ป้ายกำกับ :
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์
ไขข้อข้องใจ! ติดเชื้อ 'ฝีดาษลิง' จากห้องส้วมได้หรือไม่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เราสามารถติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจากที่นั่งส้วมในห้องน้ำได้หรือไม่
ไม่รอด! ไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนภารตะแล้ว
เอาแล้ว! พี่ไทยเจอโอไมครอนอินเดีย สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้วหนึ่งรายที่จังหวัดตรัง ผงะ! กลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่ง
สายพันธุ์ย่อยใดน่ากังวลสุด! พบ BA.2.38 ในไทยแล้ว 2 ราย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยว่า
ศูนย์จีโนมฯ ชี้กลุ่ม 608 - ผู้มียีนกลายพันธุ์ จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ว่า คำถามที่สอบถามศูนย์จีโนมฯ
ศูนย์จีโนมฯระบุโควิดไม่น่ามีการระบาดใหญ่ในไทยอีก แต่ต้องระวัง 'BA.5'เข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
26มิ.ย.65-ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ได้โพสต์ข้…
ศูนย์จีโนมฯ ชี้โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 สร้างความกังวลทั่วโลก
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ชี้โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 กำลังสร้างความกังวลไปทั่วโลก และมีแนวโน้มเข้าไปแทนที่สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่
ศูนย์จีโนมฯ เปิดไทมไลน์ฝีดาษลิงชี้ถูกมองข้ามตั้งแต่ปี 2561!
ศูนย์จีโนมฯ ไล่ไทมไลน์ฝีดาษวานรในโลกให้เข้าใจตรงกัน เผยเริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปี 2561 แต่ถูกมองข้าม ชี้ปัจจุบันมีกลายกลายพันธุ์จากเดิมถึง 40 ตำแหน่ง
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผยผลวิจัยตปท.ยันวัคซีนmRNA เข็ม 3 จะไปกระตุ้น' บีเซลล์' หรือหน่วยความจำในร่างกายสร้างภูมิป้องกันโควิดทุกสายพันธุ์
21เม.ย.65 – ศูนย์จีโนมมิกส์ทางการแพทย์ รพ.รามาธิบ…
จับตา โอไมครอน “BA.4” และ “BA.5” สายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล
องค์การอนามัยโลกประกาศเพิ่มความระมัดระวังโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอีก 2 สายพันธุ์ “BA.4” และ “BA.5” จากเดิม 4 สายพันธุ์ “BA.1, BA.1.1, BA.2, และ BA.3”
WHO เตือนโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม 'XE' ตรวจพบในไทยแล้ว 1 ราย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม “XE” ที่แพร่ติดต่อได้รวดเร็วกว่าไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ที่เราเคยประสบกันมา (ภาพ 3)