เลือกตั้งนายก อบจ.1 ก.พ. 47จว.“บ้านใหญ่”กวาดเรียบ

ถึงตอนนี้แม้เหลือเวลาอีกร่วมสัปดาห์เศษๆ แต่แวดวงการเมืองประเมินแล้วมีแนวโน้มสูงที่ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. ผู้สมัครนายก อบจ.ที่มาจากสาย “บ้านใหญ่-ตระกูลการเมืองประจำจังหวัด” จะได้รับชัยชนะเข้าไปเป็นนายก อบจ.มากที่สุด แนวโน้มเกินครึ่งหนึ่ง

ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้สมัครนายก อบจ.ที่ลงสมัครในนามพรรคการเมืองอย่าง “เพื่อไทย” หรือไม่ได้ลงในนามพรรคแต่เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนในเครือข่ายพรรคการเมือง-นักการเมืองค่ายสีน้ำเงินเท่านั้นที่มีโอกาสจะชนะในศึกเลือกตั้งนายก อบจ.รอบนี้ แต่ก็ยังมีผู้สมัครอีกบางจังหวัดที่เป็นคนในเครือข่ายบ้านใหญ่ของแกนนำพรรคการเมืองทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้านที่รอลุ้นชัยชนะ เช่น พรรคประชาชาติ ที่แนวโน้ม มุขตาร์ มะทา อดีตนายก อบจ.ยะลาหลายสมัย น้องชายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชาติ น่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้แบบไม่ยากเย็น หรือ พรรคชาติไทยพัฒนา นอกจากลุ้นให้ จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ จากบ้านใหญ่นครปฐม “สะสมทรัพย์” รักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้อีกหนึ่งสมัย แกนนำพรรคบางส่วนคงลุ้นให้ อุดม โปร่งฟ้า ที่ลงสมัครนายก อบจ.สุพรรณบุรี โดยใช้โลโก้ของพรรคหาเสียงเลือกตั้ง เอาชนะ บุญชู จันทร์สุวรรณ อดีตนายก อบจ.สุพรรณบุรีหลายสมัย ที่มีคนของเพื่อไทยไปช่วยหาเสียงให้

เช่นเดียวกับ รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายนอกอาจดูเงียบๆ ไม่มีความเคลื่อนไหวเรื่องนายก อบจ. แต่จริงๆ แล้วแกนนำพรรคทั้งหมดกำลังลุ้นหนักให้ “บ้านใหญ่กาญจนะ” แห่งเมืองหอยใหญ่-สุราษฎร์ธานี เอาชนะศึกนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีให้ได้ หลังบ้านใหญ่กาญจนะ ส่ง ป้าโส โสภา กาญจนะ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี ประชาธิปัตย์ ลงชิงชัย โดยป้าโสก็คือภรรยาชุมพล กาญจนะ อดีต สส.ห้าเสือสุราษฎร์ธานีหลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์ แต่ปัจจุบันพาครอบครัวซึ่งมี สส.สุราษฎร์ธานีในเวลานี้อยู่ด้วยสองคนคือลูกสาวกับลูกสะใภ้มาอยู่ รทสช. ตอนเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งเลือกตั้ง สส.สุราษฎร์ธานีปี 2566 พรรค รทสช.เกือบชนะ สส.ยกจังหวัด เพราะได้ไป 6 ที่นั่งจาก 7 เขต ล้ม ปชป.ที่เคยชนะยกจังหวัดตอนปี 2562 จน ปชป.สูญพันธุ์ที่สุราษฎร์ธานี ทำให้สุราษฎร์ธานีคืออีกหนึ่งฐานที่มั่นสำคัญของรวมไทยสร้างชาติที่ก็ต้องยึดเก้าอี้นายก อบจ.ไว้ให้ได้

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าคะแนนเสียงของบ้านใหญ่กาญจนะเริ่มไม่ดี กำลังถูกพรรคส้ม-ประชาชนไล่กวดมาติดๆ อาจร่วงเอาได้ แถมไม่พอ เจอศึกรอบทิศ เพราะต้องแบกน้ำหนักสู้กับ “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่ลงชิงอีกหนึ่งสมัย โดยที่กำนันศักดิ์ก็เคยอยู่ รทสช.ด้วยกันกับกลุ่มบ้านใหญ่กาญจนะ แต่ต่อมาแตกคอกัน จนย้ายไปอยู่กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม ทำให้ธรรมนัสก็ลุ้นหนักให้กำนันศักดิ์ชนะได้กลับมาเป็นนายก อบจ.อีกหนึ่งสมัย เพื่อหวังผลเลือกตั้งรอบหน้า พรรคกล้าธรรมจะมี สส.ภาคใต้

