เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาครั้งนี้ ไม่มีใครเถียง ว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นอันธพาลหาเรื่องที่จะเอาดินแดนของไทย และกระทำการทางการทหาร ทางการเมือง

หลายคนที่เชื่อเรื่องเวรกรรมและมองว่า สทร.ทำกรรมไว้กับประเทศมากมาย เคยบ่นว่าแม้กรรมจะมีจริง แต่ทำไมนาฬิกากรรมมันเดินช้า มันไม่ทันใจที่พวกเขาอยากจะเห็นคนที่ทำกรรมกับประเทศถูกกรรมไล่ล่า

ในสังคมประชาธิปไตย การจะได้รัฐบาล ต้องผ่านครรลองของการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐประหาร ในเมื่อประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ระบุไม่อยากให้มีการเลือกตั้งแบบที่เป็นอยู่มา 20 ปี จนกว่าคนไทยส่วนใหญ่จะพร้อม ชี้ประชาชนยังเลือกเพราะประชานิยมและกระแสประชาธิปไตยโดยไม่สนผลเสียประเทศ เปรียบประชาธิปไตยไทย “ผลไม้ที่ถูกสอยก่อนแก่” บ่มเท่าไรก็ไม่สุกหวาน มีแต่จะเน่าเสีย

30 มิถุนายน 2568 – ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องออกมาไล่เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ

พ่อเคยทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะของความขัดแย้ง เกิดกีฬาสีระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง มีความรุนแรงถึงกับทำร้ายกัน เข่นฆ่ากัน ตายนับสิบ เจ็บนับร้อย

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ฟาดพรรรการเมืองบางพรรคใช้กระแสต้านพรรคส้มบังหน้า เพื่อ “อุ้มซากเน่า” ทางการเมือง ชี้ทั้งพรรคส้มและพรรคแดงต่างทำลายประเทศ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่านักการเมืองส่วนมากไร้จริยธรรม เห็นแก่ตัว พร้อมทำชั่ว พร้อมสนั

กรณีพิพาทเรื่องดินแดนของไทยที่เขมรทำตัวเป็นอันธพาลเกเรจะเอาเอาดินแดนของไทย ยังคงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น แม้ว่ายังไม่มีการทำสงครามอาวุธ แต่ก็มีการทำสงครามวาทะ

เวลาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาสืบเนื่องมาเป็นร้อยปี หากจะมองตั้งแต่ยุคต้นของรัตนโกสินทร์ อาณาจักรกัมพูชาในตอนนั้นคืออาณาจักรเขมรที่เป็นประเทศราชของสยามมาจนถึงรัชกาลที่ 4

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความว่า งง สับสน ใครรู้ความจริง.ช่วยยืนยันหน่อยเถอะค่ะ ว่าเขมร

มีคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินเป็นแสนๆ ล้าน เขามีความร่ำรวย แต่เขาไม่พอเท่านั้น เขามีความทะเยอทะยานอยากเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

มีคนบางคนเขาพูดว่า ที่ประเทศไทยเป็นเช่นนี้เพราะมีคนจำนวนหนึ่ง (จำนวนมากเสียด้วย) ที่หลงรัก หลงชื่นชม หลงยกย่องคนที่ทำเรื่องที่เลวร้าย ทำผิดกฎหมายหลายเรื่อง

เวลานี้เรื่องราวของนักโทษเทวดาที่พำนักอยู่ที่ห้อง VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่หยุด จนมีคนขอให้หยุดขุดคุ้ยเรื่องนี้กันได้แล้ว

บรรดาข้าทาสบริวารขออง สทร.ที่ทำหน้าที่เป็นนายแบก นางแบกทั้งหลาย ต่างพากันออกมายืนยันว่า สทร.ป่วย แล้วก็ต่อว่าต่อขานผู้คนที่เขาเห็นด้วยกับการแถลงของแพทยสภาว่า

ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากไม่เชื่อว่าคุณพ่อป่วยจริง แต่น่าจะป่วยทิพย์มากกว่า การอ้างว่าการอยู่ที่ห้อง VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจถือว่าเป็นการติดคุก 180 วัน ครบที่จะได้รับการพักโทษนอกเรือนจำ ประชาชนส่วนมากก็ไม่เห็นด้วย และคิดว่าคุณพ่อยังไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว

เมื่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำสั่งคดีระหว่างอัยการสูงสุด คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความสั้นๆว่า ถ้า 29 ยังไม่หนี วันพรุ่งนี้คงไม่มีอะไร ที่ร้องก็ร้อ

บนเวทีหาเสียง พรรคเพื่อไทยสัญญาว่าจะทำนั่นทำนี่มากมาย คุยว่าตัวเอง “คิดใหญ่ทำเป็น” พร้อมกับการด้อยค่าผลงานของพลเอกประยุทธ์ กล่าวขานเรียกพลเอกประยุทธ์เป็น รปภ. ที่ริอ่านมาขับเครื่องบิน เป็นทหารที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจอะไรเลย จะพาประเทศลงเหว

แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่า พ.ร.บ. Entertainment Complex ที่เลื่อนไปนั้นยังไม่ได้ถอน แต่จะเอากลับมาอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมเมื่อมีการเปิดประชุมสภาในสมัยหน้า แต่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 พูดว่าไม่รู้ว่าจะได้ประชุมกันอีกหรือเปล่า