ทอท.การันตียอดผู้โดยสารจีนแตะ1ล้านคนภายใน ส.ค.นี้

“สุวรรณภูมิ” ย้ำมีเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสาร เร่งแก้ปัญหากระเป๋าล่าช้า เปิดตัวเลยผู้โดยสาร 4 เดือนกว่าจำนวน 17 ล้านคน  ด้านจีนเดินทางเข้าไทยแล้ว 1.61 แสนคน คาดถึง 5 แสนคนภายใน 1 พ.ค.นี้ ก่อนแตะ 1 ล้านคนภายใน 20 ส.ค. นี้

17 ก.พ. 2566 – นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า สถิติเที่ยวบิน และผู้โดยสารในภาพรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ปัจจุบันนับตั้งแต่ประเทศไทยเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565-15 ก.พ. 2566 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 107,304 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 17,350,179 คน โดยภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง และประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ได้ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ทำการบิน ณ ทสภ. ในภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ โดยเฉพาะภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2566 รวมถึงได้อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ทสภ. มีจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 8 ม.ค.-15 ก.พ. 2566 เที่ยวบินที่ทำการบินเข้ามาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน ฮ่องกง มาเก๊า) มีจำนวน 751 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 20 เที่ยวบิน

อย่างไรก็ตามขณะที่ ผู้โดยสารขาเข้าจากจีนมีจำนวน 161,502 คน เฉลี่ยวันละ 4,142 คน ทั้งนี้ ทสภ. คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินขาเข้าจากจีนจะแตะ 500,000 คน ภายในประมาณวันที่ 1 พ.ค. 2566 และจำนวน 1,000,000 คน ภายในประมาณวันที่ 20 ส.ค. 2566

ทั้งนี้ในส่วนของความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งของผู้โดยสารโดยเฉพาะในช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน (Peak Hour) นั้น ทสภ. มีความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขในหลายๆ ประเด็น อาทิ กรณีการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว สถิติเที่ยวบินที่กระเป๋าล่าช้ามากกว่า 30 นาที จากเดิมเมื่อ ธ.ค. 2565 มีจำนวนประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวันม.ค. 2566 ประมาณ 30 เที่ยวบินต่อวัน

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ก.พ. 2566 ลดลงเหลือประมาณ 15-20 เที่ยวบินต่อวัน คิดเป็นประมาณ 7% ของเที่ยวบินทั้งหมด ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะกลางนั้น บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณทสภ. ทั้ง 2 ราย (บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิสจำกัด) ได้เร่งดำเนินการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ซึ่ง ทอท. ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยให้กับ ทสภ. ต่อไป

นอกจากนี้ ทสภ. ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่สาธารณะขาดแคลน ให้เป็นไปด้วยความคล่องตัวเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและใช้เวลาในการรอคิวน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถแท็กซี่ฯ ในระบบเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็น 3,909 คัน และ ทสภ. คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ฯ เข้าระบบเพื่อรองรับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นได้ถึงจำนวน 4,500 คัน ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ทสภ. และจองการใช้บริการรถ TAXI ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการรถแท็กซี่ฯ

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. กล่าวว่า ทอท.อยู่ระหว่างเตรียมการแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่งบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางภายในอาคารผู้โดยสารทสภ. โดยมีแผนการเพิ่มขีดความสามารถของจุดตรวจหนังสือเดินทาง ณ ทสภ. แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Auto channel เพื่อรองรับผู้โดยสารขาออกได้ทุกประเทศที่มีการใช้งาน E-Passport ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้บริการผ่าน Auto channel ได้ สะดวก รวดเร็ว ในขณะที่ผู้โดยสารขาเข้านอกจากผู้โดยสารชาวไทยแล้ว ประเทศไทยได้มีบันทึกข้อตกลงในการผ่านเข้าประเทศ ทำให้ผู้โดยสารกลุ่มนี้สามารถใช้บริการ Auto channel ได้

“การดำเนินการอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณ และคาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการจัดหาพัสดุได้ประมาณมิ.ย. 2566 และเริ่มทยอยทำการติดตั้งเครื่อง Auto channel ได้ตั้งแต่ พ.ย. 2566 ไปจนครบภายใน ส.ค. 2567 ทำให้มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาออก จาก 6,200 คน/ชั่วโมง เป็น 8,800 คน/ชั่วโมง  และสามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้า จาก 11,000 คน/ชั่วโมง เป็น 13,300 คน/ชั่วโมง”นายกีรติ กล่าว

ระยะที่ 2ก่อสร้างพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณพื้นที่ว่าง ที่อยู่ระหว่างอาคารผู้โดยสารกับ อาคาร Concourse D เพื่อเป็นโถงรองรับผู้โดยสารขาเข้า และผู้โดยสาร Visa on Arrival (VOA) ซึ่งการดำเนินการอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณและจัดทำข้อกำหนดรายละเอียด (TOR) โดยจะสามารถเริ่มงานได้ประมาณ พ.ย. 2566 และจะแล้วเสร็จใน พ.ค. 2568 โดยเมื่อการดำเนินงานแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาเข้าได้อีกประมาณ 2,000 คน/ชั่วโมง และเพิ่มการรองรับในส่วนของผู้โดสาร Visa on Arrival (VOA) ได้อีก ประมาณ 400 คน/ชั่วโมง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟุ้ง 3 เดือน นักท่องเที่ยวทะลักเข้าไทยกว่า 10 ล้านคน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยที่ยังคงได้รับความนิยมจากต่างชาติ หลังจำนวนนักท่องเที่ยว

ผอ.เขตพระนคร ยันคลิปนักท่องเที่ยวสาวทำลามก ไม่ใช่ที่อุโมงค์ใต้ดินวัดพระแก้ว

สืบเนื่องจากกรณีโซเชียลแห่แชร์คลิปกลุ่มนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างประเทศทำพฤติกรรมลามกอนาจรภายในอุโมงค์ทางลอดแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่า