จะเห็นได้ว่า หลายพรรคการเมืองต่างมีคนในเครือข่ายที่เป็นพวก บ้านใหญ่แต่ละจังหวัด ลงชิงนายก อบจ.ทั้งสิ้น

ซึ่งเรื่อง “บ้านใหญ่-ตระกูลการเมือง” ในศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.รอบนี้ นักวิชาการ-นักรัฐศาสตร์ให้ทัศนะไปในทางเดียวกันว่า มีโอกาสสูงที่ผลเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่แนวโน้มเข้าวินเกินครึ่ง

ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ ความเป็นบ้านใหญ่ในจังหวัดมีผลต่อการเลือกตั้งสูง และคาดว่าผลเลือกตั้งที่จะออกมา เครือข่ายผู้สมัครจากบ้านใหญ่น่าจะชนะการเลือกตั้งหลายจังหวัด อีกทั้งบ้านใหญ่หลายจังหวัดที่คนของตัวเองเคยแพ้ในการเมืองระดับชาติ คือแพ้การเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ทำให้เลือกตั้ง อบจ. บ้านใหญ่พร้อมทุ่มสรรพกำลังเต็มที่เพื่อเอาชนะในการเลือกตั้ง อบจ.ให้ได้

...ความเป็นบ้านใหญ่มีผลต่อการเลือกตั้งนายก อบจ. เพราะพื้นฐานการเลือกตั้งนายก อบจ.คือ การเลือกตั้งทั้งจังหวัดที่มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเป็นแสนๆ คน เขตเลือกตั้งใหญ่กว่าการเลือก สส. ดังนั้นการที่คนจะได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งจังหวัดมันไม่ง่าย จะมาขายแค่กระแสมันไม่ได้ แต่ต้องเป็นที่รู้จักของทุกอำเภอในจังหวัด มันจึงไม่ง่าย ยกตัวอย่างเช่น สนามเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่พรรคประชาชนส่งพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีต ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ลงสมัครแข่งกับพรรคเพื่อไทย แต่ก็ต้องถามว่านายพันธุ์อาจเป็นที่รู้จักของคนเชียงใหม่กี่อำเภอ ฉะนั้นบ้านใหญ่จึงยังได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง อบจ. เพราะบ้านใหญ่แต่ละจังหวัดมีการสืบทอดกันมาหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นปู่มารุ่นพ่อรุ่นแม่ มารุ่นลูกรุ่นหลาน อย่างน้อยๆ ก็ 3-4 รุ่น และมีการวางเครือข่ายเช่นหัวคะแนนเอาไว้ เรื่องแบบนี้บ้านใหญ่ไม่ได้สร้างกันมาแค่ 1-2 ปี แต่สร้างกันมาหลายสิบปี อีกทั้งโจทย์การเลือกตั้งท้องถิ่นมันไม่ใช่โจทย์เดียวกับการเลือกตั้ง สส. เรื่องของกระแส แต่เป็นเรื่องของชีวิตประจำวัน เช่น น้ำ-ไฟ-ขยะ-ถนน

 “ผมยืนยันว่าความเป็นบ้านใหญ่ ยังไงก็มีผล เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้ง อบจ. แต่จะมีผลมากน้อยแค่ไหน ผลการเลือกตั้งวันที่ 1 ก.พ.จะเป็นตัวชี้วัดว่าบ้านใหญ่ยังมีบทบาทเหมือนเดิม หรือว่าอ่อนกำลังลงเพราะมีกระแสพรรคการเมืองเข้าไป หรือว่าอาจจะเข้มแข็งกว่าเดิม ปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น มองว่าคงมีจำนวนไม่น้อยที่บ้านใหญ่จะกลับมา แต่ก็อาจมีบางส่วนไม่ได้กลับมาก็ได้ เพราะเลือกตั้งแต่ละครั้ง ก็ต้องมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอด”

 “ดร.ปุรวิชญ์” วิเคราะห์ไว้ด้วยว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ บ้านใหญ่ตระกูลการเมืองหลายจังหวัด เช่น ตระกูลคุณปลื้ม ที่เคยล้มเหลวในการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 และอีกหลายตระกูลในหลายจังหวัด อาจจะกลับมาเพราะบ้านใหญ่ตระกูลการเมืองต่างๆ ต้องการกลับมาทวงคืนพื้นที่ จึงทุ่มทุกสรรพกำลังเพื่อต้องการเอาชนะให้ได้ เพราะหากกลับมาได้ก็ทำให้มีฐานท้องถิ่นในจังหวัด แล้วนำผลเลือกตั้งไปสร้างอำนาจต่อรองในการเลือกตั้งระดับชาติต่อไป

