MOU หยุดมลพิษขยะอิเล็กทรอนิกส์ สร้างอากาศสะอาด

สสส.ร่วมลงนาม MOU ตัดวงจรมลพิษซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ปัญหามลพิษจากการคัดแยกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอีกวิกฤตที่สร้างผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน แต่ละปีประเทศไทยมีปริมาณซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นมากกว่า 4.3 ตัน ถูกเก็บรวบรวมไปกำจัดอย่างถูกต้องเพียง 70 ตันเท่านั้น  ซากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีค่าจะถูกขายให้ซาเล้ง หรือร้านรับซื้อของเก่า ส่วนที่ไม่มีค่าจะถูกทิ้งปะปนกับขยะชุมชน เกิดการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

เพื่อยับยั้งปัญหาดังกล่าว กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายจำนวน 118 แห่ง ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการร้านขายของเก่า โรงหลอมโลหะ โรงงานรีไซเคิล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การไม่รับซื้อวัสดุมีค่าจากการเผาซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์”  ณ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เมื่อวานนี้

ประกาศเจตนารมย์ยกเลิกรับซื้อทองแดงจากการเผา

นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทส.กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการฟื้นฟูมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ปัญหาการเผาในที่โล่งคือสาเหตุหลักเกิดมลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ  PM 2.5 โดยเฉพาะการเผาสายไฟขนาดเล็กในซากผลิตภัณฑ์ในบ่อขยะหรือตามที่รกร้าง เพื่อคัดแยกทองแดงไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ ส่งต่อไปที่ร้านรับซื้อของเก่ารายใหญ่ก่อนขายให้กับโรงหลอม ต้องทำงานเชิงรุก ทส. ร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่ายเร่งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจระดับพื้นที่ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมลดมลพิษนำไปสู่การแสดงเจตนารมณ์ไม่รับซื้อทองแดงจากการเผาซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การสนับสนุนผู้ถอดแยกซากผลิตภัณฑ์ฯ และใช้วิธีการที่เหมาะสมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จาก MOU นี้จะช่วยให้การบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปริมาณขยะ ลดมลภาวะทางอากาศ สอดรับกับ ร่าง พ.ร.บ.การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเร็วๆนี้

**แนวทางการปฏิบัติใน MOU ครั้งนี้ ให้ท้องถิ่นควบคุมการเผาในที่โล่งและให้ประกอบกิจการถอดแยกอย่างถูกต้อง ,จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนและสนับสนุนเครื่องจักรบดย่อยสายไฟเพื่อใช้คัดแยกทองแดงแทนการเผา ,ประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายที่เกิดจากการเผาสายไฟและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ,ห้ามการเผาสายไฟในที่โล่งอย่างเด็ดขาด ฝ่าฝืนปรับ 5 หมื่นบาท ,ให้ผู้ประกอบกิจการร้านรับซื้อของเก่าและโรงงานรีไซเคิลทองแดงส่งขายทองแดงที่ได้จากการเผาที่รับซื้อหรือมีครอบครองไว้ภายใน 60 วัน และให้ยกเลิกการรับซื้อทองแดงจากการเผาอย่างเด็ดขาดต่อไป และผู้ที่มีสายไฟขนาดเล็กให้ระบายไปสู่โรงงานหลอมทองแดง

สนับสนุนความรู้ในการประกอบกิจการถอดแยกซากขยะอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ สสส.ซึ่งเกาะติดปัญหามลภาวะอากาศ โดยเฉพาะอันตรายจากฝุ่น PM2.5 ร่วมขับเคลื่อน MOU  ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในการ ไม่เผา ไม่ซื้อ ไม่ขาย โลหะทองแดงที่มาจากการเผา ตัดวงจรการสร้างฝุ่นพิษ

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับการป้องกันแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมจากแหล่งกำเนิดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยอย่างรุนแรง ทั้งมลพิษจากอุตสาหกรรม มลพิษจากขยะ และมลพิษทางอากาศ  ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 10 ปี (2565-2574) ที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ปัญหาสะสมที่อยู่กับสังคมไทย 10 ปี เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยต่างๆ การเผาซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ แผงวงจร สายไฟ จอภาพแอลซีดี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหา ฝุ่น PM 2.5 MOU ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทุกภาคส่วนทั้งภาคนโยบาย เอกชน  สมาคม ผู้ประกอบ อปท. และภาคประชาสังคม ร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหามลพิษ โดยยินดีจะสนับสนุนการดำเนินเรื่องนี้ให้ประสบผลสำเร็จ

“ การเผาซากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ ก๊าซฟอสจีน สารประกอบไดออกซิน เป็นสารตั้งต้นก่อมะเร็ง กลุ่มเสี่ยงมีทั้งผู้เผา  ผู้ถอดแยก คนในชุมชนที่จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกต้องและชุมชนใกล้เคียง เพราะสารอันตรายปนเปื้อนในดิน น้ำ และอากาศ  นอกจากทำลายสิ่งแวดล้อม ยังทำลายสุขภาพของคนไทย ถ้าสูดดมเป็นเวลานาน อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต  “ นายชาติวุฒิกล่าว

นอกจากการผู้ประกอบการไม่เผา ไม่ซื้อ ไม่ขาย โลหะทองแดงที่มาจากการเผา หยุดสร้างฝุ่นพิษ สร้างอากาศสะอาดให้คนไทยแล้ว นายชาติวุฒิ กล่าวในท้ายว่า อีกแนวทางแก้ปัญหาสำคัญ คือ การรวบรวมซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กลับมาใช้หรือกำจัดอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีหลายช่องทางรับคืนซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและขยะอิเล็กทรอนิกส์ อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมจัดการอย่างถูกต้อง ไม่ทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป  รวมถึงใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างคุ้มค่า เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กับประเทศ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ออมสุขภาพ” รับวัยเกษียณ เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย

สังคมไทยเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ขณะนี้มีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ล้านคน จากจำนวนคนไทย 66 ล้านคน และในอนาคตคืออีก 60 ปีข้างหน้า

เตือนแรงงาน 3 สัญชาติ MOU ครบ 4 ปี ต้องเดินทางกลับปท. ภายใน 30 เม.ย. นี้

‘คารม’ เตือนแรงงาน MOU ครบ 4 ปี ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางภายใน 30 เม.ย นี้ แนะนายจ้าง/ผู้ประกอบการยื่นคำร้อง นจ. 2 ล่วงหน้า หากประสงค์จะนำแรงงานกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง

เด็กไทย 1 ใน 10 น้ำหนัก/ส่วนสูงหลุดเกณฑ์ กระทบสมอง เสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต ป่วย NCDs

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2566 โดยกรมอนามัย

วิจัยพบสังคมไทยเหลื่อมล้ำทุกมิติ สื่อสารในครอบครัวลดช่องว่างได้

ผลสำรวจเด็กและเยาวชนไทยปลอดภัยจากความรุนแรงออนไลน์ รั้งท้ายโลกเป็นอันดับที่ 29 เหนือกว่าอุรุกวัยเพียงประเทศเดียวเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบ 30 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2022

ทส. ส่งมอบความสุขวันสงกรานต์ 13-15 เม.ย. ยกเว้นค่าบริการท่องเที่ยวป่านันทนาการ 3 แห่ง

พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายขับเคลื่อนด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในรูปแบบป่านันทนาการ

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