มีความชัดเจนทางการเมืองเกิดขึ้นหลายอย่างในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซ้ำได้หรือไม่

ในภาวะการเมืองฝุ่นตลบ พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคต่างต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้นเท่านี้ แต่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำ ขอให้ทุกพรรคทุกฝ่ายโหวตคนของเพื่อไทยเป็นนายกฯ ให้ผ่านพ้นไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาจัดแบ่งเค้กกันภายหลัง

กลับเข้าสู่โหมดเดินหน้า “โหวตนายกรัฐมนตรี” ของที่ประชุมรัฐสภากันอีกครั้ง หลังผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 16 ส.ค.

เป็นประเด็นร้อนที่แทรกขึ้นระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล หลัง ราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 11 ส.ค. ได้มีการเผยแพร่ หลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย

พรรคเพื่อไทย ฉีกเอ็มโอยู 312 เสียง พลิกจับมือกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิม โดยมี พรรคสองลุง ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมขบวนด้วย

ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน “ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ที่มีบทบาทสูงมากในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ ก็ออกมาระบุให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นรัฐบาลรักษาการเวลานี้ ยุติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงทุกตำแหน่ง โดยควรให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ

วันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ไร้เงา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคุก ที่ประกาศว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย แต่ต่อมาก็บอกเลื่อนออกไปอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ อ้างว่าหมอเรียกให้ไปตรวจร่างกาย หากย้อนคำพูดทักษิณ กว่า 20 ครั้งที่บอกว่าจะกลับ แต่ก็ไม่กลับ

กระแสเลื่อนต่างๆ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนฉากทัศน์การเมืองฉายภาพว่า “พรรคเพื่อไทย” กำลังตกที่นั่งลำบาก ถูกพรรคลุงและเครือข่าย 188 เสียงรุมกินโต๊ะ กดดันเก้าอี้รัฐมนตรี ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ

กระแสเลื่อนต่างๆ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนฉากทัศน์การเมืองฉายภาพว่า “พรรคเพื่อไทย” กำลังตกที่นั่งลำบาก ถูกพรรคลุงและเครือข่าย 188 เสียงรุมกินโต๊ะ กดดันเก้าอี้รัฐมนตรี ปฏิเสธแคนดิเดตนายกฯ

‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาวะเดียวกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่ถูกขุดทุกแผลในอดีตขึ้นมา

รอยร้าว-ความขัดแย้งภายใน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระเบิดขึ้นอีกครั้งกลางโรงแรมมิราเคิลฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

แม้ฉากจบสะบั้นรักของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อพรรคก้าวไกล ภายหลังแถลงข่าวฉีกเอ็มโยูเดิมของ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ด้วยข้ออ้างว่า ทุกฝ่ายปฏิเสธพรรคสีส้ม เพราะติดเงื่อนไขแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

การเมืองยังฝุ่นตลบ เมื่อการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.ถูกเลื่อนไปก่อน หลังประธานรัฐสภาขอให้รอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 ส.ค. เสียก่อนว่าการโหวตเลือกนายกฯ ซ้ำทำได้หรือไม่ ตามคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน

ตารางกิจกรรมการเมืองวันนี้ ใจจดจ่อที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีมติของที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค.

วันพุธที่ 2 ส.ค. หากไม่มีการเลื่อนนัดออกไปอีก ก็จะมีการประชุมแกนนำ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล ณ พรรคเพื่อไทย ตามที่ แกนนำพรรคเพื่อไทยประกาศไว้

ความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จะนัดประชุม 8 พรรคร่วม ในวันที่ 2 ส.ค. เพื่อนำข้อสรุปจากการพูดคุยกับ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ

การเมืองไทยสัปดาห์นี้ หลังจากพ้นช่วงหยุดยาวราชการ 6 วัน จุดพีกจะอยู่ที่ 2 จุด แต่จะมีความเชื่อมโยงทางการเมืองถึงกัน นั่นก็คือ ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ กับ รัฐสภา

การเมืองป่วนกันตลอดทั้งคืนวันศุกร์ที่ 28 ก.ค. จนถึงสายวันเสาร์ที่ 29 ก.ค. หลัง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก

หลังจากเห็นพรรคเพื่อไทย อนุญาตให้ใช้ฐานบัญชาการใหญ่ริมถนนเพชรบุรีของตัวเอง

เป็นไปตามคาดกับการที่มีการเลื่อนประชุมรัฐสภาเพื่อ โหวตนายกรัฐมนตรี ออกไปจากเดิมที่จะต้องโหวตกันพฤหัสบดีที่ 27 ก.ค.นี้