรัมย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ว่ามีการจดแจ้งข้อความในเอกสารราชการใบ สว. ซึ่งเป็นเอกสารราชการในข้อความที่เป็นเท็จ ไม่ตรงกับความเป็นจริง ให้กลายเป็นบุรีรัมย์โมเดล
แนะทำ 2 ข้อก่อนรับรองผล
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ก่อนที่ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้ง สว. 200 คนอย่างเป็นทางการนั้น กกต.ควรจะดำเนินการใน 2 เรื่องใหญ่นี้ให้ปราศจากข้อสงสัยก่อน คือต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว. ว่ามีคุณสมบัติตรงกับกลุ่มที่สมัครหรือไม่ ได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้จากอาชีพนั้นๆ เป็นระยะเวลา 10 ปีเป็นอย่างน้อยหรือไม่ การที่ กกต.อ้างเรื่องการสมัครผิดกลุ่มไม่เป็นความผิดนั้น เป็นเรื่องที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของการมี สว.ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพ ถ้าหากการสมัครผิดกลุ่ม ไม่เป็นความผิด ก็ต้องถามว่ากฎหมายจะกำหนดให้มีการแบ่งกลุ่มอาชีพขึ้นมาทำไม
นอกจากนี้ กกต.ต้องตรวจสอบว่าการเลือกตั้งในทุกระดับ มีการบล็อกโหวตหรือไม่ ซึ่งสามารถที่จะทำได้ โดยการกลับไปดูบัตรลงคะแนนเลือกตั้งในแต่ละระดับ ว่ามีการเลือกแบบซ้ำๆ กันหรือไม่ เบอร์ที่เลือกเหมือนกันจำนวนกี่ครั้ง พอที่จะอนุมานได้หรือไม่ว่าเป็นการบล็อกโหวตกัน ถ้ามีเหตุอันสงสัยและผิดสังเกตว่ามีการเลือกเบอร์เดียวกันเป็นทีม หรือเป็นแพ็กจำนวนมากๆ แสดงว่ามีการบล็อกโหวตกัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบไปถึงเหตุจูงใจ ว่ามีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่
"ถ้าหาก กกต.ได้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีความผิดปกติ หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สว.ใดๆ มีความโปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรมแล้ว ก็สามารถรับรองผลได้เลย แต่การปล่อยผีรับรองไปก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง จะเป็นความล้มเหลว และเป็นไปได้ยากมาก" นายเทพไทกล่าว
ส่วนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 ผู้ก่อตั้งสภาที่ 3 กล่าวว่า ผลการเลือก สว.ที่ผ่านมา มีการจัดฮั้ว บล็อกโหวตกันอย่างชัดเจน จนเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย มีการยื่นฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้ ให้มีการนับคะแนนใหม่และให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ ดังนั้นก่อนการรับรอง สว.ทั้ง 200 คน จะต้องมีการตรวจสอบทั้งหมดให้เกิดความชัดเจน โปร่งใสในทุกด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงกับประเทศชาติ
นายอดุลย์ยก 6 เหตุผลในการค้าน กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ คือ 1.ผลการเลือก สว.ครั้งนี้เป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มีการออกแบบกระบวนการเลือก สว.ให้มีความซับซ้อนและซ่อนเร้น แอบแฝงเป้าหมายทางการเมือง เช่นเดียวกับที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2534 ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร รสช. จนเกิดวิกฤตทางการเมือง นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภา’35
2.รัฐธรรมนูญมาตรา 107 กำหนดให้มี สว.จำนวน 200 คน มาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคม แต่กลับได้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม เพราะรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ส่วนใหญ่ไม่ตรงปก ไม่ได้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ 3.รัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ยังกำหนดไว้ว่า ให้ดำเนินการตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยในระดับประเทศ แต่ผลที่ออกมามีจังหวัดที่ไม่ได้รับเลือกเป็น สว.ถึง 9 จังหวัดคือ 1.กาฬสินธุ์ 2.กำแพงเพชร 3.ตาก 4.นราธิวาส 5.เพชรบูรณ์ 6. แม่ฮ่องสอน 7.ร้อยเอ็ด 8.ลพบุรี 9.สกลนคร ซึ่งรวมจำนวนประชากรหลายล้านคน ขณะที่ จ.บุรีรัมย์จังหวัดเดียวกลับมี สว.มากถึง 14 คน ดังนั้น สว.ชุดนี้จึงไม่ถือว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยในระดับประเทศ จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 107
4.พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 59 บัญญัติว่า “ก่อนประกาศผลการเลือก หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกและสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่” ซึ่งตั้งแต่การเลือกระดับอำเภอ มีการร้องเรียนและเปิดเผยหลักฐานชัดเจนแล้วว่ามีการจัดฮั้ว บล็อกโหวต แต่ กกต.กลับเมินเฉย 5.ตามอำนาจหน้าที่ของ สว. อีกภารกิจสำคัญคือการให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐ และให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากปล่อยให้ สว.ชุดนี้เลือกกรรมการในองค์กรอิสระ ก็จะทำตามใบสั่งของกลุ่มการเมือง และ 6.จากรายชื่อ สว.ทั้งหมด มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น สว.สายสีน้ำเงินมากกว่า 130 คน จะต้องดำเนินการทุกอย่างให้โปร่งใส
“ขอเตือนสติของ กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องรอบคอบชัดเจน สุจริต เที่ยงธรรม มิฉะนั้นความเสียหายจากการที่ สว.หรือสภาสูงที่มีอำนาจในการเลือกองค์กรอิสระ นำมาซึ่งความเสียหายประชาชนและบ้านเมืองอย่างคิดไม่ถึงมากมาย" นายอดุลย์กล่าว
จ.ปทุมธานี นายป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายก อบจ.หมายเลข 1 ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (นายก อบจ.ปทุมธานี) ว่าตามขั้นตอนกระบวนการได้ส่งผลนับคะแนนอย่างเป็นทางการต่อ กกต.กลางเมื่อวันที่ 1 ก.ค.แล้ว เพื่อให้ กกต.กลางพิจารณาประกาศรับรองการเลือกตั้ง และมีรายงานว่าก่อนวันเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี มีคำร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 5 คำร้อง
"ตามกฎหมายหากไม่มีคำร้องจะต้องประกาศรับรองภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 29 ก.ค.2567 ส่วนกรณีที่คำร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง กกต. จะต้องประกาศรับรองภายใน 60 วัน หรือภายในวันที่ 29 ส.ค.2567" ผอ.กกต.ปทุมธานีระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.สนามต่อไปคือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 4 ส.ค. เช่นเดียวกับจังหวัดชัยนาท และจังหวัดพะเยา ที่จะเลือกตั้งในวันเดียวกัน 4 ส.ค. โดยเปิดรับสมัครไปแล้วเมื่อ 24-28 มิ.ย. ส่วนจังหวัดชัยภูมิ จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. วันอาทิตย์ที่ 11 ส.ค. โดยจะเปิดรับสมัครในวันที่ 8-12 ก.ค.นี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
เร่งตั้ง‘สสร.’ให้ทันปี70
รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญคึกคัก แต่พรรคประชาชนเมินเข้าร่วม