ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา” กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย “ตำรวจ” ทั้งในระดับ “นายพล” และระดับ “นายพัน” ที่ผ่านมา

ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา “ตำรวจ” เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร “ตำรวจ” มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต

มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ “หนาวสะท้าน” ในแวดวง “สีกากี” ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง “นายพัน” วาระประจำปี 2568

หากไม่มีเรื่อง “สาวไส้ให้กากิน” อย่างกรณี “ตำรวจ” แฉ “ตำรวจ” บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย

เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ “อดีตตำรวจใหญ่” ที่บอกผ่านสื่อว่า
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!

น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ “กรมปทุมวัน” อีกครั้ง การแต่งตั้ง “สีกากี” จะมีทั้ง “นายพล” และ “นายพัน” เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว

ต้องแบบนี้ซิ…ถูกต้อง!!! หลังวงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล มานั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ตร.ครั้งแรก ไฟเขียวให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการแต่งตั้งนายพล

อุ่นใจแทน “สีกากี” ไร้เส้น ไร้สาย เห็น ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่ นั่งหัวโต๊ะประชุมแนวทางการกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจ รองรับการ “เยียวยา” ตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งหมุนเวียน ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2565

เอ๊ะ! รวดเร็วยิ่งกว่า “กามนิตหนุ่ม” เทอมสองของ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน การแต่งตั้ง “นายพล” วาระประจำปี 2568 เพิ่งเสร็จสิ้นไปไม่กี่วัน นายพลเก่า-นายพลใหม่ เพิ่งเดินทางไปรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

คึกคักๆ ต้อนรับ นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เข้ารั้ว “กรมปทุมวัน” ครั้งแรก ในฐานะนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

ชื่นมื่นอย่างสมเกียรติ พิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ “ตำรวจ” ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2568 ที่ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ หอประชุมเตมียเวส โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม

ดีใจที่ได้เห็นภาพ บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังเดินหน้าเข้าเกียร์ 5 เหยียบคันเร่งเต็มสปีด ลุยปราบปราม “อลัชชี” เกาะผ้าเหลืองหากิน หาผลประโยชน์ แบบไม่เกรงกลัว

การจัดทัพปรับทิศ “กรมปทุมวัน” ภายใต้การบริหารงานของ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี นรต.41 ในการขับเคลื่อน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ

เฮ้อ!!! มีคำถามตัวโตๆ สะท้อนออกมาจากการแต่งตั้ง “นายพลสีกากี” ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึง ผบก. วาระประจำปี 2568 ของ

นี่ซิ…ยุทธจักรโล่เงิน สมกับมอตโต “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้…” ไม่ว่าจะยุคใคร สมัยใด ใช้ได้ทุกครั้ง

ต้องเรียกว่า “กรมปทุมวัน” เข้าสู่ยุคซีรีส์ 4 เต็มตัว ในยุค บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นรต.41 เข้าสู่ปีที่สอง ในการกุมบังเหียน “แม่ทัพใหญ่สีกากี”

โหมโรงมาตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. ในที่สุดการแต่งตั้ง “นายพลตำรวจ” ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และ จตช. ลงมาถึง ผบก. วาระประจำปี 2568 ก็ถึงคิว

ไม่ใช่ชายแดน ไม่ใช่สนามรบ แต่ “กรมปทุมวัน” ยามนี้ ก็มีฝุ่นตลบอบอวล ยิ่งพอใกล้วันประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่น่าจะอยู่ประมาณกลางเดือนสิงหาคม

เอ๊ะ! มีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือเปล่า หนังสือแจ้งเวียนจาก บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ให้หน่วยงานต่างๆ

ณ ชั่วโมงนี้ หากเอ่ยชื่อ บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) อย่าว่าแต่โจรที่ต้องขยาดเลย แม้แต่แค่เห็นเงา บิ๊กเต่า ย่องเข้าวัดไหน กุฏิใด ชั้นเทพ ชั้นเจ้าคุณ ก็มีหนาวสะท้าน