ส่วน ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ฟันธงว่า ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด เครือข่ายบ้านใหญ่จะเป็นฝ่ายชนะเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับขยายว่า โมเดล อบจ.ปัจจุบันเท่าที่เห็นมา เมื่อบ้านใหญ่รวมพลังกับพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย มันกลายเป็นสูตรสำเร็จ โอกาสชนะสูงมาก ซึ่งเราจะเห็นบ้านใหญ่ในจังหวัด หากไม่จับมือกับสีแดงก็จับมือกับสีน้ำเงิน หรือภาคใต้ ถ้าไม่จับกับสีฟ้าก็จับกับสีอื่น มันไม่มีแบบบ้านใหญ่อิสระเพราะเขาก็กลัวแพ้เลือกตั้ง จึงต้องเลือกว่าจะอยู่กับแดง หรือจะอยู่กับสีน้ำเงิน เป็นต้น

สอดรับกับการวิเคราะห์ของ รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่าผลเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด แนวโน้มกลุ่มบ้านใหญ่จะชนะเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่ง แต่บางจังหวัดก็ต้องลุ้น ในพื้นที่ภาคอีสานเชื่อว่าบ้านใหญ่ฐานเสียงยังคงเหนียวแน่น

 “บทบาทของบ้านใหญ่ในการเลือกตั้ง อบจ.ยังคงมีอยู่ ยังไม่หมด บางจังหวัดดีขึ้น บางจังหวัดทรงตัว บางจังหวัดอ่อนลง แต่ยังไม่หมดไป เชื่อว่าไม่หมดไปง่ายๆ” ดร.วีระศักดิ์ประเมินไว้

แนววิเคราะห์ของสามนักวิชาการ-นักรัฐศาสตร์ข้างต้น จะถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ รอติดตามผลเลือกตั้งที่จะออกมา กลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สุชาติ’นั่ง‘ประธานป.ป.ช.’สมบูรณ์ ทำ‘บิ๊กโจ๊ก’แตะเบรก ตั้งหลักใหม่?

ถือเป็นคลิปสะเทือนแวดวงการเมือง องค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม หลังมีการเผยแพร่คลิปการนั่งสนทนากันระหว่าง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และบุคคลอื่นๆ ที่กล้องไม่สามารถจับได้

ประวิงเวลายื่นศาลฯ เข้าทางเกมแก้ รธน.‘เพื่อไทย’

คอการเมืองวันนี้ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษเสียหน่อย กับเหตุการณ์ที่รัฐสภามีประชุมร่วมรัฐสภา โดย สส. สว.ประชุมด้วยกันในวันนี้ และอีกวันคือ วันที่ 14 ก.พ. พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.....จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับของพรรคเพื่อไทย (พท.) และฉบับของพรรคประชาชน (ปชน.) ในวาระที่ 1 ชั้นรับหลักการ

รุกไล่-ถอนรากถอนโคน เครือข่ายเงินสีเทา-หม่อง ชิตตู

การรุกคืบของรัฐบาลที่ ถอนรากถอนโคน เครือข่าย ธุรกิจสีเทา ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยใช้ไม้หนักมากขึ้นนอกเหนือจาก ตัดไฟ-ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่โยงไปถึงฝั่งเมียนมา เป็นเรื่องน่าติดตามอย่างยิ่ง

แก้รธน.วาระ(นับ)1หรือยืนอยู่ที่เดิม

ก่อนจะเข้าสู่การประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขมาตรา 256 และยังเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้

ป.ป.ช.ยุค"สุชาติ"นำทัพ คดีชั้น14ทักษิณจบแบบไหน?

2 คดีสำคัญทางการเมืองในมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในยุคที่ต่อจากนี้จะมีผู้นำหน่วยคนใหม่อย่างเป็นทางการคือ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข ที่ได้รับเลือกให้ขึ้นเป็นประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ แทน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่พ้นจากตำแหน่งไปหลายเดือน ถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้คงไม่พ้น

ฝ่ายค้านตั้งแท่นซักฟอก ขยี้จุดอ่อน-ทุบบริหารล้มเหลว ปรับ ครม.หลังปิดสภาฯ

มีความชัดเจนตามลำดับสำหรับ "ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล" ของพรรคฝ่ายค้าน หลังโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ว่าก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ รอบนี้เดือนเมษายน